16 ม.ค.63 - เมื่อเวลา 16.00 น. ทหาร ตรำวจ 6,812 นาย จาก 39 กองพัน ทั่วประเทศ ซักซ้อมสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562และวันกองทัพไทย ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ถนนพหลโยธิน ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี โดยมี
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือพล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์เสนาธิการทหารบกพล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือพล.อ.อ สุทธิพันธุ์ ต่ายทอเสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิธีซักซ้อม
โดย พล.อ.พรพิพัฒน์ ได้นำกล่าวคำถวายสัตย์ ปฏิญาณตน ตอนหนึ่งว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะยอมตายเพื่อเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตราบชีวิตจะหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้าจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้าพระพุทธเจ้าจะดูแลช่วยเหลือเป็นที่พึ่งของประชาชนและจะปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความยุติธรรม ข้าพระพุทธเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมของศาสนาและจริยธรรมข้าพระพุทธเจ้าการรักษาคำถวายสัตย์ปฏิญาณนี้ด้วยเกียรติยศและเกียรติศักดิ์ของทหารและตำรวจทั้งจะปฏิบัติตน ปฏิบัติภารกิจให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ ตลอดไป
ทั้งนี้ข่าวประชาสัมพันธ์ ของกองทัพไทย ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกในรัชสมัยรัชกาลที่10 ที่ทหาร – ตำรวจทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี ความสามารถ ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของเหล่าทัพ และเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงพระราชสถานะเป็น องค์จอมทัพไทย
สำหรับการจัดกำลังสวนสนามฯ ในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 39กองพัน จำนวน 6,812 นาย ประกอบด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม จำนวน 7กรม กรมละ 4กองพัน รวม 28กองพัน ,กรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1กรม 4 กองพัน ,กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1กองพัน
,กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม กรมละ 3 กองพัน รวม 6กองพัน
นอกจากนี้ ยังได้จัดกำลังทางอากาศ จำนวน 37เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23จำนวน 3 เครื่อง ทำการบินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮลิคอปเตอร์ 4เหล่าทัพ ทำการบินแบบหมู่ 6และหมู่ 9พร้อมด้วยหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินแบบหมู่ 9 และหมู่ 10
สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนามในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105มม.,155มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5 ,F - 16, T-50 , Gripen JAS-39 และ เฮริลคอปเตอร์ แบบ EC 725
อย่างไรก็ตาม การจัดพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร – ตำรวจ ในครั้งนี้ กองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้เปล่งเสียงถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์อย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ แสดงถึงความเป็นปึกแผ่นในการผนึกกำลังของทหาร – ตำรวจ เพื่อเทิดพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและจะสืบสานพระราชปณิธานที่พระองค์ทรงมีต่อทหาร – ตำรวจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะถวายพระเกียรติในทุกโอกาสปฏิบัติงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาทโดยมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และพร้อมอุทิศชีวิตเป็นราชพลี ถวายความจงรักภักดีตราบชีวีวางวาย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |