ขอให้โชคดีปี 2561


เพิ่มเพื่อน    

เริ่มต้นสัปดาห์นี้...ตรงกับวันปีใหม่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2561 พอดิบ พอดี ดังนั้น คงต้องพยายามสดชื่น รื่นเริง เข้าไว้ก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศ จะไปเปิดฉากด่าใครต่อใครเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี คงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก อีกทั้งลมหนาวช่วงนี้ ก็ยังไม่ถึงกับเหือดหายคลายจางไปซะทั้งหมด การหาทาง เย็นๆ เข้าไว้โยม จึงน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่ากันเยอะเลย...

                                                        ----------------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...คงต้องเริ่มด้วยการตั้งจิต ภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยดลบันดาลให้ กองหนุน ทั้งหลาย ไม่ถึงกับคิดจะปลดประจำการกันไปซะทั้งหมด เห็นอะไรที่พอเข้าท่า เข้าทาง คงต้องช่วยกันหนุนๆ เท่าที่จะหนุนได้ ส่วนอะไรที่ขัดหู ขัดตา อยู่บ้าง ไม่ว่าแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ที่แยงลูกนัยน์ตามาตั้งแต่ปีเก่าโน่นแล้ว ก็อาจต้องหลับตาเอาไว้ซักพัก ส่วนถ้าหากลืมตาขึ้นมาใหม่ ดันไปเจอรูปถ่าย ตระกูลสะสมทรัพย์ ที่เพิ่งถูกค้นบ้าน ค้นปืน ไปไม่นาน ยืนเคียงบ่า เคียงไหล่ ร่วมสะสมกลมกลืนไปกับผู้นำ คสช. อันนั้น...คงต้องหันไปขยี้ตาเอาเองก็แล้วกัน...

                                                    ----------------------------------------------------------

            ไม่ก็อาจคิดให้เป็นเรื่องขำๆ...แบบเรื่องสาวชาวนาส่ง รูถ่าย (รูปถ่าย) ให้ท่านปลัดอำเภอขวัญใจสาวๆ ในหมู่บ้าน เพื่อย้อนรำลึกความหลัง ความทรงจำ พร้อมเขียนคำบรรยายภาพประกอบไว้เบื้องหลังว่า รูนี้ถ่ายกลางวัน...ไม่เยิ้ม อีกรูถ่ายกลางคืน...กำลังเยิ้ม อะไรทำนองนั้น คืออาจถือเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว เป็นเรื่องของนักกอล์ฟ ก๊วนกอล์ฟ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่จะว่ากันไป ที่ทำให้ต้องไปยืนแอคอาร์ต เซลฟง เซลฟี ไปตามธรรมเนียม ส่วนจะส่งผลให้แต่ละฝ่ายเยิ้ม-ไม่เยิ้ม หรือไม่ ประการใด นั่นคงต้องถือเป็นกรรมใคร-กรรมมันกันตามสภาพ...

                                                  -----------------------------------------------------------

            แต่สรุปเอาเป็นว่า...ด้วยเหตุเพราะสังคม ชาติ บ้านเมือง เป็นอะไรที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมของบรรดาบิ๊กๆ  คสช.เขา อย่างชนิดแทบแยกจากกันไม่ออก เพราะหลังจากที่เขาได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น รัฏฐาธิปัตย์ พร้อมอาสาที่จะแบกเอาชาติทั้งชาติ ประเทศทั้งประเทศ ขึ้นใส่บ่าตัวเองแล้ว อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรเลว อะไรหลงทาง ไม่หลงทาง ระหว่าง ส่วนตัว กับ ส่วนรวม มันเลยแยกกันไม่ออกมาตั้งแต่บัดนั้น คือเมื่อไหร่ที่ คสช.เขาสามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง ชาติ บ้านเมือง ก็พลอยมั่นคง แข็งแรง ตามไปด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาเกิดอาการปากกล้า ขาสั่น เป๋ไป-เป๋มา บรรยากาศแห่งความสับสน ระส่ำระสาย ย่อมปรากฏตามมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...

