ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางสั่ง กกต.ส่งเอกสารแสดงขั้นตอนการไต่สวนคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ภายใน 15 วัน "กูรูสมชัย" อ้างมีขั้นตอนที่ผิดปกติ ใช้เวลาเร่งรัด มีการตั้งข้อกล่าวเพิ่มในมาตรา 62 และ 72 ไม่มีการให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหา "ช่อ" เปล่าแกล้ง 4 งูเห่า สัปดาห์หน้าค่อยส่งมติขับให้ กกต. เพราะช่วงนี้งานเยอะ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม มีรายงานข่าวจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ว่าจากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้องนายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อน ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค., นายนิยต ดำรงประภักดิ์, นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน, พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต., นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์, พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา, พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสามเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต., นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ, นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14 คดีหมายเลขดำ อท.185/2562
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค. ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2562 นั้น
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี ที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควรให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน, การไต่สวน, การรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาว่านายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน, ไต่สวน, การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย, กฎ, ประกาศ, ระเบียบ, ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร
โดยให้สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาลภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป โดยศาลกำหนดนัดพร้อม หรือฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.2562 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค. โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรค อนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้ว แต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวน พร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณา ทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ
ขณะที่เลขาธิการ กกต. จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไป และส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้อง ก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ
ส่วนคณะกรรมการ กกต. จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกลิดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา, ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา, เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. แสดงความเห็นว่า เอกสารสำนวนคดีพรรคอนาคตใหม่ที่มีการเผยแพร่ทั่วไป มีจำนวน 49 หน้า แยกเป็น 6 รายการ จากประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง และเห็นสำนวนการสืบสวนและเอกสารภายในของ กกต.มาแล้ว เชื่อได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของจริง
มีขั้นตอนหนึ่งที่ผิดปกติ คือ การที่นายทะเบียนพรรคการเมือง (นายจรุงวิทย์ ภุมมา) มีคำสั่งที่ 7/2562 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และนำเสนอความเห็นต่อ กกต. เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 (รวมระยะเวลาทำงาน 8 วันทำการ) โดยมีสิ่งที่ผิดปกติ คือ 1) ใช้เวลาเร่งรัด 2) มีการตั้งข้อกล่าวเพิ่มในมาตรา 62 และ 72 และ 3) ไม่มีการให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหาและมีโอกาสได้ชี้แจงทั้งๆ ที่เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงในระดับยุบพรรคการเมือง
ส่วนประเด็น กกต.มีสิทธิในการวินิจฉัยที่แตกต่างจากความเห็นคณะทำงาน หรืออนุกรรมการวินิจฉัยหรือไม่ นายสมชัยชี้แจงว่า เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะมีมติแตกต่างจากความเห็นทุกระดับที่เสนอขึ้นมาได้ โดยเป็นเอกสิทธิ์ในการลงมติของแต่ละท่าน
วันเดียวกันนี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับองค์ประชุมที่ใช้ขับ ส.ส.ออกจากพรรคจำนวน 4 คนว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนและดำเนินการส่งเอกสารให้กับสภาผู้แทนราษฎรและ กกต. ความล่าช้าที่เกิดขึ้นขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะพรรคอนาคตใหม่มีคดีที่ต้องดำเนินการเตรียมข้อต่อสู้จำนวนมากถึง 30 คดี ประกอบกับทีมกฎหมายของพรรคมีขนาดเล็ก ทำให้ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ
โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่สามารถยืนยันได้ว่าองค์ประชุมที่ใช้ขับ ส.ส.ทั้ง 4 คนออกจากพรรคครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายของพรรคที่จะดำเนินการตรวจสอบ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดหรือความคิดเห็นได้ และเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่ทั้ง 4 คนจะต้องรู้ว่าตนเองมีสถานะทางการเมืองและกฎหมายอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของพรรรค
"ไม่มีเหตุผลที่พรรคอนาคตใหม่จะยื้อ ส.ส.ทั้ง 4 คนเอาไว้ เพราะเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนนี้ก็ไม่ได้ลงมติไปในทางเดียวกับพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว" น.ส.พรรณิการ์กล่าว
ด้าน ดร.ปิยพจน์ ตุลาชม อดีตผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการขับ 4 ส.ส.ออกจากพรรคว่า กกต.บอกมาว่ามีหน้าที่รับทราบข้อมูลของพรรคเท่านั้น และเมื่อพรรคมีมติขับ ส.ส.ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ก็จะถือว่ามีผลในวันที่ลงมติ ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง
"ด้วยความเห็นส่วนตัวแล้ว ส.ส.ทั้ง 4 คน ไม่น่าที่จะต้องกังวลเรื่องเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน เพราะยังไงต้องรีบหาที่อยู่ ต้องรับผิดชอบอนาคตของตัวเอง และจำเป็นต้องทำด้วย ไม่งั้นความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงแน่ๆ เมื่อครบ 30 วัน"
เขาระบุว่าอีกอย่าง กกต.เองก็บอกว่า การขับสมาชิกพรรค เป็นเรื่องของพรรคการเมือง กกต.ไม่เกี่ยว แต่เกิดอะไรขึ้น นายปิยบุตรบอกว่า การขับออกจากพรรคจะต้องไปตรวจสอบความถูกต้องเรื่ององค์ประชุมในวันที่ 16 ธ.ค.62 ก่อน
"อ้าว!!!! แล้วมีมติขับเขาออกมาได้อย่างไร ถึงวันนี้ยังจะมาดูเรื่ององค์ประชุม บ้าไปแล้วดูภาพสิครับ ทั้งสี่คนขาดความเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ แล้วไปอยู่ที่ไหนก็ได้แล้ว ไม่ซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน ก็เลยสงสัยว่า ปิยบุตร แกล้ง หรือไม่รู้ หรือเจตนา แต่ผมว่าไม่น่าเป็นไปได้ ความรู้กฎหมายระดับนี้ แต่ว่าก็พลาดมาเยอะแล้วล่ะ" ดร.ปิยพจน์ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |