ค้น11จุด‘ลพบุรี-สระบุรี’ ตร.ล็อกเป้าโจรฆ่าชิงทอง


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กป้อม" ขอสื่ออย่าซักคดีโจรชิงทองฆ่า 3 ศพที่ลพบุรีเยอะ หวั่นคนร้ายดูข่าวไหวตัวทัน "รอง ผบ.ตร." ระดมกำลังจู่โจมค้น 11 จุดเป้าหมายใน จ.ลพบุรีและสระบุรี ยึดอาวุธปืนชนิดเดียวกับคนร้ายมาตรวจสอบ ตีวงล็อกเป้าผู้ต้องสงสัยเหลือ 3 ราย "บิ๊กแป๊ะ" บินด่วนรอบ 3 เรียกประชุมทีมสืบสวน แย้ม "เดี๋ยวก็รู้"  ติงสื่อออกข่าวทำผู้ต้องสงสัยหลบออกนอกพื้นที่

    เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
    นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ปรึกษาหารือกรณีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองใน จ.ลพบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสะเทือนขวัญและกำลังใจประชาชน จึงฝากผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน
    ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังทำงานอย่างหนัก ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเข้าตรวจค้นค่ายทหารเพื่อหาตัวคนร้ายปล้นทองที่ลพบุรี 
    "ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า 2 วันจะมีความชัดเจน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการเปิดค่ายทหารให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เพราะไม่มีอะไรอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอร้องสื่ออย่าถามข้อมูลมาก เพราะผู้ร้ายอาจจะติดตามข่าวสารอยู่" พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ขณะที่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี (ผบก.ภ.จว.ลพบุรี) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ, หน่วยคอมมานโด และทีมสืบสวนนครบาล จัดกำลังชุดไล่ล่าแบ่งเป็นชุดๆ บุกจู่โจมตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 11 จุด ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ขยายผลในการติดตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี โดยเป้าหมายในการตรวจค้น เพื่อพิสูจน์ทราบในการหาตัวคนร้าย อาวุธปืน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง-ขาว ที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี รวมทั้งตรวจสอบเป้าหมายกลุ่มคนที่มีอาวุธปืนชนิดและยี่ห้อที่คนร้ายใช้ คือปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ รุ่น SP-01 ขนาดลำกล้อง 4.3-5 นิ้ว ซึ่งมีผู้ครอบครอง 13 คน จนสามารถคัดกรองผู้ต้องสงสัยเหลือแค่ 3 ราย ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับคนร้ายรายนี้ 
    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกระบอกเก็บเสียงที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่ากระบอกเก็บเสียงดังกล่าวไม่ได้ผลิตในต่างประเทศ แต่ได้มีการสั่งทำพิเศษในประเทศไทย โดยมีการสั่งทำในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีการสั่งทำกระบอกเก็บเสียงหลายชิ้น แต่มีอยู่ 1 ชิ้นที่ผู้สั่งทำอาศัยอยู่ใน จ.ลพบุรี ดังนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้โฟกัสลงไปที่ผู้สั่งซื้อรายนี้เป็นกรณีพิเศษ 
    "การบุกเข้าตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำอาวุธปืนจำนวนหนึ่งกลับมาตรวสจสอบด้วย แต่รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้" แหล่งข่าวระบุ
    ต่อมาเวลา 08.00 น. พล.ต.ท.วิษณุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ รวมทั้งเชิญพนักงานร้านทองออโรร่าที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลอีกครั้ง 
    จากนั้นเวลา 09.00 น. ที่ สภ.เมืองลพบุรี พล.ต.ต.ณัฐพล แถลงความคืบหน้าคดีคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองประจำวันว่า การทำงานของตำรวจคืบหน้าไปพอสมควร สามารถจำกัดวงการสืบสวนได้แคบลง ซึ่งยังมีข้อมูลหลายอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่พยายามเน้นพยานหลักฐานต่างๆ ให้รัดกุม 
    "ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าค้นจุดต้องสงสัยเชื่อมโยงกับผู้ร้ายรายดังกล่าวแล้วกว่า 10 จุด มีทั้งการตรวจค้นผู้ครอบครองอาวุธปืนในรุ่นเดียวกับที่คนร้ายใช้ ซึ่งไม่ยืนยันว่าเป็นบุคคล 3 รายตามที่มีกระแสข่าวว่าเป็นลูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่, กลุ่มผู้มีสี และพลเรือน ซึ่งหลักฐานต่างๆ ที่ได้มาจะต้องนำมาตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับคนร้ายอย่างไร“ พล.ต.ต.ณัฐพลกล่าว
