17 ม.ค.63-"ดิสกุล" รับครูเป็นหนี้เยอะจริง ทั้งระบบมูลค่า1.1 ล้านล้านบาท   เฉลี่ยมีหนี้รายละ 1ล้านบาท  จากผู้กู้ 4แสนราย ส่วนยอดสูงสุดอยู่ที่ 3ล้านบาท  เผยสกสค.วางแผนให้ทำประกันผูกกับเงินกู้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้ครู จะได้ปลดหนี้เร็วขึ้น

นายดิสกุล เกษมสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า ตามที่มีการเสนอตัวเลขรวมจำนวนหนี้สินของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นเงินกว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยมีในส่วนของหนี้ โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จำนวน 4 แสนล้านบาท เป็นเรื่องจริง เพราะปัจจุบัน ช.พ.ค.มีสมาชิกอยู่ประมาน 9 แสนราย เป็นผู้กู้เงินกองทุน จำนวนประมาน 4 แสนราย ซึ่งจำนวนยอดวงเงินกู้ที่สูงที่สุด คือ จำนวน 3 ล้านบาท แต่มีจำนวนน้อย  โดยจำนวนยอดเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ รายละประมาน 1 ล้าน ซึ่งจากจำนวนผู้กู้ประมาน 4 แสนราย ยอดเงินกู้ก็จะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท

“อย่างไรก็ตาม สกสค.ได้วางแผนเรื่องการทำประกันชีวิตที่ผูกกับเงินกู้ เพื่อให้ครูได้ชำระดอกเบี้ยอย่างน้อยที่สุด และจะประโยชน์กับตัวผู้กู้เองด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา โดยทาง สกสค.จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ให้การช่วยเหลือครู”ปฏิบัติหน้าที่ เลขาฯ สกสค.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงปี 2558 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เคยเปิดเผยข้อมูลยอดหนี้ของครูและบุคคลากรทางการศึกษา ทั้งประเทศว่า มียอดหนี้สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท  แบ่งเป็นหนี้จากการกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ 700,000 ล้านบาท กู้จากธนาคารออมสิน 4.7 แสนล้านบาท และอื่นๆ อีก 50,000 ล้านบาท

สำหรับ ข้อมูลผู้กู้และยอดหนี้ โครงการ ช.พ.ค.เมื่อช่วงสิ้นปี 2562  และ สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ว่ามียอดรวมประมาณ 398,485 ล้านบาท โ ดยผู้กู้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 51-60 ปี ในจํานวนนี้มีผู้กู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 71-80 ปี อยู่จํานวน 7,714 รายขณะที่ มีจำนวนครูและบุคคลากรทางการศึกษาทั้งประเทศ ประมาณ  900,000 คน  ในจำนวนนี้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกษียณแล้วประมาณ 2-3 แสนคน  แต่ในกลุ่มผู้กษียณแล้ว พบว่าร้อยละ 80-90 ยังมีหนี้จากการกู้ยืมทั้งสิ้น  
ดังนั้น  ยอดหนี้ของครูและบุคคลากรทางการศึกษาเมื่อช่วงสิ้นปี 2552 ที่มียอดรวม 1.1 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดหนี้ของปี 2558 สะท้อนให้เห็นว่าในช่วงประมาณ 3ปี ที่ผ่านมา ได้ลดลงไปประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ3หมื่นล้าน