กมธ.ปราบโกงฟัดกันเดือด! "เสรีพิศุทธ์" หัวร้อนหลุดด่า "ปารีณา" อย่าเสือก-คุณมันต่ำ "สิระ" โดดป้องฉะสุภาพบุรุษนาแกดูถูกผู้หญิง "ไพบูลย์" นำทีม พปชร.ยื่นญัตติด่วนถอดพ้นกรรมาธิการ ฐานใช้อำนาจมิชอบ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นประธานการประชุม เกิดเหตุปะทะอารมณ์ระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ. สืบเนื่องจากในการประชุมช่วงเช้า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทวงถามกรณีที่ไม่บรรจุเรื่องที่ตนเองและนายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จำนวน 7 ประเด็น ซึ่งทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องดังกล่าวมายังคณะ กมธ.แล้ว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุถึงเหตุผลที่ไม่ยอมพิจารณาเป็นเพราะว่าไม่มีลายเซ็นของผู้ร้อง ทำให้ น.ส.ปารีณา ในฐานะผู้ร่วมคำร้องยืนยันว่าได้ลงลายมือชื่อเรียบร้อย แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังยืนยันคำเดิม ทำให้เกิดการโต้เถียงกันกว่า 15 นาที กระทั่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์โมโหและหมดความอดทน จนหลุดปากว่า “อย่ามาเสือกพูดจาแบบนี้กับผม” ทำให้ น.ส.ปารีณาโต้ตอบว่า “อย่ามาพูดจาต่ำๆ แบบนี้กับดิฉัน” ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สวนว่า “ก็คุณมันต่ำ” จากนั้นที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมชั่วคราว เนื่องจากที่ประชุมสภากดออดเรียกสมาชิกให้มาลงคะแนนตามวาระการประชุม
ต่อมา คณะกมธ.ได้กลับมาประชุมอีกครั้ง ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวยอมรับว่าเอกสารคำร้องได้ลงนามถูกต้อง พร้อมกับตำหนิเจ้าหน้าที่ว่าไม่ยอมแจ้งเรื่องความถูกต้องให้ทราบ ทำให้ น.ส.ปารีณาขอให้ถอนคำว่า “เสือก” ออกไป แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยืนยันไม่ถอน อีกทั้งยังท้าให้ไปฟ้อง และยังไล่ น.ส.ปารีณาออกจากห้องประชุม รวมถึงสั่งตำรวจรัฐสภาผู้หญิง 2 คน ให้มาพา น.ส.ปารีณาออกจากห้องประชุม จากนั้นได้สั่งปิดการประชุมทันที
ทั้งนี้ ก่อนการสั่งปิดการประชุม นายสิระซึ่งเข้ามาร่วมประชุมรอบหลัง ได้โวยวายให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนคำว่า “เสือก” เพราะเห็นว่าเป็นคำไม่สุภาพที่จะใช้กับผู้หญิง อีกทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษนาแก จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะกับคำนี้กับผู้หญิง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สวนกลับว่า คุณมาทำตัวแบบนี้ วันหนึ่งมาไหว้ วันหนึ่งก็มาว่า ทำให้นายสิระระบุว่า ไม่เกี่ยวกัน พร้อมกับยืนยันให้ถอนคำพูด จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็ได้เดินออกจากห้องประชุม พร้อมกับพูดว่า ช่วงนี้ปิดประชุมแล้ว พูดไปจะได้ฟ้องหมิ่นได้ ขณะที่นายสิระกล่าวไล่หลังว่า "ฟ้องไปเลยครับ แต่ท่านอย่ารับเงินเดือน เพราะท่านเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหากรับเงินเดือนเท่ากับว่าร่วมกระทำความผิดด้วย ผมลูกผู้ชายรับไม่ได้ ด่าผู้หญิงว่าเสือก ใช้ไม่ได้" ทั้งนี้ หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เดินออกจากห้องประชุม ได้บ่นงึมงำ โดยมีคำสบถในตอนท้ายด้วยว่า เหี้-
