ยิ่งใกล้วันที่ 21 ม.ค.อนาคตใหม่ยิ่งดิ้น "ธนาธร" อ้อนแม่ยก! 18 ม.ค.อาจเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ปราศรัยต่อหน้าประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ลั่นจะไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจอยุติธรรม-อำมหิต ด้าน "ปิยบุตร" จุดกระแส หากยุบส้มหวานจะเกิดผลร้ายต่อสังคม 3 ด้าน ทำลายความหวังคนไทย เกิดการแบ่งแยกคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ผลักคนส่วนใหญ่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อวันที่ 17 มกราคม มีความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลอย่างคึกคักจาก 2 แกนนำพรรคอนาคตใหม่กรณีการยุบพรรค โดยเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ระบุข้อความว่า วันพรุ่งนี้ (18 ม.ค.) อาจเป็นวันสุดท้ายที่ตนจะได้ปราศรัยต่อหน้าประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง
"ผมไม่อาจทราบได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคมนี้ออกมาเป็นอย่างไร จากกรณีที่มีผู้ร้องว่าผม, อาจารย์ปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่มีทัศนคติ 'ปฏิกษัตริย์นิยม', 'ล้มล้างการปกครองฯ' หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าคดี 'อิลลูมินาติ' หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นโทษต่อเรา ผมอาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และพรรคอนาคตใหม่อาจถูกยุบ"
นายธนาธรระบุด้วยว่า "ถึงแม้ผมยังเชื่อในความถูกต้องของเรา และยังเชื่อว่าทั้งหลักฐานและกระบวนการของคดีนี้ มาจากแรงจูงใจในการกำจัดศัตรูทางการเมืองมากกว่าเป็นเรื่องของความผิดชอบชั่วดี แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นหมายความว่างาน 'Future Is Now #อย่ากลัวอนาคต' จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้พูดคุยกับประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ดังนั้นผมอยากใช้โอกาสนี้เล่าให้ทุกท่านฟังอีกครั้งว่าทำไมเราถึงตั้งพรรคนี้ขึ้นมา ผมอยากเล่าให้ทุกท่านฟังว่าสังคมไทยที่ผมอยากร่วมสร้างกับทุกท่านมีหน้าตาแบบไหน เราจะจัดการกับเศรษฐกิจของเราเช่นใด และเราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร
ในงานเดียวกัน อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค จะกล่าวแถลงปิดคดีนอกศาล ท่านจะได้รับฟังข้อเท็จจริงจากปากของเราแบบสดๆ รวมถึงการชวนคิดว่าทัศนคติ "ปฏิกษัตริย์นิยม" คืออะไร และเรามีทัศนคติเช่นนั้นจริงหรือไม่"
นายธนาธรระบุว่า "นอกจากนี้เรายังต้องการตอบคำถาม คำถามที่ยังมีผู้คลางแคลงสงสัยในเจตนาของเรา ต้องการรู้ เช่น เราชังชาติหรือไม่? เราต้องการล้มล้างการปกครองฯ หรือเปล่า? เราต้องการเห็นสังคมวุ่นวายหรือไม่? เป็นต้น ในการนี้เราได้รับเกียรติจากคุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้จะมาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชน ถามคำถามกันแบบตรงๆ
ขอเชิญร่วมงาน 'Future Is Now อย่ากลัวอนาคต' ที่อาคาร SC3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
ผมขอสัญญาว่าผมจะต่อสู้ต่อไป ทำงานการเมืองต่อไป จะไม่ถอยไม่ทน - และไม่ยอมแพ้ - ต่ออำนาจอยุติธรรมอำมหิต เพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมที่เราใฝ่ฝันร่วมกัน" นายธนาธรระบุ
ผลร้ายต่อสังคม 3 ด้าน
ขณะที่เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความว่า "คดีอิลลูมินาติ คือข้อกล่าวหาว่าธนาธร ผม และพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คุณณฐพร โตประยูร ผู้ร้อง ก็ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และหากศาลสั่งยุบพรรคจริง ผมก็ไม่คิดว่าผมหรือคุณธนาธรและพลพรรคอนาคตใหม่จะได้รับผลร้ายอะไร เพราะพวกเราก็ยังคงเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป
แต่ผลร้ายจะเกิดขึ้นกับสังคมใน 3 ด้านใหญ่ๆ ก็คือ 1.การยุบพรรคอนาคตใหม่คือการทำลายความหวังและความฝันของคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากเห็นการเมืองที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ 2.เกิดการแบ่งแยกกันของช่วงวัย ช่วงอายุของคนในสังคม หรือที่เรียกว่า 'Clash of Generations' ที่จะแตกแยกขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นไปอีก 3.และที่สำคัญที่สุด นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เรานำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างศัตรูทางการเมือง คุณกำลังจะผลักไสกลุ่มคนจำนวนมากในสังคม ให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างนั้นหรือ นี่คืออันตรายที่คุณไม่รู้ตัว หรืออาจรู้แต่ไม่สนใจก็ไม่ทราบ"
นอกจากนี้ นายปิยบุตรยังเผยว่า "นายณฐพรยังตามมาดูนโยบายของพรรคอนาคตใหม่อีก เช่น การจัดการมรดกบาปของคณะรัฐประหาร คสช. การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนเหมือนที่เราทำมาแล้วตอนปี 2540 การให้สัตยาบันในธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยการก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ ถามว่านโยบายเหล่านี้เป็นการล้มล้างการปกครองตรงไหน ก็ในเมื่อประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหลายประเทศก็อยู่ในธรรมนูญนี้ ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศนี้ ไม่มีตรงไหนเลยบอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีแต่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นพัฒนาก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยซ้ำไป
ถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ตนคิดว่าการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ การเกิดขึ้นของการเมืองแบบใหม่ๆ สร้างความหวาดกลัวให้กับคนบางคน คนบางกลุ่ม นี่คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ระบอบแบบนี้ไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้คณะรัฐประหาร ไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้กับอำนาจเผด็จการ แต่มีที่อยู่ที่ยืนให้กับรัฐสภา ให้กับรัฐบาล มีที่อยู่ที่ยืนให้กับประชาชน ที่มีสิทธิ์มีเสียงในการออกเสียงลงคะแนน และมีสิทธิ์มีเสียงในการรณรงค์ทางการเมือง นี่คือเนื้อหาใจความสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
นายปิยบุตรกล่าวด้วยว่า "ถ้าหากว่ามีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นจริง ผลร้ายไม่ได้เกิดกับนายธนาธร ไม่ได้เกิดกับตน นายธนาธรก็ยังคงรณรงค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ได้กลับไปประกอบธุรกิจ ตัดสิทธิ์ตนให้ไม่ได้เป็น ส.ส. ตนก็จะเดินสายอภิปรายแบบในสภา แต่อภิปรายให้พี่น้องประชาชนฟังทั่วประเทศ ส.ส.เราก็จะย้ายไปอยู่ในพรรคใหม่ สมาชิกพรรคเรา 6 หมื่นกว่าคน ก็จะไปต่อแถวสมัครสมาชิกพรรคใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน ดังนั้น ถามว่ายุบไปแล้วสร้างผลร้ายให้กับธนาธร ให้กับตน ให้กับพรรคอนาคตใหม่ไหม ตนคิดว่าไม่ใช่ แต่ถ้ายุบพรรคด้วยเหตุนี้ จะสร้างผลร้ายในเรื่องอื่นๆ ต่อเนื่องไป
นี่คืออันตรายที่คุณณฐพรไม่รู้ตัว หรือรู้แล้วไม่สนใจก็ไม่ทราบ กองเชียร์อาจจะโห่ร้องดีใจกำจัดพรรคอนาคตใหม่ได้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าคุณกำลังสร้างผลร้ายอื่นๆ ตามมา แล้วตัวคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว นี่ไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่แค่ธนาธรหรือผม นี่คือความหวังของคนรุ่นหนึ่ง คนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา แล้วถ้าทำลายด้วยวิธีแบบนี้ เกรงว่าจะนำบ้านเมืองไปสู่ทางตันมากกว่าเดิม"
'จตุพร' เชื่อยุบแน่
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า สำนวนคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 2 คดี คือจะตัดสินในวันอังคาร 21 ม.ค.นี้ เป็นคดีล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนอีกสำนวนเป็นข้อหาพรรคกู้เงิน ซึ่งยังไม่ถึงเวลาประกาศคำตัดสิน เพราะพรรคกู้เงินลุกลามไปสู่พรรคอื่นๆ อีกจำนวนมาก
คดียุบพรรคอนาคตใหม่ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ซึ่งใครคิดว่าไม่มีอะไร แต่ตนวิเคราะห์มาแต่ต้นว่าต้องดูที่ไพ่ใบแรก คือกรณีนายธนาธรถูกเล่นงานครอบครองหุ้นสื่อ จนทำศาล รธน.ตัดสินขาดคุณสมบัติ ส.ส. และให้ กกต.ดำเนินคดีทางอาญาเพื่อตัดสิทธิ์ทางการเมืองอันเป็นดาบสองต่อไป ดังนั้น เรื่องการล้มล้างการปกครองนั้น จึงทำให้สังคมเริ่มเชื่อว่าจะทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคได้มากกว่า แต่ตนไม่ต้องการให้ยุบเพราะยุบไปก็ไม่จบ และจะเกิดพรรคอนาคตใหม่ในนามพรรคอื่นขึ้นมาแทนที่ เช่นกรณีการยุบพรรคไทยรักไทยซึ่งอยู่ในช่วงรัฐประหาร และก่อนยุบพรรคพลังประชาชน กรรมการบริหารพรรคลาออกทั้งหมดเพื่อเลื่อนบัญชีชื่อ ส.ส.ขึ้นมาแทน
"การคิดยุบพรรคในรอบนี้ ผมเชื่อว่าคนในพรรคอนาคตใหม่คงต้องเตรียมการ เตรียมตัว ไม่ใช่เป็นการพูดชี้นำเพราะไม่ได้ชี้นำ แต่ต้องการให้คิดกันว่าสถานการณ์การเมืองเรื่องการยุบพรรค มันเป็นเรื่องไม่ปกติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ความจริงพรรคการเมืองไม่ควรมีการยุบพรรค เพราะการยุบพรรคเห็นกันแล้วว่ามันไม่มีวันจบ ยุบอนาคตใหม่ก็จะมีพรรคอนาคตใหม่ในชื่ออื่น"
นายจตุพรเชื่อว่า วันที่ 21 ม.ค.นี้ การยุบพรรคมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากกว่าไม่ยุบ ยิ่งข้อหาพรรคกู้เงินมีหลายกรณีมากเท่าไร การลงมือคดีล้มล้างการปกครองจึงมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น แทบหามวยรองไม่ได้
"การยุบพรรคอย่าถามถึงรายละเอียด แต่เป็นเพราะสังคมในประเทศเราที่มีการยุบพรรคกันมา ดังนั้นจึงเชื่อว่าอนาคตใหม่จะโดนยุบ แม้ลึกๆ ในใจผมจะไม่ต้องการให้มีการยุบพรรคการเมืองเลย" นายจตุพรกล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีปัญหาการกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ได้รับการเปิดเผยรายชื่อมาก่อนหน้านี้ว่า "จุดยืนของผมตั้งแต่เริ่มต้น คือ เงินกู้ เงินยืม คือหนี้สิน ไม่ใช่รายได้ (ม.62) ไม่ใช่เงินบริจาค (ม.66) และไม่ใช่ประโยชน์อื่นที่รู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ม.72)
สิ่งที่ยืนยันความเห็นของผมคือ เอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเก่าหรือกฎหมายใหม่ ตามหลักฐานที่ กกต.เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2556-2561 ปรากฏรายการเงินกู้ เงินยืม เงินทดรองจ่ายของพรรคการเมืองมากมายนับสิบพรรค ในรายการหมวด 'หนี้สิน' ไม่ใช่หมวด 'รายได้'
แต่เมื่อ กกต.ชุดปัจจุบันสร้างบรรทัดฐานใหม่ โดยเห็นว่าเงินกู้ เป็นประโยชน์อื่นที่รู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยมิชอบ (ม.72) เนื่องจากไม่ปรากฏรายการเงินกู้ ในหมวดรายได้ (ม.62) และถือเป็นความผิดในระดับยุบพรรค ตัดสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตและดำเนินคดีอาญาถึงขั้นจำคุก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |