เป็นทั้งคุณหมอระบบทางเดินหายใจเด็ก ที่สำคัญยังทำงานควบคู่กับงานจิตอาสา โดยเป็นเลขาธิการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย อย่างการหาผู้ปกครองให้กับเด็กกำพร้า เพื่อให้ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีและอบอุ่น กระทั่งล่าสุดได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่น แพทย์ผู้อุทิศตนเพื่อสังคม ประจำปี 2559 จากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับ รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล ในวัย 66 ปี งานนี้แม้อยู่ในวัยปลดเกษียณ แต่เจ้าตัวแอบกระซิบว่า นอกจากงานที่กล่าวข้างต้น เจ้าตัวยังเป็นอาจารย์แพทย์พิเศษ โดยสอนนิสิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการต่อยอดระบบหายใจในเด็ก อีกทั้งยังดูแลคลินิกศูนย์การแพทย์ใน รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย งานยุ่งรัดตัวขนาดนี้ แต่ทว่า คุณหมอนวลจันทร์ ก็ยังแบ่งเวลาในการดูแลตัวเองซึ่งเป็นอย่างให้กับคนวัยเก๋าหลายๆ คน ที่เมื่อเกษียณแล้วยังทำงานแบบไม่มีวันหยุด แต่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจควบคู่กันอีกด้วย
(รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล)
รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล ให้ข้อมูลว่า “การดูแลสุขภาพของหมอโดยทั่วไป คือการเลือกอาหารไม่มัน และไม่รับประทานเนื้อสัตว์ใหญ่ แต่เลือกกินปลาแทน และที่สำคัญกินไข่ไก่ทุกวัน เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ ก็จะเลือกกินถั่วและผักผลไม้ให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน รวมถึงจะเลี่ยงการกินจุกจิก และจะรับประทานมื้อเย็นให้น้อยที่สุด โดยการกินผลไม้หรือถั่วสลับกันไป
“ในส่วนการออกกำลังกายของหมอ คือการเดินทำงานในโรงพยาบาล แม้ว่าที่บ้านจะมีลู่วิ่งออกกำลังกายอยู่ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้ เพราะเวลาที่เราหยุดวิ่งมันจะทำให้เรารู้สึกเวียนศีรษะ แต่หมอจะใช้เวลาเดินธรรมดา ที่ทำให้เราได้ออกกำลังทุกส่วนค่ะ นอกจากนี้ ทุกเช้าก็จะออกกำลังกายแบบกายบริหารที่เรียกกันว่า “มณีเวช” (มณีเวชเป็นท่าบริหารที่คิดค้นโดยท่านอาจารย์ประสิทธิ์ มณีจิระประการ ช่วยปรับโครงสร้างของร่างกายให้อยู่ในลักษณะสมดุล ทำให้การไหลเวียนของเลือด ลม น้ำเหลือง และการทำงานของระบบประสาทเป็นไปโดยปกติ) เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อต่อในร่างกาย เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยร่างกาย”
ในส่วนของการดูแลจิตใจของ คุณหมอนวลจันทร์ บอกว่า “ปกติเจ้าตัวชอบสวดมนต์ก่อนเข้านอนตั้งแต่เด็ก และก็จะหาโอกาสไป “ทำบุญ” ที่วัดทุกเดือน ซึ่งถือว่าเป็นกิจวัตรประจำตัวที่ทำเป็นประจำ นอกจากนี้ การดูแลจิตใจให้ผ่อนคลายและรู้สึกปลอดโปร่งที่ดีที่สุด และทำเป็นประจำคือการ “นั่งสมาธิ” เงียบๆ อยู่ที่บ้าน เพราะก่อนหน้านี้เคยไปเรียนฝึกกรรมฐานวิปัสสนา เพื่อทำให้มีสมาธิและมีสติอยู่กับตัวเอง และนำมาใช้ในการทำงาน หากว่าวันนั้นเราเจอเรื่องที่วุ่นวายใจ
