กรีดพ่นน้ำลายยื้องบ63


เพิ่มเพื่อน    

  ถกงบฯ 63 ยืดเยื้อ ประธานวิปฝ่ายค้านขอยกไปประชุมต่อวันพุธ-พฤหัสฯ หน้า แต่แกนนำรัฐบาลไม่ยอม สุดท้ายต้องจบภายในคืนวันที่ 10 ม.ค. "ชวน" กรีดพูด 1 ชั่วโมงกับ 10 นาทีก็ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและน้ำที่อภิปราย กมธ.เสียงข้างน้อยโวยที่ปรึกษานายกฯ มาคุมไม่ให้ตัดงบนายกฯ "ทอน" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแฟลชม็อบ ตร.แจ้งข้อหาเพิ่มชุมนุมไม่เกิน 150 ม.จากเขตพระราชวัง อ้าง 12 ม.ค. ไปวิ่งไล่ลุงในฐานะคนธรรมดาไม่คิดคำขวัญวันเด็ก แต่เชิญเยาวชนออกมาร่วมด้วย

    เมื่อวันศุกร์ ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท รายมาตรา ในวาระ 2 เป็นวันสุดท้าย ก่อนลงมติในวาระ 3 ในคืนวันที่ 10 ม.ค.
    โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบระยะเวลาที่ฝ่ายค้านต้องการในการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ว่าหากดูแล้ววันนี้ไม่จบก็อย่าฝืนเลย ยกไปประชุมในวันพุธ วันพฤหัสบดีหน้า ให้ทำงานกันได้ตามปกติ และได้คุณภาพ ดีกว่ามาเร่งรัด อีกอย่าง ส.ส.ก็อยากลงพื้นที่วันเด็ก ในวันเสาร์ 11 มกราคม จะให้มาอภิปรายอยู่ที่สภาก็ทำให้เขาพะวง
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถูกมองว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ได้มองแบบนั้น ต้องดูกันด้วยเหตุและผล การอภิปรายที่ผ่านมามีคนบอกด้วยซ้ำว่า ส.ส.ฝ่ายค้านพูดน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาล เราพยายามให้จบเลยพูดน้อยลง แต่หากรัฐบาลไม่ยอมให้ขยายเวลาเราก็จะบอกว่าไม่ได้คุณภาพ จะทำแค่พอเสร็จๆลวกๆ ไปก็คงไม่ดี วันนี้จะแสดงตนเป็นปกติ ไม่ได้ไปตีรวนหรือล้มโดยการนับองค์ประชุม ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องจำใจ 
    ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงฝ่ายค้านอยากให้เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ไปพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้าว่า เรื่องนี้วิปทั้ง 2 ฝ่ายต้องหารือกัน คิดว่าคงหารือกันแล้ว อะไรที่ตกลงกันแล้วก็ควรจะเดินไปตามนั้น สภาจะได้เดินต่อไปได้ เท่าที่ทราบก็พยายามที่จะให้พิจารณาให้เสร็จภายในวันนี้ ต้องเข้าใจว่าแม้ว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 จะผ่านสภาตามกรอบเวลาแล้วก็ตาม แต่กว่าจะเบิกจ่ายได้ก็ประมาณเดือน มี.ค. ที่เม็ดเงินจะลงไปถึงข้างล่างได้ ถ้าทำได้ภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ รัฐบาลก็จะสามารถขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประเทศได้มาก ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยื่นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบ ส.ส.ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ หวังว่าถ้าไม่เกิดได้ก็จะดี เพราะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย 
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมีเป้าหมายว่าจะให้จบภายในวันนี้ แต่หากไม่จบสิ่งที่ตามมาคืองบจะใช้ได้ช้า งบนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่จะได้นำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจที่เรากำลังย่ำแย่ ดังนั้นคิดว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน หลังจบการพิจารณาของสภาจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งมีเวลาจำกัด จึงเชื่อว่าในเดือนนี้ต้องจบไม่เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตามมา
ลงมติวาระ 3 คืนวันที่ 10 ม.ค.
    ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า ส.ส.หลายคนก็พูดดี แต่การพิจารณางบครั้งนี้เป็นวาระการแปรญัตติไม่ใช่ขั้นรับหลักการ ซึ่งตามปกติกรรมาธิการฯ จะต้องไปศึกษางบแล้วมาอภิปรายให้สมาชิกทราบ แต่การพิจารณาครั้งนี้กรรมาธิการกลับมีปัญหาเอง กลายเป็นว่าพูดมากกว่าสมาชิกและตั้งคำถามเสียเอง จึงทำให้เสียเวลามากกว่าปกติ ตามปกติการพิจารณางบประมาณถ้ายังไม่เสร็จภายใน 3 วัน ก็สามารถต่อวันที่ 4 ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะไม่เลื่อนไปสัปดาห์อื่นๆ เพราะจะมีปัญหากับทั้ง 2 ฝ่ายเอง
    "อยู่ที่เราสรุปเรื่อง บางทีการพูด 1 ชั่วโมงกับพูด 10 นาทีก็ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับเนื้อและน้ำที่อภิปราย ซึ่งปกติขั้นการแปรญัตติกรรมาธิการจะให้เหตุผลในการตัดงบประมาณมากกว่าที่จะมาอภิปรายหลักการว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แบบวาระแรก" นายชวน กล่าวกรณีนายสุทิน คลังแสง ระบุว่าหากพิจารณาเสร็จภายในวันนี้จะไม่ได้เนื้อหาที่ครบถ้วน
    อย่างไรก็ตาม ต่อมาในช่วงเย็น นายสุทิน คลังแสง เปิดเผยว่า การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฝ่ายรัฐบาลจะให้เสร็จภายในคืนนี้ แม้ฝ่ายค้านจะต่อรองขอให้ปิดการอภิปรายในเวลาตี 1 ถึงตี 2 แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม และให้อภิปรายลากยาวถึงวันที่ 11 ม.ค. จนกว่าจะพิจารณาเสร็จ
     ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เป็นไปตามข้อตกลงเดิม คือให้จบภายในวันนี้ หากไม่จบจะไม่มีการหยุดพัก โดยจะพิจารณาไปเรื่อยๆ ซึ่งหน่วยงานที่เหลือน่าจะอภิปรายกันไม่มาก คาดว่าน่าจะจบในเวลา 24.00 น. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมาชิกจะอภิปรายมากน้อยเพียงใด หากมีจำนวนมากต้องอภิปรายต่อไปจนถึงวันที่ 11 ม.ค. จนกว่าจะจบ แม้วันที่ 11 ม.ค. จะเป็นวันเด็กแห่งชาติที่ ส.ส.ต้องลงพื้นที่นั้น แต่ ส.ส.สามารถมอบหมายตัวแทนให้ไปร่วมงานได้ แต่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นเรื่องภาษีของประชาชน
    ทั้งนี้ การประชุมสภาฯ เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ต่อเป็นวันที่สาม โดยเริ่มที่มาตรา 24 กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 132,834,254,500 บาท ซึ่งสมาชิกใช้เวลาอภิปรายกว่า 4 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่เห็นว่าการใช้งบไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและไม่ตรงเป้าที่วางไว้ ทั้งๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการมีภาระหน้าที่ในการบริหารจัดการการศึกษาเพื่อเด็กและเยาวชน ให้มีคุณภาพและมีความเท่าเทียมกัน จึงอยากให้มีการบูรณาการให้การศึกษามีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 250 ต่อ 68 งดออกเสียง 140 เสียง
     จากนั้นเวลา 14.22 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 25 งบรายจ่ายของกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 26,730,737,500 บาท
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุม ในช่วงบ่ายจนถึงเย็น ภายหลังลงมติเห็นชอบงบของกระทรวงศึกษาธิการเรียบร้อย ที่ประชุมสภาก็มีมติเห็นชอบมาตรา 25 งบรายจ่ายกระทรวงสาธารณสุข ด้วยมติเห็นชอบ 242 ต่อ 64 งดออกเสียง 141 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และมาตรา 26 งบรายจ่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ด้วยมติเห็นชอบ
กุนซือนายกฯ คุมไม่ให้ตัดงบ
     กระทั่งเวลา 17.20 น. ที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 งบรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี  กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี จากเดิมที่เสนอขอ 46,221 ล้านบาท แต่ กมธ.เพิ่มให้ 46,242 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินเพิ่ม 
    โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอให้จับตาการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพราะเป็นการนำเงินงบประมาณออกจากระบบราชการที่คลาสสิกและน่าเกลียดอย่างแท้จริง เนื่องจากพบการจัดสรรงบประมาณมีการรั่วไหล โดยแบ่งจ่ายให้กับโครงการว่าจ้างที่ปรึกษา แยกเป็นรายโครงการมูลค่าสูงกว่า 383 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าจ้างเดือนละ 1.9 แสนบาท รวม 4 เดือน ซึ่งเป็นงบที่สูงกว่าการจ้างผู้ควบคุมงานก่อสร้าง 
    "การพิจารณาของ กมธ.อึดอัดที่สุด เพราะมีคนเข้าไปคุมการพิจารณาถึงห้อง กมธ.และห้องประชุมอนุ กมธ. เพื่อไม่ให้ตัดงบ แม้ กมธ.จะขอตัดขอแปรญัตติตัดเขาไม่ยอม สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกับการพิจารณา กมธ.ของพรรคการเมืองที่ผ่านมาที่เห็นร่วมกัน ตัดคือตัด ซึ่งการพิจารณาของ กมธ.ถูกกดดัน ถูกควบคุม ไม่มีผ่อนคลาย ขอเรียกร้อง ขอให้เอาพอสมควร อย่าทำเกินไป เพราะบางอย่างรับไม่ได้จริงๆ" นายวรวัจน์กล่าว
    จากนั้นที่ประชุมลงมติและเสียงข้างมากของที่ประชุม 245 เสียง เห็นชอบกับ กมธ.แก้ไข และไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง  196 เสียง
    ภายหลังการลงมติแล้วเสร็จ นายวรวัจน์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงบุคคลที่เข้ากำกับการปรับลดงบประมาณของมาตรา 27 คือ พล.อ.กิตติทัศน์ เปี่ยมสุวรรณ์ ที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ซึ่งเข้ากำกับการพิจารณา ทั้งการประชุม กมธ.ชุดใหญ่และอนุ กมธ. ซึ่งควบคุมไม่ให้ปรับลดงบประมาณมากเกินไป และจะให้ลดเฉพาะที่เห็นชอบเท่านั้น โดยงบประมาณของมาตราดังกล่าวถือเป็นงบที่ นายกฯ มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการ เช่นเดียวกับงบกลาง
     ที่ สน.ปทุมวัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.), นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายธนวัฒน์ วงค์ไชย และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา รวมทั้งหมด 5 คน เดินทางเข้าพบตำรวจตามหมายเรียกกรณีจัดการชุมนุมบนสกายวอล์ก แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
    นายธนาธรกล่าวว่า มารับทราบข้อกล่าวหา 4 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้า-ออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ 4.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา   ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ประชุมสภา หากแล้วเสร็จจากการทำหน้าที่จะมาพบเจ้าหน้าที่ในภายหลัง
"ทอน"ร่วมวิ่งไล่ลุง
        หัวหน้าพรรค อนค.ตั้งข้อสังเกตว่า เสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอน อย่างนายไพรัฏฐโชติก์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมที่บ้าน 2 วันติด วันแรกไปถ่ายรูปในบ้าน วันที่ 2 ส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายมาพูดคุย อยากบอกว่าเผด็จการพยายามทำให้เรากลัว ถ้าเราไม่กลัวเราจะไม่แพ้ สำหรับคดีนี้ตนไม่มีความกังวลใดๆ เพราะการดำเนินคดีเป็นเรื่องแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนงานวิ่งไล่ลุงในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ตนจะไปร่วมงานด้วยในฐานะคนธรรมดา
    ด้านนายธนวัฒน์กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง มีความพร้อมมากมีการเตรียมเสื้อ ถ้วยรางวัล วันที่ 11 ม.ค. น่าจะแล้วเสร็จทุกอย่าง จะจัดตามเวลาเดิมที่แจ้งคือ 05.00-09.00 น. วันที่ 12 ม.ค. เพราะได้รับการอนุญาตแล้ว
    ภายหลังการให้ปากคำประมาณ 2 ชม. นายธนาธรเปิดเผยว่า ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือชุมนุมในระยะไม่เกิน 150 เมตร จากพระราชวังรวมเป็น 5 ข้อหา พวกตนปฏิเสธหมดจากนี้จะมาอีกทีในวันที่ 3 ก.พ. เพื่อนัดส่งคดีกับทางอัยการ ตนยืนยันว่าจะสู้ไม่ถอย ไม่หมดกำลังใจ จะทำให้ประชาชนเห็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ องค์กรอิสระ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ตนขอเชิญชวนประชาชนสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป
    "ปีนี้จะเป็นปีแห่งความกล้าหาญของประชาชน ซึ่งจะไม่ทนออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับตัวเอง สำหรับพรุ่งนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ ผมไม่ได้คิดคำขวัญ แต่อยากเชิญชวนเยาวชนให้ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงทำให้ชีวิตคนไทยดีกว่าเดิม สำหรับวันที่ 21 ม.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจิฉัยเรื่องพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครอง พวกผมตั้งพรรคการเมืองมาก็พร้อมสู้ในระบบ ไม่อย่างนั้นจะตั้งพรรคมาทำไม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงสู้ต่อไป” นายธนาธรกล่าว 
    ส่วนบรรยากาศบริเวณ สน.ปทุมวัน มีกองเชียร์กว่า 100 คน คอยส่งเสียงเชียร์และถือป้ายให้กำลังใจ
    ขณะที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กกรณีการจัดวิ่งไล่ลุงที่สวนรถไฟ วันที่ 12 ม.ค.นี้ ตนจะไปเดินไล่ลุงด้วย วัตถุประสงค์ต้องการไปเดินออกกำลังเพื่อเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเอาไว้ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจรัฐ. 


    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"