บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

            เรียกว่าผ่านมาแค่ครึ่งเดือนแรกของปี “หนูทอง” แต่ดูแล้วทั้งสถานการณ์โลกและสถานการณ์ในไทยกลับร้อนฉ่าเป็นปี ”หนูไฟ” ซึ่ง สถานการณ์โลกก็มีทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ร่ำๆ อาจลุกลามกลายเป็นสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน หรือแม้แต่ความขัดแย้งในประเทศอย่างเมืองผู้ดี ที่ยังต้องมะงุมมะงาหราเรื่อง “เบร็กซิต” อยู่แท้ๆ ก็มีเรื่องปวดหัวว่าด้วยสถานะใน “ราชวงศ์วินเซอร์”...๐

ขณะที่พี่ไทยเองก็มีเรื่องร้อนฉ่าทั้งทางการเมืองและสังคม โดยเฉพาะในซีกการเมือง ซึ่งหลังจาก “วิ่งไล่ลุง” และ “เดินเชียร์ลุง” จะจบไปแล้ว แต่ก็ยังมีควันหลงที่พร้อมปะทุอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเติมเชื้อไฟ อย่างไรเท่านั้น...๐

ส่วนที่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่กลับเกิดขึ้นได้คือ พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ ขุนพลเศรษฐกิจอย่าง “กรณ์ จาติกวณิช” ขอไขก๊อกลาออกจากพรรคแม่พระธรณีบีบมวยผมหลังอยู่มา 15 ปี ซึ่งต้องเรียกว่าการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ส่งผลให้ “ปชป.” มีการปรับเปลี่ยนองคาพยพและถ่ายเลือดกันครั้งใหญ่ทีเดียว ที่สำคัญเป็น การไหลออกจากคีย์แมนระดับเรียกแม่ยกมากกว่าไหลเข้า ไล่มาตั้งแต่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” “วรงค์ เดชกิจวิกรม” ล่าสุดก็ “กรณ์” รวมทั้ง “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ที่จ่อจะเดินตามรอยกรณ์ด้วย...๐

งานนี้ก็คงเป็น การบ้านของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ที่จะต้องเร่งแก้ไข รวมทั้งกวาดและปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเพียงกรณีเลือดไหลออกเท่านั้น แต่เรื่องการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องปรับแก้ด้วย เพราะ หากยังคงลักษณะทำงาน “กินบนเรือนขี้บนหลังคา” ก็เชื่อว่ามิตรทางการเมืองก็จะร่อยหรอลง ไม่ต้องไปฝันถึงการตั้งเป้าโงหัวในพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศหรอก...๐

แต่อย่างน้อยการลาออกของ “กรณ์” ก็ทำให้ส้มหล่นไปยังปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 26 แบบเต็มตีน ทั้งที่เดิมต้องขยับบัญชีลำดับ 25 ขึ้นมา แต่นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุลชัยรุ่งเรือง ได้โบกมือลา ปชป.ไปเป็นผู้อำนวยการพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แล้ว เลยทำให้ หวยมาออกที่ “จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์” หรือ ส.จ.เซ้ม อดีตสมาชิกสภา อบจ.เจ้าของโควเซ้มฟาร์ม ฟาร์มไก่ชนชื่อดังของประเทศแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้กันเลยทีเดียว...๐

แล้วที่สำคัญยังมีการคาดการณ์กันอีกว่า การลาออกของ “กรณ์” อาจประเดิมที่สนามการเมืองท้องถิ่นอย่าง “ผู้ว่าฯ กทม.” ก็เป็นได้ ซึ่งเรียกว่างานนี้อาจเป็นศึกชิงผู้ว่าที่ตัวแทนอิสระ หรือสังกัดพรรคใหม่จะฟัดกันดุเดือดเลือดพล่านก็เป็นได้ เพราะ ดูจากชื่อที่ประกาศออกมาก่อนหน้าทั้ง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และ “รสนา โตรสิตระกูล” และล่าสุดกรณ์ยังจะโดดร่วมวง ยังไม่นับรายชื่อที่จะออกมาจากพรรคใหญ่ทั้ง “พลังประชารัฐ-เพื่อไทย-อนาคตใหม่-ประชาธิปัตย์” ออกมาอีก จึงบอกได้คำเดียวว่าศึกชิงพ่อเมืองกรุงเทพฯ ครานี้เป็นงานระดับศึกยุทธหัตถีกันได้เลย...๐

ส่วนพรรคที่มีกระแสรายวันอย่าง “อนาคตใหม่” นั้น นอกจากเรื่องคดีแล้ว ล่าสุดก็มีเรื่องของการเล่นแง่หลังมีมติขับ ส.ส.งูเห่าไปแล้ว ที่ สำคัญมาจากปากมือกฎหมายระดับดอกเตอร์อย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ที่บอกว่า “ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนว่ามติขับ 4 ส.ส.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่...เป็นเรื่องที่นายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.จะวินิจฉัย ไม่เกี่ยวกับพรรค” แบบนี้ก็ได้เหรอสำหรับ พรรคคนรุ่นใหม่ที่ปากพร่ำบอกว่าเป็นประชาธิปไตยหนักหนา อัปเปหิเขาไปแล้ว แต่กลับไม่ทำให้สะเด็ดน้ำ อย่างนี้มองได้อย่างเดียวว่านี่คือการ “ชำระแค้น” และ “สั่งสอน” มากกว่า...๐

นี่ยัง ไม่นับผลพวงคดีกู้เงินหัวหน้าพรรค ที่ยังรอลุ้นว่าจะออกหมู่หรือจ่า แต่ดูเหมือนช่วงเพลานี้กลับมี การตีข่าวดังกล่าวให้ “คุโชน” ขึ้นมามากกว่าคดีอิลลูมินาติที่พรรคส้มหวานจะถูกตัดสินในวันที่ 21 ม.ค.นี้เสียอีก ซึ่งนอกจาก “ปิยบุตร” ในฐานะผู้เสียประโยชน์เต็มๆ จะเป็นโต้โผหลักแล้ว ซึ่งเข้าใจได้ แต่ที่น่าสนใจกลับมี อดีต กกต.อย่าง “สมชัย ศรีสุทธิยากร” มาพ่วงด้วย โดยมีการแฉเป็นซีรีส์ต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดก็เปิดอีก 16 รายชื่อ หลังจากที่เปิดไปแล้ว 18 รายชื่อพรรคการเมืองที่มีการกู้ลักษณะเดียวกับส้มหวานตามที่ “สมชัย” บอก ที่สำคัญยังมีขารับลูกอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” ก็มาผสมโรง โดยได้ยื่นเรื่องให้ กกต.สอบ 32 พรรคการเมืองที่เดินตามรอย อนค. งานนี้บอกได้คำเดียวว่าเป็นละครเรื่องยาวแน่ๆ ส่วนจะแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่อย่างไร คงต้องรอดูชะตาของพรรคส้มหวานก่อนเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน...๐

...ท.ศักดิ์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"