หลังจากนั้น นายสิระให้สัมภาษณ์ว่า “สังคมควรตัดสินว่าผู้ชายคนนี้ทำพฤติกรรมยังไง คุณเอ๋ก็แค่ทักท้วง แต่กลับมีคำพูดจากประธานว่าเสือก เข้าใจว่าพูดออกมาแล้วหลุดได้ แต่หลุดแล้วก็ควรจะขอโทษ ให้สังคมตัดสินว่านี่คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. อดีตวีรบุรุษนาแก ถ้าเป็นที่ประชุมใหญ่คำนี้ต้องขอถอน ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ก็จริง แต่คุณเอ๋ปารีณาบอกให้ถอนคำพูด ไม่ยอมถอน”
เมื่อถามว่า เป็นในลักษณะนี้แล้วจะทำงานร่วมกันต่อไปได้หรือไม่ นายสิระกล่าวว่า คณะอื่นยังทำได้ ตอนทำงานกับนายปิยบุตรก็ทำงานได้ ประชาชนได้ประโยชน์ ต้องยึดเสียงส่วนมาก ทำตามกฎหมายและยึดระเบียบข้อบังคับ แค่นี้ก็อยู่ด้วยกันได้ ความคิดเห็นไม่ตรงกันคือระบอบประชาธิปไตย
“เราทำงานด้วยกันได้ ถ้าทุกคนอยู่ร่วมกันแบบไม่ดูถูกดูแคลน ไม่ใช้วาจาที่ล่วงลึกไปขนาดที่ใช้คำว่าเสือกกับผู้หญิง แบบนี้มันไปไม่ได้ ต้องถามคนที่พูดว่า พูดมาได้อย่างไรว่าเสือก” นายสิระกล่าว
ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวยอมรับว่า รู้สึกเริ่มเบื่อกับประเด็นวิวาทะที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่การทำงานที่ผ่านมาสามารถเดินไปได้ แต่จะมาติดในเรื่องลักษณะแบบนี้ และตนนอกจากจะเป็น กมธ.ทำหน้าที่สอบสวนแล้ว ก็ยังต้องเป็นกรรมการห้ามมวยด้วย
ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงเพื่อยื่นญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี ส.ส.รับรองในญัตตินี้จำนวน 52 คน ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 ข้อ 108 (5)
นายไพบูลย์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ได้มีการพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากจำนวน 8 คนจากทั้งหมด 15 คน ได้มีมติโดยการขานชื่อ เพื่อยืนยันว่าต้องการให้ยุติการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมาธิการฯ ที่จะตรวจสอบได้ เมื่อคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้มีมติแล้ว ปรากฏว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กลับละเลยมติเสียงข้างมาก โดยไปอ้างข้อบังคับการประชุมสภาไม่ถูกต้อง พร้อมกับอ้างอำนาจความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อไม่ถือตามมติเสียงข้างมาก เป็นผลให้กรรมาธิการเสียงข้างมากจะต้องดำเนินการกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในสภาด้วยการเสนอญัตติฉบับนี้
"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้อาศัยสถานะความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำการตรวจสอบการถวายสัตย์ฯ ของนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องดังกล่าวอยู่ในเขตพระราชอำนาจ จึงเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงไม่สมควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ประธานและกรรมาธิการต่อไป เพราะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจตรวจสอบ ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้วินิจฉัยตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 32/2562 จึงขอเสนอญัตติด่วนเพื่อให้สภาพิจารณาดำเนินการ และมีมติให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พ้นจากการเป็นกรรมาธิการฯ ต่อไป ผมเป็นนักกฎหมายผ่านเรื่องต่างๆ มากมาย ถ้าท่านยังไม่หยุด จะเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง" นายไพบูลย์ ระบุ
ด้านนายสิระกล่าวว่า หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ตนเองจะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอีกหลายคดี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |