เมื่อประชาธิปัตย์ดำดิ่ง


เพิ่มเพื่อน    

              เขาบอกว่าเลือดไหล

                และไหลไม่หยุด

                แต่ดูให้ดีๆ.....

                ประชาธิปัตย์วันนี้มีสภาพ ไม่ต่างจากฝูงวิลเดอบีสต์ในทุ่งสะวันนาสักเท่าไหร่

                วิลเดอบีสต์ล้านตัวเจอสิงโตตัวเดียวไล่งับคอ....แตกกระเจิง

                ต่างคนต่างไป

                เพราะฝูง    วิลเดอบีสต์ คิดไม่เป็นว่า หากตั้งค่ายกลสู้ ต่อให้สิงโตมาเป็นฝูง ก็ไม่คณนาตีน

                ผิดกับฝูงควายป่า ที่ตั้งหลักสู้ ไล่ขวิด สิงโตคืน

                วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ถึงจุดตกต่ำสุดขีดเหมือนที่เคยเป็น เมื่อครั้งการแยกตัวของกลุ่ม ๑๐  มกรา เมื่อปี ๒๕๓๐

                เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์, วีระ มุสิกพงศ์ พา ๔๐ ส.ส.ออกจากพรรค

                วันนั้นไม่ใช่เลือดไหล

                แต่เลือดกระฉูดจากทุกทวาร

                กระนั้นก็ตาม กลุ่มที่ลาออก ส่วนใหญ่แตกฉานซ่านเซ็น ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก

                ที่เห็นชัดๆ มีเพียงกลุ่มวาดะห์ และ วีระ มุสิกพงศ์ ที่ชื่อ วีระกานต์ ในวันนี้ ได้ไปต่อกับพรรคความหวังใหม่ของพ่อใหญ่จิ๋ว

                แต่สุดท้ายก็เร่รอนไปเรื่อย

                ครั้งนั้นมีสาเหตุมาจากการเลือกหัวหน้าพรรค

                ๓๐ กว่าปีผ่านไป สถานการณ์เดิมหวนกลับมาอีก

                ด้วยเหตุผลเดิมคือ เลือกหัวหน้าพรรค

                ประชาธิปัตย์พยายามบอกว่าตัวเองเป็นสถาบัน

                แต่ดูเหมือนว่าสถาบันการเมืองนี้มีจุดอ่อน ขาดการสื่อสารกันเองภายใน นำไปสู่การขาดความเป็นเอกภาพ จนต้องประสบปัญหาซ้ำรอยเดิม ด้วยสาเหตุเดิม

                เป็นสถาบันการเมืองที่ขาดการหล่อหลอมที่ดี

                ประชาธิปัตย์ยุคนี้มีมุ้งเยอะเกินไป ระบบพรรคพวกดูจะสำคัญกว่า ระบบพรรคที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยนายควง อภัยวงศ์

                จากการเลือกหัวหน้าพรรคล่าสุด คนแพ้ถูกลดบทบาท พรรคพวกคนชนะยึดแทบทุกตำแหน่งในพรรค

                แทนที่จะหลอมรวมใหม่ ให้ทุกคนมีบทบาทอย่างเหมาะสม

                คุยกันเองให้รู้เรื่อง

                กลับกลายเป็นความขัดแย้ง ที่ต้องแยกกันเดิน

                แม้นี่จะเป็นวิถีของพรรคการเมือง มีขึ้นมีลง แต่การเจอปัญหาเดิม ด้วยสาเหตุเดิม และแก้ไขไม่ได้  นำไปสู่คำถามถึงศักยภาพในการบริหารประเทศของพรรคประชาธิปัตย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

                เมื่อเทียบกับสมัย "ชวน หลีกภัย" ประชาธิปัตย์มีความเป็นเอกภาพสูงมาก

                จึงไม่แปลกที่ ประชาธิปัตย์ยุคนั้นแข็งแกร่งกระทั่งส่งให้ "ชวน หลีกภัย" เป็นนายกรัฐมนตรีถึง ๒  สมัย        

                วันนี้ต่างออกไป ประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดได้

                แต่กลับดำดิ่งเพราะแพ้ภัยตัวเองอีกครั้ง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"