'ดร.เสรี'เผย'วิ่งไล่ลุง'ยังอับแสง แนะ'บิ๊กตู่'ชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจ


เพิ่มเพื่อน    

 

          รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" วันนี้ (13 ม.ค.) ทอม-ทศวรรต ทะสุวร ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น ดร.เสรี วงษ์มณฑา ในประเด็นข่าวร้อนที่กำลังเกิดขึ้นทั้งกิจกรรมเดินเชียร์ลุงและวิ่งไล่ลุง

สองกิจกรรม เดินเชียร์ลุง กับวิ่งไล่ลุง ความเป็นมาเป็นไป?
"แรกเริ่มก็เกิดจากกลุ่มวิ่งไล่ลุง ตอนเขาคิดจะจัด เขาบอกว่าเขาจัดแบบกีฬานะ ไม่ได้จัดแบบชุมนุม แต่หลายคนเห็นเขาตั้งชื่อวิ่งไล่ลุง ก็รู้แล้วว่ามีนัยยะทางการเมือง ก็มีการเตือนว่าขออนุญาตซะก่อนนะ เดี๋ยวจะโดนตรงสกายวอล์ก ทีแรกเขาบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งกีดกันอะไรต่างๆ ซึ่งหลังจากเขายอมรับและขออนุญาตเรียบร้อยก็ได้จัดที่สวนรถไฟ ซึ่งก็ออกมาแล้วว่าไม่ใช่เรื่องกีฬาอย่างแน่นอน พอมีการวิ่งไล่ลุงเกิดขึ้น ก็มีกลุ่มที่เขาสนับสนุนรัฐบาลอยู่ เขาบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะขอเดินเชียร์ลุงบ้าง โดยทางนี้ไปอยู่สวมลุมฯ ก็ดีแล้วจัดแยกกันอย่างนั้น การปะทะจะไม่เกิดขึ้น ด้านวิ่งไล่ลุง หลายคนก็มีความกังขาว่าใครอยู่เบื้องหลังการจัด ซึ่งทางพรรคการเมืองเขาก็ไม่ยอมรับ แต่สำหรับฝ่ายเดินเชียร์ลุงเขาบอกชัดเจนว่าออกมาเพื่อสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ต่อไป เปิดตัวชัดเจน เมื่อวานก็เห็นชัดเจนว่าทางฝั่งวิ่งไล่ลุงมีนักการเมืองปรากฎตัว แต่ฝั่งเดินเชียร์ลุงไม่ปรากฏนักการเมือง มีแต่เฉพาะคนที่เราเห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลซึ่งอาจเคยปรากฎตัวในสื่ออยู่บ้าง อันนี้เป็นความต่างกัน"

ฝั่งไหนคนมากกว่ากัน?
"ถ้าดูจากภาพถ่ายน่าจะพอๆ กัน แต่ถ้าดูจากการนับ ซึ่งตร. เขาก็เข้าไปสำรวจตรวจสอบ เวลาพูดถึงตัวเองก็ยากที่จะให้คนยอมรับ ทางฝ่ายวิ่งไล่ลุงเขาก็ต้องบอกว่าคนเขาเยอะ ซึ่งถ้าดูจากภาพก็เยอะและคึกคักจริงๆ ซึ่งกิจกรรมเขา มีคุณธนาธรวิ่งนำ ตะโกนสู้ๆ ประยุทธ์ออกไปบ้าง ลุงออกไปบ้าง มันก็ดูคึกคัก ส่วนฝ่ายเดินเชียร์ลุง เขามีกลองยาว มีการแสดง ร้องเพลง ดูแล้วพอๆ กัน แต่เขาจะเชื่อหรือเปล่ากับการนับของตร."

 

 

ตัวเลขกลุ่มวิ่งไล่ลุง 13,340 คน เขาบอกว่าเป็นไปตามเป้า แต่อีกกลุ่มเดินเชียร์ลุง ตร.นับคนต่อคนเลยนะอยู่ที่ 24,585 คน เป็นการส่งสัญญาณอะไรบ้าง?
"ด้านวิ่งไล่ลุงเป็นไปตามคาด ส่วนเดินเชียร์ลุงคือเกินคาด คือคิดว่าอาจเป็นแค่หลักร้อย ก็นึกหวั่นไหวเหมือนกัน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีการเมือง คนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจะเป็นกลุ่มน้อยจะแอ็กทีฟ ส่วนคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เราเรียกว่าพลังเงียบ คนที่เป็นพลังเงียบที่สนับสนุนรัฐบาลน่าจะไม่ออกมา แต่พอออกมาแบบนี้ก็สบายใจขึ้น ตอนแรกคิดว่าผู้ใหญ่จะมากันเหรอ คงหรอมแหรม ได้สองร้ายห้าร้อยก็ดี แต่พอออกมาแบบนี้ ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็มีจำนวนมากพอ"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับวาทกรรมทางการเมืองหรือเปล่า?
"แน่นอน เผด็จการ ธนาธรเขาตะโกนเองเลยนะ คุณลุงออกไป ประยุทธ์ออกไป เผด็จการประชาธิปไตย นี่คือวาทกรรมทั้งสิ้น ถ้า 7 พรรคการเมืองเขารวมตัวกันได้ และเขาได้เป็นรัฐบาล ตกลงนี่คือประชาธิปไตยใช่มั้ย พออีกฝ่ายรวมตัวกันได้ พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ เขาบอกเผด็จการ ตรรกะแบบนี้เขาบอกว่าวิบัตินะ เป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ พอคุณแพ้ปั๊บไม่เป็นประชาธิปไตย พลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีตามครรลองของประชาธิปไตย"

สองพ่อลูกมีความเชื่อมโยงกันยังไง?
"คือจริงๆ แล้ว จอห์น วิญญู เขามีรายการ ซึ่งรายการเขา เขาอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างแน่นอน วิธีการทำให้รายการน่าเชื่อถือ เขาก็เอาพ่อมาอยู่ในรายการด้วย เพราะพ่อเขามีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ความน่าเชื่อถือก็น่าจะมี แต่ทีนี้เวลาพ่อเขาแสดงความคิดเห็น เขาจะใช้ความน่าเชื่อถือของการเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ บางทีย้อนไป 2475 ก็มี แต่ก็ต้องระมัดระวัง เร็วๆ นี้เรารณรงค์เรื่องงดใช้พลาสติก เขาเอารูปคอนเทรนเนอร์ที่มีขยะเป็นพลาสติกบอกว่านี่เหรอรณรงค์ นี่ไงนำเข้าพลาสติก แต่จริงๆ มีคนไปหาดู ข่าวนั้นเป็นข่าวต่างประเทศ บอกว่าเป็นขยะที่นำมาอินโดนีเซียและอินโดนีเซียกำลังจะส่งกลับไปประเทศต้นทาง เราไม่รู้ว่าที่เขาเอามาเขียนเพราะไร้เดียงสา ไม่รู้ข้อมูลจริงหรือเห็นว่าภาพมีโอกาสที่จะด่ารัฐบาลได้ เลยเอามา หรือจริงๆ เขารู้ข้อเท็จจริง แต่เห็นว่าภาพนั้นเอามาพูดให้สวนทางด่ารัฐบาล ลักษณะวิธีการเขาเป็นแบบนี้ เวลาใครเห็นเขาพูดอะไรต้องนำมาคิดวิเคราะห์ แยกแยะว่าเขาพูดเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ การแสดงความคิดเห็นนั้นจริงใจแค่ไหน"

 

 

เขาบอกว่าเดินเชียร์ลุงมีแต่คนแก่จะลงโลง?
"มีหลายอายุ ทางฝ่ายวิ่งไล่ลุงอาจมีวัยรุ่นเยอะ แต่มองว่าคนแก่ใกล้ตายจะเข้าโลง มาคิดอีกที เพราะคนแก่อาจมีวิจารณญาณ มีข้อมูลที่พินิจพิเคราะห์เห็นผลงานรัฐบาล ตั้งแต่สมัยคสช.จนปัจจุบัน เขาเห็นว่ามีความพยายามจะพัฒนาประเทศ จึงคิดว่าพลเอกประยุทธ์ควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป นี่เป็นวิจารณญาณ"

อีกกลุ่มนึงเขามองว่าทำไมไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ?
"ถ้าเกิดเป็นทายาทพี่ แล้วพี่ทำธุรกิจอยู่ ถ้าพี่เห็นว่าทอมมีความรู้ ความสามารถที่จะนำพาบริษัทไปได้ พี่ก็จะยกให้ทอมบริหารพี่จะไปนั่งดู แต่ถ้าเกิดพี่เอง อายุ 70 กว่า แต่เห็นทอม เฮ้ย เด็กคนนี้ยังให้บริหารประเทศไม่ได้ พี่แก่ใกล้จะลงโลงก็ต้องหอบสังขารบริหารต่อไป จนกว่าจะเห็นทอมมีความสามารถ เพราะฉะนั้นการที่คนแก่ใกล้จะลงโลงบอกยังไม่ปล่อยให้เด็ก เพราะอะไร เพราะเด็กเวลานี้ จากภาพที่แสดงออก หนึ่งไปประทับใจกับการไม่ไหว้ครู ไปประทับใจกับการไม่เกณฑ์ทหาร ประทับใจกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ประทับใจกับการยกเลิกหมอบกราบ พอเห็นตรงนี้แล้ว คุณไปประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ แล้วเคยมองมั้ยรัฐบาลทำอะไร แล้วคนที่ทำให้คุณประทับใจเขาทำอะไร ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภา หรือนอกสภา"

"ตลอดเวลาที่หาเสียงจนถึงปัจจุบัน แก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิกไหว้ครู ไม่ต้องเรียกพี่ป้าน้าอา ลดจำนวนนายพล ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ได้ยินแต่เรื่องอย่างนี้ อะไรที่คุณทำแล้วมีประโยชน์กับประเทศชาติ แล้ววัยรุ่นเห็นหรือเปล่าเขาพูดเรื่องการทำงาน 2475 ต่อ วัยรุ่นเข้าใจมั้ยมันแปลว่าอะไร เคยอ่านหนังสือฟ้าเดียวกันมั้ยว่าแปลว่าอะไร เคยฟังอภิปรายเลขาธิการพรรคมั้ยว่าเขาพูดถึงสถาบันว่าอะไร ถ้าเราติดตาม เราจะรู้ว่าความคิดความอ่านน่าเป็นห่วงอยู่หลายเรื่อง พอวัยรุ่นเข้ามาปั๊บ คนแก่ก็เฮ้ย จะปล่อยให้นำพาประเทศชาติไปในทิศทางต่างๆ น่ากลัวนะ เขาถึงต้องออกมาไง พี่กลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ระบอบการปกครองจะเปลี่ยนแปลง พี่กลัวว่าสถาบันหลายๆ สถาบันจะสั่นคลอน แล้วก็กลัวว่าขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชมของประเทศไทยจะหายไป"

 

 

กลุ่มวิ่งไล่ลุงผ้าที่เอามาคาดหัว ปิดบังใบหน้า คลับคล้ายคลับคลากับม็อบฮ่องกง?
"การปิดบังใบหน้า แสดงว่าในใจเขาคิดเหมือนกัน ว่าสิ่งที่เขาทำอาจผิดกฎหมาย การไม่เห็นหน้าจะได้ตามตัวไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่าสิ่งที่ออกมา ทำสิ่งที่ถูกต้อง เราก็เปิดหน้าได้ การที่มีลักษณะแบบนี้ หลายคนก็บอกว่าเป็นการเลียนแบบวัยรุ่นฮ่องกงหรือเปล่า ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริง น่ากลัวนะ เพราะม็อบฮ่องกง เผา ทำลาย ทำร้าย มีหมดเลย ซึ่งเราไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น แต่เมื่อวานเราก็สบายใจ ไม่มีการปะทะกัน ไม่มีความรุนแรง เหมือนที่พะเยา อยู่ที่เดียวกันเลย แต่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ที่กรุงเทพฯ สวนรถไฟ กับสวนลุมก็ห่างกัน การปะทะกันก็ไม่เกิดขึ้น ถ้าจะมีการไล่ลุงต่อไป เชียร์ลุงต่อไป ก็ขอให้เป็นไปอย่างสันติแบบนี้ อย่าให้มีการปะทะกันที่รุนแรง และมีการบาดเจ็บล้มตายกันเลย"

เฟซบุ๊กคุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่าการวิ่งไล่ลุง เป็นสิ่งที่สวยงาม ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร?
"ทอมแปลกใจเหรอ พี่ไม่แปลกใจเลย อะไรก็ตามที่สวนทางกับรัฐบาล รับรองคุณหญิงต้องบอกว่างดงามแน่นอน เป็นเช่นนี้ คุณหญิงมีจุดยืนต่อต้านรัฐบาล อยากให้รัฐบาลมีอันเป็นไป เพราะฉะนั้นกลุ่มวิ่งไล่ลุงเขาอยากให้รัฐบาลนี้พ้นไปก็ต้องงดงามในสายตาคุณหญิงสิคะทอมขา ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่งดงามเลย คือคุณบอกว่าคุณมาวิ่งออกกำลังกาย สุดท้ายคุณมาชูสามนิ้ว ตกลงเป็นการเมืองหรือไม่เป็น คุณมีป้ายต่างๆ นานา เป็นป้ายด่ารัฐบาล เรียกร้องประชาธิปไตย พี่มองว่าภาพเหล่านั้นไม่งามเลยค่ะ"

ธนาธรบอกว่าประชาชนต้องออกมาไล่ซากเดนเผด็จการออกไปให้หมด?
"จะเป็นซากเดนได้ยังไง เขาเลือกตั้ง ถามว่าคสช.ยังอยู่มั้ย ไม่อยู่แล้ว พลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกฯ เขาถูกเสนอชื่อ และถูกเลือกตั้งใช่มั้ย ธนาธรถูกเสนอชื่อแข่งแล้วแพ้ใช่มั้ย มันไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน มาบอกซากเดนมันไม่ใช่ นี่คือวาทกรรม ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแล้วตั้งแต่ประกาศให้มีการเลือกตั้ง นายกฯ ก็ได้มาจากการยกมือในสภา มันไม่เป็นตรงไหน"

 

 

มองกันตามเนื้อผ้า นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างไร?
"เขาหมดความชอบธรรมตรงไหน ถ้ารัฐบาลนี้จะผิดอยู่บ้างคือทำอะไรแล้วคนไม่รู้ อันนั้นแหละเป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ความไม่ชอบธรรม คือทำอะไรหลายอย่างแต่คนไม่รู้ ถ้าเขาเป็นเผด็จการ คนมาด่ารัฐบาล สาวกแดง สาวกส้ม คงถูกเรียกไปปรับทัศนคติ ตอนนี้ถูกเรียกมั้ย ก็ไม่มีใคร คุณด่าได้ขนาดนี้ สื่อมวลชนบางรายก็บิดเบือนข่าวสารขนาดนี้ มันเป็นเผด็จการตรงไหน จะไม่มีความไม่ชอบธรรมตรงไหน ถามว่ารัฐบาลจะอยู่ได้มีสองเรื่องใหญ่ ต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ ส่วนแก้ได้หรือไม่ได้ อะไรที่ไม่ใช่การควบคุมของเรา รัฐบาลต้องชี้แจงว่าทำไมถึงแก้ไม่ได้ อย่าลืมว่าชีวิตคนเรา มีบางสิ่งบางอย่างเราควบคุมได้ บางอย่างเราควบคุมไม่ได้ บางอย่างรัฐบาลแก้ไขได้ต้องบอกว่าแก้ไปแล้ว บางอย่างกำลังแก้ไขอย่แต่ผลไม่ชัดเจนก็ต้องบอก บางอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม รัฐบาลต้องชี้แจง นี่คือข้อที่หนึ่ง สองพลเอกประยุทธ์ ต้องป้องกันไม่ให้เกิดการคอรัปชั่น ทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น อย่าลืมว่าก่อนหน้าที่จะเกิดรัฐบาลนี้ สิ่งที่ประชาชนห่วงใย คือห่วงว่าจะมีนักการเมืองสีเทาเข้ามา เนื่องจากต้องการจำนวนเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ประชาชนหลายคนก็ลังเล เพราะห่วงบรรดานักการเมืองสีเทาเหล่านี้ และพลเอกประยุทธ์จะเอาอยู่มั้ย จะเอาจริงมั้ย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เองเงื่อนไขหนึ่งที่เข้าร่วมรัฐบาล คือต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีการทุจริตเขาจะเดินออกทันที ถ้าตราบใดรัฐบาลยังไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น การแก้ไขเศรษฐกิจทำได้ในบางส่วน บางส่วนมีการชี้แจง เขาจะมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปอีกนานแสนนาน"

เขาบอกวิ่งไล่ลุงคือก้าวแรกของประชาธิปไตย เผด็จการจะสิ้นสุดลงแล้ว?
"ส่วนแรกเขาพูดจริง แต่เผด็จการจะสิ้นสุดเป็นการกล่าวหา เพราะพลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นเผด็จการ แต่ที่บอกว่าเป็นก้าวแรกเป็นเรื่องจริง เพราะเขาประกาศแล้วนะว่าวันที่ 2 จะไปจัดที่เชียงใหม่ แล้วที่จัดเมื่อวานเขาก็มีการดาวกระจาย มีที่เชียงใหม่ พะเยา พิษณุโลก บุรีรัมย์ สุรินทร์ หลายๆ ที่ที่เกิดขึ้น ถ้าเขาจุดติดแล้วการจัดเหล่านี้มันเข้มแข็งขึ้นมา อาจมีการไหลมารวมกันที่ภาคกลางก็ได้ แต่บังเอิญดาวกระจายที่เกิดมันกระพริบเป็นดาวอับแสงพอสมควร ไม่เห็นว่ามีที่ใดคึกคักมากมาย เห็นงดงามอยู่ที่นึงที่สุรินทร์ ถ้าที่อื่นเราเห็นได้ว่าคนหรอมแหรมเป็นหลักร้อย ก็ถือว่ายังจุดไม่ติด อย่างที่บอกเรื่องจะกล่าวหารัฐบาลมันยังไม่ชัดเจน ความชัดเจนจะมีก็ต่อเมื่อคอรัปชั่น ฉะนั้นต้องไม่ให้มีเด็ดขาด นิดหน่อยก็ไม่ได้ เรื่องการแก้ไขปัญหาปัญหาเศรษฐกิจ เข้าใจรัฐบาลนะ บางอย่างรัฐบาลทำไปแล้วแต่ไม่ได้บอกคน บางอย่างอยู่ในกระบวนการที่กำลังจะดีขึ้นก็ไม่ได้บอกใคร ส่วนที่แก้ไม่ได้เพราะเหตุสุดวิสัยก็ไม่ได้บอกประชาชน ทำให้ประชาชนไม่พอใจเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ อันนี้แหละถ้ารัฐบาลจะถูกไล่ก็ด้วยเหตุนี้ค่ะ"

 

 

เขาบอกปี 63 จะมีรวมกลุ่มประท้วงหลายกลุ่ม ถ้าเป็นความจริงและเกิดขึ้น มองยังไง?
"มองว่าการปลุกอาชีพโน้นอาชีพนี้ อาจจะปลุกไม่ขึ้น ถ้ารัฐบาลแก้ไขทัน ไม่ว่าจะราคาสินค้าเกษตร หรือประมง ส่วนประชาธิปไตยมันไม่ได้หายไป"

แต่คนพูดคือธนาธร?
"ใช่ไง เราต้องคิดว่าคนๆ นี้เป็นคนอย่างไร ถ้าเราจะเชื่อไม่เชื่ออะไรใครต้องดูจุดยืน อย่างจะเชื่อหนังสือพิมพ์ฉบับใด ก็ต้องดูจุดยืนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ว่าเราควรเชื่อมั้ย รายการข่าวก็เหมือนกัน พิธีกรเป็นอย่างไร คนอ่านข่าวเป็นอย่างไร ถ้าเราดูจุดยืนจะเข้าใจ เรื่องนี้ถ้าเป็นเรื่องคุณธนาธรพูด จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จงพิจารณาจุดยืนคุณธนาธร"

ถ้าวิเคราะห์กิจกรรมที่เกิดขึ้น เกือบปะทะที่บุรีรัมย์ ถ้าปะทะมองว่ายังไง?
"บาดเจ็บ ล้มตาย และเสียเลือดเนื้อ พี่ก็เลยตั้งคำถามว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญด้วยเลือด แล้วเป็นเลือดใคร ถ้าบาดเจ็บล้มตาย คือใครเหรอ คนปลุกระดมหรือคนเชื่อการปลุกระดม ก็อยากเตือนใจไปที่พ่อแม่ทั้งหลาย พ่อแม่พูดคุยกับลูกด้วย ว่าการปลุกระดมให้คนลงถนนครั้งนี้ เป็นความเจริญของประเทศชาติที่แท้จริง หรือเป็นวาระส่วนตัวของใครบางคน แล้วเตือนลูกๆ ด้วยว่าเมื่อลงไป มีอะไรเกิดขึ้น คนเจ็บตัวไม่ใช่คนปลุกระดมนะคะ"

คนปลุกระดมต้องการอะไร?
"เขาต้องการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนระดับใด เปลี่ยนรัฐบาล หรือระบอบการปกครอง หรือเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ข้อนี้ยังไม่อาจกล่าวหาเขาได้ เพราะยังไม่รู้ชัดเจน แต่รู้แน่ๆ ว่าการเปลี่ยนแปลงของเขาเป็นอันตรายต่อบางเรื่องที่เป็นความมั่นคงของประเทศ อันนี้เราพิจารณาได้"

อาจไปเชื่อมโยงกับคดีของตัวเองหรือเปล่า?
"เหมือนที่คนเขาพูดไง เอ๊ะ แค้นส่วนตัวหรือเปล่า เพราะการที่กลุ่มพันธมิตรออกมา เพราะเขาเห็นแล้วว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ถูกไม่ควร เขาต่อสู้เพื่อประเทศชาติ กปปส. เขาก็มองแล้วนิรกรรมโทษสุดซอยก็ดี รับจำนำข้าวก็ดี ล้วนแล้วแต่มีปัญหากับประเทศชาติ เขาจึงปล่อยไปไม่ได้ เขาจึงต้องออกมา มันไม่ใช่เหตุผลส่วนตัวของใครทั้งสิ้น แต่ทีนี้คนบางคนโดนคดี แล้วไม่พอใจการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เขาใช้คำว่านิติสงคราม แปลว่าตอนนี้กำลังใช้กฎหมายกลั่นแกล้งพวกเขา คนที่ออกมาคิดให้ดี ว่ามีการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งหรือเขาทำผิดกฎหมายเอง การที่เขาโดนคดีต่างๆ เป็นการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งหรือจริงๆ เขาทำผิดกฎหมาย กฎหมายจึงต้องจัดการ"

 

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"