นายกฯร่ายยาว ‘หมาป่า’ในเด็ก ขอเป็นตัวที่ใจดี


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ร่ายยาววันเด็ก ทุกคนเลี้ยงหมาป่าอยู่ในตัวไว้ 2 ตัว ตัวหนึ่งใจร้าย ตัวหนึ่งใจดี จะเลี้ยงหมาป่าตัวไหน สำหรับตนเองเลี้ยงตัวอารมณ์ดีๆ อารมณ์เย็นๆ อารมณ์ร้ายๆ เหมือนหมาป่าใจร้ายไม่อยากเป็น เหน็บพวกไปอยู่ต่างประเทศกี่ปี กลมกลืนไปอยู่ที่โน่นเลย ต้องสอนแบบพันท้ายนรสิงห์ คัดท้ายเรือที่คลองโคกขามถูกโทษตัดศีรษะ ทรงให้อภัยแล้วแต่ทำไมยังให้ตัดศีรษะอีก เพราะรักษากฎระเบียบ กติกากฎหมาย ต้องกระตุ้นเด็กมากกว่าเดิม ไม่ให้เป็นพลเมืองที่เฉื่อยชา และให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

         วันที่ 11 ม.ค.2563 เวลา 08.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศโทภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ณ สนามกีฬาอเนกประสงค์ เขตพระราชฐานในพระองค์ฯ ราชวิถี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน ที่จะเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งในการที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ โดยพระราชทานพระบรมราโชบายให้เป็นการจัดกิจกรรมแบบรวมการ 
    โดยให้บุตรหลานของข้าราชบริพาร ตลอดจนเด็กและเยาวชนในพื้นที่รอบเขตพระราชฐานและเด็กทั่วไป ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติ ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เป็นทุนการศึกษาสำหรับบุตรข้าราชบริพารที่มีผลการเรียนดี พระราชทานสลากออมสิน ของขวัญ ของเล่นเสริมทักษะและความรู้ ตลอดจนพระราชทานอาหารและเครื่องดื่มแก่เด็ก เยาวชน และผู้ปกครองที่มาร่วมงาน โดยมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมในการจัดงานครั้งนี้ด้วย การนี้ หน่วยงานต่างๆ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติด้วย 
     ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ได้ยึดมั่นตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเด็กแห่งชาติ ความว่า ความรู้ และคุณธรรม เป็นรากฐานสำคัญของความดีความเจริญทุกอย่าง เด็กทุกคนจึงต้องหมั่นศึกษาอบรมให้ถึงพร้อมด้วยความรู้และคุณธรรม เพื่อจะได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ผู้สามารถสร้างสรรค์ความดีความเจริญให้แก่ตนและแก่ส่วนรวม 
    รวมทั้งได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการที่ทรงตั้งพระราชปณิธาน ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้พระราชทานพระบรมราโชบายไว้โดยต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อให้เด็กและเยาวชนเมื่อเจริญเติบโตจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.00 น. ณ ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า คณะจัดงานวันเด็กสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เปิดให้เด็กเข้าไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ซึ่งในปีนี้มีเด็กให้ความสนใจมาต่อแถวเพื่อนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยเด็กที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนแรกคือ ด.ช.ศรัญย์ โตสมบุญ (น้องอังเปา) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครราชสีมา
เด็กคนแรกนั่งเก้าอี้นายกฯ
    โดยน้องอังเปากล่าวว่า ได้มาเที่ยวงานวันเด็กทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5 โดยในปีนี้ได้ตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวมาเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับคุณแม่ และเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลในเวลา 06.30 น. รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากกว่าทุกปี ที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก ส่วนสาเหตุที่เลือกมาเที่ยวทำเนียบรัฐบาล เพราะชอบลุงตู่ และเป็น แฟนคลับของลุงตู่ ติดตามลุงตู่อยู่ตลอดเวลา ชอบที่ลุงตู่เป็นคนตรงๆ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ และการจัดงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลจัดได้อย่างสนุก พร้อมกันนี้น้องอังเปาได้กล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า ขอให้ลุงตู่สู้ๆ อยู่เป็นนายกรัฐมนตรีนาน ๆ รักลุงตู่ และขอให้รักษาสุขภาพด้วย
    ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 โดยนายกฯ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5-6 ที่ตนได้มางานวันเด็ก เป็นที่น่ายินดีที่ได้พบปะกันทุกปี วันนี้เป็นวันที่เราจะส่งความรัก ความปรารถนาดีร่วมกันไปยังเด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศ รัฐบาลตระหนักดีว่าเด็กและเยาวชนทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีค่า ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติ อนาคตจะเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า หากเราต้องการผู้ใหญ่อย่างไรในวันหน้า ก็ต้องทำให้เด็กเข้มแข็งตั้งแต่วันนี้ในทุกเรื่อง ต้องเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีต่อร่างกาย จิตใจ สติปัญญา คุณธรรม จริยธรรม อะไรดีก็ทำ ไม่ดีก็อย่าไปทำ ซึ่งเด็กทุกคนสามารถจะนำพาตัวเอง ครอบครัว ประเทศชาติไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย  
    นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ รู้รัก สามัคคี ก็จะเกิดประโยชน์ด้านต่างๆ สังคมปลอดภัย ครอบครัวมีความสุขไม่ทะเลาะกัน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน และที่สำคัญคือหน้าที่พลเมืองไทย ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งตนขอให้คำขวัญนี้เป็นของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปพร้อมกัน นอกจากความรู้ด้านวิชาการแล้ว เด็กต้องบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม ความรัก สามัคคีต้องเกิดในใจ ทุกอย่างต้องเกิดที่จิตใจตัวเอง ทำความดีด้วยหัวใจของจิตอาสา ถ้าหัวใจไม่อยากทำ หัวใจไม่อยากรับ หัวใจไม่อยากคิด มันไปไม่ได้ทั้งหมด มันจะลงไปสู่ที่แย่กว่าเดิมทุกครั้งไป
    “หัวใจมีสองอย่างคือ หัวใจในการทำความดี และหัวใจในการจะทำความไม่ดี เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่เรา เหมือนเราเลี้ยงหมาป่าอยู่ในตัวไว้ 2 ตัว ตัวหนึ่งใจร้าย ตัวหนึ่งใจดี คุณจะเลี้ยงหมาป่าตัวไหน ถ้าเลี้ยงตัวใจดีคุณก็ดี ถ้าเลี้ยงตัวใจร้ายคุณจะเป็นผู้ร้ายต่อไปในสังคม ไม่ได้เกิดอะไรดีขึ้น เกเร มีสุนัข 2 ตัวเสมอ ผมก็มี 2 ตัว แต่ผมก็ต้องเลี้ยงตัวอารมณ์ดีๆ อารมณ์เย็นๆ อารมณ์ร้ายๆ เหมือนหมาป่าใจร้ายผมไม่อยากเป็น” 
    นายกฯ กล่าวอีกว่า ทุกอย่างจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสังคมให้มีความสงบสุขในอนาคตต่อไป การเรียนรู้หน้าที่พลเมืองไทยต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเป็นกำลังให้ชาติบ้านเมืองด้วยสองมือ ด้วยหัวใจ สองขา สองแขน ตัวเรา 32 ประการ ถ้าเราใช้ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ตามกำลังความสามารถเป็นผลดีทั้งสิ้น ต้องยึดมั่นในระเบียบวินัย กฎหมาย เป็นผู้มีจิตสาธารณะเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ตามสมควร ช่วยเหลือกันได้ ไม่ใช่รังเกียจเขา ก็คนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่ศัตรูกันมาตั้งแต่ปางไหนชาติไหน มันอยู่ที่การทำความดี แต่จะทำถูกหรือผิดกฎหมายเท่านั้นเอง
ปลูกฝังค่านิยมความเป็นไทย 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อีกทั้งต้องปลูกฝังค่านิยมความเป็นไทย ประวัติศาสตร์ชาติไทยเป็นอย่างไร อย่าสอนประวัติศาสตร์ชาติไทยแค่ที่ว่าสมเด็จพระนเรศวรฯ กลับมากู้ชาติเมื่อปี พ.ศ.นี้แล้วจบ ท่านไปอยู่ต่างประเทศกี่ปี ทำไมท่านไม่กลมกลืนไปอยู่ที่โน่นเลย ทำไมท่านถึงกลับมา อีกตั้ง 15 ปีแล้วมากู้ชาติ ต้องสอนอย่างนี้ พันท้ายนรสิงห์คัดท้ายเรือที่คลองโคกขามถูกโทษตัดศีรษะ ทรงให้อภัยแล้วแต่ทำไมยังให้ตัดศีรษะอีก เพราะรักษากฎระเบียบ กติกากฎหมาย ต้องสอนอย่างนี้ ทุกอย่างต้องสอนให้คิดวิเคราะห์เป็น อ่านและแปลความ เด็กจะมีแรงกระตุ้นมากยิ่งขึ้น ฝากครูทุกคนด้วย หากสอนแบบท่อง ให้วงกลมตอบ ท้ายสุดจำอะไรไม่ได้ สาระก็หายไป แล้ววันนี้เราต้องกระตุ้นเด็กมากกว่าเดิม ไม่ให้เป็นพลเมืองที่เฉื่อยชา และให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักประเทศ ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต เพื่อเติบโตแข็งแรงและสวยงามต่อไป
    “คงมีแค่นี้ ไม่อย่างนั้นลุงก็พูดกับเราอีกนาน เพราะนานๆ จะได้มีโอกาสคุยกับเราสักที ช่วงหลังๆ ก็พูดน้อยลง แต่ในใจมันมีเยอะ เรื่องมันเยอะ พยายามทำทุกอย่าง วันนี้พูดเร็วเพราะคิดเร็ว มีพูดไม่เพราะบ้าง ต้องขอโทษ อะไรเป็นตัวอย่างที่ดีก็ทำไป ไม่ดีก็อย่าไปทำ และต้องทำให้ดีขึ้น ก็ไม่ใช่เลวร้ายอะไรหรอกนะ อยากบอกว่านายกฯ ก็ต้องดูตัวเองเสมอมา และขอบคุณคณะรัฐมนตรี บุคลากรทางการศึกษาและที่เกี่ยวข้องทุกคน หลายเรื่องถ้าเราปรับเปลี่ยนองคาพยพเหล่านี้แล้วไม่ดีขึ้น ผมว่ามันมีปัญหาแล้วละ มันมีปัญหาที่คน ถ้าทุกคนหันมาหากันก็จะแก้ปัญหาได้ โดยเอาเป้าหมายที่เราต้องการคือเด็กมีการพัฒนา เจริญก้าวหน้า" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์พบเยาวชนสัมพันธ์กว่า 1,000 คน พร้อมให้โอวาทตอนหนึ่งว่า โครงการฝึกอบรมเยาวชนสัมพันธ์ถือเป็นประโยชน์ เป็นกลไกปลูกฝังความคิดที่ดี หลักสูตรทุกหลักสูตรมีประโยชน์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นกำลังสำคัญนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งต้องมีระเบียบวินัย ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ประหยัด อดออม อดทนต่ออุปสรรค แก้ปัญหาในสังคม ในครอบครัวให้พ่อแม่มีความสุข ไม่ไปรบกวนท่านจนมากเกินไป ไม่ให้พ่อแม่ปากเปียกปากแฉะกับเรามากนัก ในการทำอะไรก็ตามต้องเตรียมการให้พร้อมกับศตวรรษที่ 21 วันหน้าเราจะอยู่กันอย่างไร จะเรียนหนังสือและทำงานกันอย่างไร และสังคมปลอดภัยก็เพราะมือพวกเรา เราต้องคอยเตือนพ่อแม่เรื่องการจราจร ขับรถ การไม่ดื่มสุรา ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด เราต้องไม่ไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้
    นายกฯ กล่าวว่า เราต้องดูแลพ่อแม่ต่อไป เพราะพ่อแม่ดูแลเรามามากแล้ว หลายอย่างเราอาจไม่เหมือนเพื่อน ไม่เท่าเพื่อน แต่วันหน้าเราก็หาของเราเองได้ อย่าไปแข่งขันกันตรงนี้ จะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน อย่าไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอฝากพวกเราด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดวันนี้คือต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ด้วยคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าเด็กหรือเยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งหมดคือกระบวนการประชาธิปไตยของพวกเรา ทุกคนต้องช่วยกันเดินไปข้างหน้า แสวงหาความร่วมมือมากกว่าความขัดแย้ง จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชุมซุ้มกิจกรรมต่างๆ พร้อมถ่ายภาพร่วมกับเด็กๆ อย่างเป็นกันเอง 
เราเข้มแข็งประเทศก็เข้มแข็ง
    เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมายังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อพบปะเด็กและเยาวชนที่ทำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ เด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความซื่อสัตย์หรือเด็กกตัญญู และเด็กพิเศษหรือเด็กด้อยโอกาส จำนวน 20 คน ที่ร่วมนั่งเก้าอี้นายกฯ พร้อมร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนที่เวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์จะลงมายังตึกสันติไมตรี เพื่อพบปะถ่ายรูปร่วมกับเด็กและเยาวชนที่ร่วมกิจกรรมต่างๆ พร้อมกล่าวเปิดงานวันเด็กแห่งชาติว่า เมื่อสักครู่ได้พบปะกับเด็กที่มีความรู้ความสามารถในห้องทำงาน บางส่วนได้นั่งเก้าอี้นายกฯ สรุปว่าเรามีนายกฯ ใหม่แน่นอนในวันหน้า เพราะนั่งโต๊ะนายกฯ กันทุกคน หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะเรียนหนังสือ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างไร กิจกรรมวันนี้เพื่อให้ทุกคนมีความสุข 
    "สมัยผมเป็นเด็กกิจกรรมมีไม่มากเท่าทุกวันนี้ ดังนั้นเมื่อมีกิจกรรมมากขึ้น ทุกคนจึงต้องรู้จักการจัดเวลาให้เป็น มีสมาธิกับการเรียนและการทำการบ้าน และทุกคนต้องเรียนรู้ว่าอะไรมีที่มาที่ไปอย่างไร มิเช่นนั้นจะมีการพูดกันไปกันมาโดยไม่เข้าใจสาระสำคัญที่แท้จริง มันจะทำให้เกิดความขัดแย้ง เรามุ่งหมายที่จะให้เด็กทุกคนได้รับการพัฒนาในทุกมิติ"
    นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลนั้น จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกเรื่อง เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาส แล้วสิ่งที่ตนพูดไป ก็อยากให้พ่อแม่ได้เข้าใจด้วย หากเด็กไม่เข้าใจพ่อแม่จะได้สอนต่อ ที่ตนพูดทั้งหมดคือการพูดด้วยเหตุด้วยผล ไม่ได้ต่อว่าใครทั้งสิ้น ถ้าทุกคนเข้าใจทั้งหมด เราต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน เพราะถ้ามันขัดแย้งไปไม่ได้สักอย่าง ความรักสามัคคีเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โลกปลอดภัย เราก็จะเข้มแข็ง ประเทศก็จะเข้มแข็ง ความมั่นคงยั่งยืนก็จะตามมา ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ความขัดแย้งต้องแก้ไข ต้องพูดคุยหาทางออก ไม่ใช่ไปหาทางออกด้วยวิธีอื่นที่มันไม่เหมาะสม
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศิลปวัฒนธรรมมายาวนาน คนไทยเป็นคนที่โรแมนติก ค่อนข้างมีอารมณ์ค่อนข้างเร็ว ทั้งอารมณ์รัก ชอบ เกลียด การเล่นกีฬา เล่นดนตรี จะทำให้ทุกคนมีสมาธิมากยิ่งขึ้น ทำให้สังคมสงบสุขมากยิ่งขึ้น ก็จะไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความรุนแรงในสังคม เมื่อเราเป็นคนในชาติ ทั้งพ่อแม่ลูกหลาน นี่คือสิ่งที่ทำให้สังคมเดินหน้า ถ้าเราขัดแย้งไม่มีคุณภาพ ประเทศชาติยังไงก็ไปไม่ได้ ไม่ว่าเราจะเตรียมการอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตนจะเป็น ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็เหมือนกันหมด เพราะต่างคนต่างมีปัญหากันทั้งหมด ขอย้ำว่าระเบียบวินัยสำคัญที่สุด ระเบียบวินัยในตัวเอง ระเบียบวินัยภายในบ้าน ในโรงเรียน และในสังคม จะนำไปสู่เรื่องของกฎหมาย ซึ่งมีทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก หลายอย่างเกี่ยวข้องกับประชาชน ทุกคนต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ 
    นายกฯ กล่าวว่า กฎหมายมีให้คนกลุ่มหนึ่ง ไม่ให้กระทบกับคนอีกกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงกฎหมาย และพลังแห่งความรักความสามัคคี เป็นที่หนึ่งที่จะนำพาประเทศชาติวันนี้ให้พ้นจากปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ของโลกใบนี้ ซึ่งเราทำได้ทั้งนั้น เราสามารถรองรับสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยความตั้งใจของเรา ไม่มีใครช่วยท่านได้ถ้าไม่เริ่มด้วยตัวเอง อยากฝากว่าให้เป็นสังคมแห่งความรัก ความอบอุ่น ความสามัคคี ทำหน้าที่พลเมืองของชาติ ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับประเทศชาติและบ้านเมือง
    ภายหลังเปิดงาน พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมบูธกิจกรรมต่างๆ พร้อมแจกลายเซ็นเด็กๆ ก่อนที่จะมาร่วมร้องเพลงกับวงหัสดนตรี กรมดุริยางค์ทหารบก ในเพลงศรัทธาของ "โป่ง หินเหล็กไฟ" และเพลงจับมือกันไว้ ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ โดยมีเด็กๆ ร่วมร้องและเต้นไปพร้อมกับนายกฯ.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"