    ถามถึงการตรวจค้นในค่ายทหาร ผบก.ภ.จว.ลพบุรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาทหารได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างดี ไม่มีความขัดแย้งกัน รวมทั้งเบื้องต้นยังไม่ได้สามารถระบุชี้ชัดว่าใครเป็นคนร้ายกันแน่ และยังคงไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุยังคงอยู่ในพื้นที่จังหวัดลพบุรีหรือไม่ 
    ซักว่ามีข่าวตำรวจชุดทำงานร่วมกันหลายกลุ่มมีความขัดแย้งกันภายใน พล.ต.ต.ณัฐพล ยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งกัน มีการทำงานเป็นเอกภาพและร่วมมือกันเป็นอย่างดี โดยมี พล.ต.อ.สุชาติ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติทั้งหมด และที่ผ่านมาตำรวจดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้รับมอบนโยบายเข้ามา โดยจะยึดความรัดกุมของคดีและดำเนินการโดยเร็ว 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เนื่องจากมีข้อมูลว่าในวันเกิดเหตุคนร้ายได้ซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าดังกล่าว ซึ่งตำรวจได้ไปตรวจสอบแล้วนำหุ่นที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายกับตัวคนร้ายมาจำลองการสวมใส่เสื้อผ้าให้เป็นลักษณะเดียวกับคนร้าย เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้
     นอกจากนี้ การตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมก่อนเกิดเหตุนั้น พบว่ามีกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุสามารถเห็นผู้ชายต้องสงสัย และเชื่อว่าเป็นคนร้ายรายนี้กำลังขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ สีแดง-ดำ แล้วไม่มีการปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด มีเพียงสวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ แต่ว่าภาพดังกล่าวนั้นเป็นกล้องที่บันทึกจากระยะไกล ทำให้ยุ่งยากกับการทำงาน ก่อนคนร้ายจะหายไปจากกล้องจนมาเกิดเหตุดังกล่าวเพียงไม่นาน 
    "ทางชุดคลี่คลายคดียังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวของหนึ่งในผู้เสียหายทิ้ง เพราะมีพยานได้เข้าให้เบาะแสกับทางตำรวจ พร้อมบอกพบเห็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อนำรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง-ดำ ที่มีลักษณะคล้ายกับคนร้ายใช้ขี่หลบหนีนั้น มีการนำไปเก็บซ่อนไว้ในบ้านหลังหนึ่ง แต่ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังค้นหาไม่พบ หลังจากที่คนร้ายก่อเหตุเสร็จก็ได้ใช้เส้นทางออกถนนบายพาส ต.โพตลาดแก้ว อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ล่าสุดไปปรากฏที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีระยะทางจากจังหวัดเกิดเหตุไม่เกิน 150 กิโลเมตร ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้นั้น หากเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถขับได้เพียงแค่ในระยะดังกล่าวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นต้องมีการแวะเติมน้ำมันเพิ่ม ซึ่งเสี่ยงจะถูกพยานและวงจรปิดเห็นตัวได้" แหล่งข่าวระบุ 
    มีรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนยังลงพื้นที่สนามยิงปืน ขอข้อมูลกับสนามยิงปืนภายในจังหวัดลพบุรี 4 แห่ง ซึ่งทั้งหมดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 
    กระทั่งเวลา 18.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาที่ จ.ลพบุรี อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุคดีชิงทรัพย์ร้านทองใน จ.ลพบุรี และคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย หลังช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาตินำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 11 จุด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้า
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินทางเข้าประชุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ยิ้มให้สื่อมวลชน พร้อมนำกระเป๋าสีดำขนาดใหญ่เข้าไปในที่ประชุมพร้อมพูดว่า "เดี๋ยวก็รู้"
    ภายหลังประชุมนานกว่า 2 ชม. พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้สัมภาษณ์ว่า คดีมีความคืบหน้า มีหลายสิ่งที่ต้องไปตรวจสอบ ซึ่งการไปตรวจค้นได้หลักฐานบางส่วน บางจุดพบ บางจุดก็ไม่พบ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ 
    "ผู้ต้องสงสัยก็เคลื่อนจุดบ่อยๆ ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว ถ้าสื่อออกข่าวแบบนี้ทุกวันก็คงไปอยู่แถวชายแดน ถ้าเป็นผมก็ไปแถวนั้น ถ้างดเสนอข่าวก็ไม่แน่ เพราะขณะที่ให้สัมภาษณ์เขาก็ฟังอยู่ ต้องขอความร่วมมือทุกคนต้องช่วยกัน" ผบ.ตร.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"