                                                   ------------------------------------------------------

            สำหรับผู้ที่มีความผูกพัน ห่วงใย ต่อชาติบ้านเมือง...หลายต่อหลายครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ออกจะพะอืดพะอม อยู่ตามสมควร ในการที่จะช่วยประคับประคองชาติ บ้านเมือง อันเลี่ยงไม่พ้นไปจากการต้องหาทางประคับประคอง คสช.ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ส่งผลให้บรรดา กองหนุน ทั้งหลาย เลยตัดสินใจ ปลดประจำการ ไปเป็นจำนวนไม่น้อย หลายต่อหลายรายกลับบ้าน กลับช่อง ปลีกวิเวก ไม่ก็หันไปวิ่งตาม น้องตูน ซึ่งออกจะเป็นอะไรที่สบายใจกว่าวิ่งไล่ตาม ลุงตู่ เยอะเลย บางรายแปรสภาพจาก กองหนุน กลายมาเป็น กองหลอน หันมาแลบลิ้น ปลิ้นตาหลอก ไปเป็นระยะๆ ส่วนที่แปรสภาพจาก กองหลอน กลายเป็น กองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม อาจพอมีอยู่บ้าง แต่ยังอาจไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส ซักเท่าไหร่...

                                                   -----------------------------------------------------------

            ส่วนวิธีที่จะทำให้ กองหนุน กลับมาคึกคัก กระปรี้กระเปร่า พร้อมถูกกะเกณฑ์ ระดมพล กลับมาแบกรับภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองนั้น ก็คงมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือทางที่ท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอาวุโส ป๋าเปรม ของเรา ท่านชี้แนะไว้ด้วยความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ต่างอะไรไปจาก ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ชี้แนะต่อผู้อ่อนอาวุโสทั้งหลายนั่นแหละว่า มีแต่ต้องทำดี แสดงออกถึงความปรารถนาดี แสดงความเป็น แบบอย่าง-ตัวอย่าง เอาไว้ให้ชัดๆ นั่นแหละ สุดท้าย...บรรดา กองหนุน ทั้งหลายย่อมจะกลับมาเอง โดยไม่จำเป็นต้องกะเกณฑ์ ระดมพล ดีลโน่น ดีลนี่ อะไรเอาเลยก็ยังได้...

                                                   ---------------------------------------------------------------

            และการทำดี แสดงออกถึงความเป็นคนดี อันควรยึดถือเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ก็ไม่ถึงกับต้องเสียเวลา ตีความ อะไรมาก คือทำอย่างที่ตัวผู้นำ คสช.อย่าง บิ๊กตู่ เอง เคยให้คำอธิบายไว้แบบสั้นๆ ง่ายๆ นั่นแหละว่า คืออย่าทำอะไร หรือแสดงอะไรที่ออกไปทางชั่วๆ นั่นเอง หรือจะไปหยิบเอา ค่านิยม 12 ประการ ของ คสช.เอง มาทบทวน มาใช้เป็นมาตรฐานยึดมั่น ถือมั่นเอาไว้อย่าให้ร่วงหลุด ตกหล่น แม้แต่ข้อเดียวเป็นเด็ดขาด!!! ซึ่งอันนี้...จะว่าง่ายก็ง่ายๆ ยากซ์ซ์ซ์ก็ยากซ์ซ์ซ์ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัย จิตสำนึก ของแต่ละคนตรวจสอบกันเอาเอง ไม่ต่างไปจากการยึดศีล 5 ศีล 8 นั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีโอกาส ดิ้นได้ ถ้าหากไม่เข้มงวดกับตัวเองเอาไว้ให้จงหนัก...

                                                         ----------------------------------------------------------------

            แต่สรุปเอาเป็นว่า...เท่าที่ดูจากลักษณะท่าทาง ตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว มาจนถึง ณ บัดนาว คงหนีไม่พ้นต้องเตรียมตัว เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า ว่าอาจต้อง เหนื่อย กันอีกซักพักใหญ่ๆ โดยระหว่างที่เหนื่อยคงต้องหันไปตั้ง สติ ให้มากๆ เข้าไว้ อะไรที่เป็นแค่การตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก ในทาง ส่วนตัว คงต้องพยายามลด-ละ-เลิก ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ เพิ่มน้ำหนักให้กับการมองไปที่ผลประโยชน์ ส่วนรวม เป็นที่ตั้ง ไม่แกว่งไกวไปในทางหนึ่ง ทางใด แบบ สุดโต่ง จนเกินไป รักษาแนวทาง มัชฌิมาปฏิปทา เข้าไว้นั่นแหละดี อะไรที่เข้าท่า เข้าทาง คงต้องร่วมด้วยช่วยหนุนกันต่อไป ส่วนอะไรที่ชักจะไม่เข้าท่ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ คงต้องคว้าสากกะเบือบิน ออกอาวุธกันไปเป็นระยะๆ...

                                                      --------------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Meryl Steep... The great gift of human beings is that we have the power of empathy.- พรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ก็คือการที่เรามีความสามารถในการเข้าถึงจิตใจผู้อื่น...

                                                       ------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"