กลับเข้าสู่โหมดทำงานในวัยหลัก 6 กันบ้าง งานนี้ รศ.พญ.นวลจันทร์ บอกว่า ปัจจุบันทำงานแน่นเกือบทั้ง 7 วัน เริ่มตั้งแต่การเป็นคุณหมอเด็ก โดยรักษาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเด็กที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนนิสิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสอนอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 3 ชั่วโมง เกี่ยวกับการต่อยอดระบบหายใจในเด็ก และยังดูแลคลินิกศูนย์แพทย์ จุฬาฯ โดยทำงานอาทิตย์ละ 3 วัน และทำงานเป็นเลขาธิการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ซึ่งไปทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด โดยทำหน้าที่ในการดูแลการบริหารจัดการมูลนิธิ ทั้งนี้ งานที่ทำนั้นย่อมส่งเสริมสุขภาพไปด้วยในตัว
“ถามว่าหมอได้อะไรจากการทำงาน แม้วัยเกษียณจะผ่านพ้นมา 6 ปีแล้ว เริ่มจากงานประจำคืออาชีพแพทย์รักษาเด็ก ตรงนี้เราก็ได้ทำหน้าที่รักษาเด็กเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจให้หายและมีสุขภาพดีจากอาชีพของเรา อีกทั้งในบทบาทของคุณหมอรักษาคนไข้ ก็ทำให้เราได้คิดโด๊สยาสำหรับเด็ก ก็ถือเป็นการฝึกสมองให้ใช้งานได้อย่างเป็นปกติ หรือแม้แต่งานในการเป็นอาจารย์แพทย์ สอนหนังสือนิสิตแพทย์ มันก็จะทำให้ได้พบเจอกับเด็กวัยรุ่นที่เป็นนิสิตแพทย์ ก็ทำให้เราได้รู้ความคิดเด็ก ซึ่งทำให้เรารู้จักปรับตัวเอง เช่น เรื่องการที่เราเป็นหมอ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีค่อนข้างทันสมัย ทำให้เราต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็น เหมือนกับนิสิตแพทย์ยุคใหม่ ที่นอกจากต้องมีความรู้ทางวิทยาการแพทย์แล้ว ยังต้องใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เป็นอีกด้วย ซึ่งตรงนี้เราจึงได้ปรับปรุงตัวเองไปด้วย
ในส่วนของงานมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เนื่องจากเป็นงานอาสาสมัครและเป็นงานบุญ ไม่ได้มีค่าตอบแทน แต่สิ่งที่ได้มากกว่าเงินทอง โดยเฉพาะการที่เราหาครอบครัวให้เด็กกำพร้า เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี และเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีคุณภาพ อีกทั้งมีอาชีพที่ดีทำนั้น ซึ่งสิ่งที่ทำนี้มันช่วยทำให้เขามีชีวิตที่ดี ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเด็กๆ สิ่งที่หมอได้มันคือความสุขใจที่เราได้ทำอะไรที่เป็นบุญกุศล ซึ่งเราไม่ได้ค่าตอบแทนอะไร แต่ได้ความสุขกาย สบายใจ จากการที่ได้เห็นเด็กยากไร้เติบโตอย่างมีความสุขและมีชีวิตที่ดี เพราะส่วนตัวหมอนั้นไม่มีลูกเป็นของตัวเอง แต่เรามีลูกๆ เป็น 100 คน จนอยากเห็นเด็กๆ ได้ดีค่ะ”
ในส่วนของรางวัลแพทย์ดีเด่น แพทย์ผู้อุทิศตนเพื่อสังคม ประจำปี 2559 จากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รศ.พญ.นวลจันทร์ บอกว่า “รางวัลที่ได้รับนี้ อันที่จริงแล้วส่วนตัวไม่ต้องการรางวัล เพราะงานที่รับผิดชอบในส่วนนี้ของมูลนิธิ ตัวเราทำตั้งแต่สมัยจบการศึกษาจากต่างประเทศ และอาจารย์แพทย์ของหมอเองได้ขอให้มาช่วยทำ เพราะมองเห็นว่าเราสามารถทำงานช่วยคนแบบปิดทองหลังพระได้ ก็ได้ทำงานในส่วนเรื่อยมา กระทั่งทางคณะแพทยศาสตร์ของเราบอกว่าให้หมอรับรางวัลนี้ไป และอย่าปฏิเสธเลย ดังนั้นเมื่อได้รับมาเราก็ดีใจ แต่ก็ไม่คาดหวังว่าจะได้แต่อย่างใด เพราะมองว่าไม่จำเป็น เพราะอันที่จริงเราทำงานนี้มานานมาก แต่รางวัลนั้นมาทีหลังค่ะ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |