สีกากีเดือด! คลิปลับโผล่ "จักรทิพย์" โทร.เบรก "วิระชัย" อย่ายุ่งคดียิงรถอดีต ผบช.สตม. บอกปล่อยนครบาลดำเนินการ "โฆษก ตร." ยันแค่สั่งงานปกติ ชี้คนอัดเสียงมีเจตนารมณ์แอบแฝง "บิ๊กต้อย" ลอยตัวปัดไม่รู้เรื่อง "บิ๊กโจ๊ก" ออกทีวีซัด "บิ๊กแป๊ะ" ฟังคลิปเสียงแล้วหดหู่ใจ ระบุจริยธรรมผู้นำสั่งแบบนี้ลาออกดีกว่า เผย 10 ม.ค.ไป ป.ป.ช.ให้ปากคำจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ "ลุงป้อม" อ้อมแอ้มถ้าเจอทั้งคู่พร้อมเป็นกาวใจ "เสรีพิศุทธ์" ฟันธงจัดฉากเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ตั้งแต่ช่วงเช้าในรายการเจาะลึกทั่วไทย ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ดำเนินรายการโดยนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ได้นำเสนอ “แฉคลิปลับ....เบรกคดีโจ๊ก” ซึ่งเป็นคลิปการคุยทางโทรศัพท์ที่แอบอัดการสนทนาระหว่างผู้ชาย 2 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ชายในเครื่องแบบทั้งคู่ เกี่ยวกับคดีคนร้ายยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบช.สตม. โดยนายดนัยบอกว่า ต้นสายอยู่ที่ต่างประเทศ
เนื้อหาการพูดคุยในคลิป (ชายคนที่ 1) : ผมดูออกเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ดูไม่ออก แล้วไปบอกกันที่ 98 คอนโดเพลินจิตนั้น รู้หมดแต่ไม่เคยพูด ที่โทร.มามีแค่นี้แหละ ทำอะไรก็ได้ผู้บังคับบัญชาเขาไว้ใจ อย่าได้ระแวง เข้าใจเปล่า จะเอาอะไรก็แล้วแต่ พี่โทร.มาเตือนแค่นี้แหละ รอง ผบ.หลายคนเขารู้สึก ที่โทร.มาหาพี่
ปลายสาย (ชายคนที่ 2 ) : ถ้าพี่จะให้ทำอย่างไรก็บอกแล้วกันครับ ที่ผมลงไปก็เพราะว่าถ้าไม่มีทำอะไร เขาก็พูดว่าเราไม่ทำอะไร
(ชายคนที่ 1) : น.1 เขาทำอยู่แล้ว นครบาลเขาทำอยู่แล้ว เขาทำตลอด โทร.รายงานมา ระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎยังทำได้ อย่าไปคล้อยตาม เล่นตาม รับลูกกันนะ ทรงอย่างนี้มันดูออกเข้าใจป่าว..เออ
(ชายคนที่ 2) : หมายความว่าผมไม่ต้องลงไปยุ่งเรื่องนี้ใช่ไหมครับพี่ครับ
(ชายคนที่ 1) : ลงไปแล้วก็จบ สั่งการไปแล้วก็พอ แล้วดูเขารายงานกลับขึ้นมาแค่นั้นเอง ไม่ต้องออกไปแถลงข่าวโน้นแถลงข่าวนี้ ไปโอ้โหเหมือนกับเตี๊ยมกันมา มันไม่มีอะไรเลย เขารายงานพี่มานี่พี่ยังไม่เคยโทร.บอกพี่ต้อยเลย นึกว่ามีวุฒิภาวะพอไม่ไปเอาเรื่องส่วนตัว 2 คนเข้ามาร่วมด้วย รู้ทั้งพี่ต้อย โจ๊ก คิดอะไรอยู่ เหมือนที่เขาเคยหลอกใช้พี่ศรีวราห์ พี่รุ่งโรจน์ พี่ใหม่ พี่ช้าง พี่โตป่านนี้ อยู่มาขนาดนี้แล้ว ให้พลโทมาสั่งพลเอกทำโน้นทำนี้มันไม่ใช่ อยู่คนละที่ อยู่สำนักนายกฯ โน้น พี่ไม่อยากพูดถึงขนาดนี้หรอก แต่เขารายงานมา มันมีข้อมูลน่าเชื่อถือ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสนทนาในคลิปยังมีอีก แต่ทางรายการได้ตัดไป อย่างไรก็ตาม หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเสียงที่ได้ยินคล้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สนทนากับกับเสียงที่คล้าย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ซึ่งลงไปติดตามคดีคนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์อย่างใกล้ชิด
ชี้คลิปผบ.ตร.แค่สั่งงาน
ต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงถึงคลิปนี้ว่า ขอเรียนชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวขณะที่มีการสนทนากันตามคลิปเสียงที่สื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอไปนั้น ตนเองได้นั่งอยู่ด้วยในขณะที่มีการสนทนาทางโทรศัพท์ โดยเป็นบทสนทนาระหว่างท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.อ.วิระชัยจริง ซึ่งเป็นการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ระดับ ตร. ตามปกติในการทำงานให้เป็นพี่เลี้ยงทำการกำกับ ดูแล ให้การสนับสนุน และปล่อยให้หน่วยที่รับผิดชอบได้ดำเนินการตามหน้างานตามปกติไป
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ในคดีนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนตามปกติ และได้รายงานให้ท่าน ผบ.ตร.ทราบเป็นระยะๆ ซึ่งท่านได้กำชับมาโดยตลอดในที่ประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"เรื่องการอัดคลิปเสียง และมีการปล่อยเสียงสนทนานั้นลงในโลกโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ทราบว่าใครอัด และอยากรู้เหมือนกันว่าใครทำ เพราะโดยมารยาทแล้วการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างบุคคลนั้นไม่ควรอัดบทสนทนาเอาไว้ ยกเว้นคู่สนทนาจะมีเจตนารมณ์แอบแฝงในทางที่ไม่ดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง" รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.วิระชัยปฏิเสธไม่ทราบเรื่องคลิปเสียงของตนเองกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ถูกแอบอัดและปล่อยออกมา โดยระบุว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ จึงต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการรายงานทางโทรศัพท์กับ ผบ.ตร. และก็มีการกำชับเกี่ยวกับการทำงานมาโดยตลอด
ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การสนทนาดังกล่าวจะถูกดักฟัง พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ก็อาจเป็นไปได้ เพราะปัจจุบันโทรศัพท์ก็สามารถถูกดักฟังได้ โดยเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์ของคนที่มีความสำคัญ ปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย
จากนั้น พล.ต.อ.วิระชัยได้นำสื่อมวลชนไปดูการผ่าพิสูจน์รถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อหาหัวกระสุนที่ยังคงเหลือ และหลักฐานอื่นๆ ที่ตกค้างอยู่ภายในรถ
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า การติดตามตัวคนร้ายจะทำให้เร็วที่สุดและดีที่สุด ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐานดำเนินการเข้าสู่ฐานข้อมูลในเรื่องของหลักฐานที่มี ส่วนการติดตามตัวคนร้ายได้สั่งการให้ตำรวจนครบาล 5, ตำรวจนครบาล 6 และตำรวจสืบสวนนครบาล ช่วยกันสอดประสานแบ่งงานกันทำในการติดตาม มีความคืบหน้าไปมาก
"พอทราบเส้นทางคนร้ายมากพอสมควร ต่อไปนี้จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าทุกวัน กระทั่ง ผบ.ตร.กลับมาจะได้ส่งมอบงานให้ ผบ.ตร.ต่อไป ส่วนรถเบนซ์สีดำที่พบในที่เกิดเหตุ จะเกี่ยวข้องหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ รวมทั้งเรื่องการให้ปากคำของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็บอกถึงกลุ่มที่มาก่อเหตุ ถือเป็นพยานคนหนึ่งที่ให้ปากคำ ทางพนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานให้หมด ต้องทำความจริงให้ปรากฏ” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ช่วงเที่ยง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไปออกรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ที่มีนายกรรชัย กำเนิดพลอย ดำเนินรายการ ในประเด็นคลิปเสียง พล.ต.อ.จักรทิพย์กับ พล.ต.อ.วิระชัย
ในช่วงสัมภาษณ์ตอนหนึ่ง นายกรรชัยถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ว่าคลิปที่หลุดออกมาในโซเชียลฯ ทราบใช่ไหมเป็นเสียง ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร. รู้สึกยังไง เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียิงรถ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ตอบว่า "ผมเรียนตรงๆ ฟังแล้วหดหู่ใจ ผมไม่เอ่ยชื่อใครแล้วกัน ถ้าเป็นผู้นำองค์กรแล้วสั่งแบบนี้ อีกคนอยู่ต่างประเทศ อีกคนรักษาราชการ ผบ.ตร. เขาทำตามหน้าที่ ผมเรียนตรงๆ ว่าวันนี้ผมหดหู่ใจเรื่องการจับคนร้าย ดูแล้วต้องทำใจ ในวันเกิดเหตุก็เห็นเฉพาะท่านรองวิระชัยกับผู้การ รองผู้การ รองผู้กำกับ ตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ผมก็ไม่ตำหนิท่าน แต่ท่านรองวิระชัยท่านก็ออกมาในฐานะผู้แทนองค์กร วันนี้เมื่อประเด็นต่างๆ เข้าไปที่ผู้นำองค์กร ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรต้องทำให้โปร่งใส ยิ่งทำให้สังคมไม่แคลงใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ไม่ใช่มาสั่งแบบนี้ สั่งแบบนี้สั่งเพื่อองค์กรหรือสั่งเพื่อตัวเองหรือเพื่ออะไร"
นายกรรชัยถามว่า คิดว่าเรื่องนี้จะยาวหรือไม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตอบว่า ต้องไปดูว่าผู้ถูกสั่งเขามองว่าผิดอาญาหรือไม่ การสั่งแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
'ป้อม'พร้อมเป็นกาวใจ
"ผมพูดทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริยธรรม ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรแล้วไปสั่งแบบนี้ ผมเป็นผู้นำแบบนี้ แล้ววันนี้สังคมรู้แบบนี้ ผมลาออกดีกว่า ผมบอกเลยว่าอยู่ไม่ได้หรอก ผมมีสปิริต เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ผมถามว่าวันนี้จะให้สังคมมั่นใจได้ยังไง จะอยู่ยังไง องค์กรจะอยู่ยังไง” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว
ที่ สน.บางรัก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอรับคืนรถคันที่ถูกลอบยิงหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษ์ถึงคลิปดังกล่าวอีกครั้ง ยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็นกับคลิปที่ปรากฏออกไป อีกทั้งก็ไม่เคยสั่งการหรือหลอกใช้นายตำรวจระดับพลตำรวจเอก 5 นายตามคำอ้างในคลิปเสียงสนทนา
"ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ พล.ต.อ.วิระชัย ยืนยันไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว เป็นเพียงผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น โดยหลังเกิดเหตุก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น บางครั้งยังต้องขับรถเพียงลำพัง โดยวันที่ 10 ม.ค.นี้ จะเดินทางไปสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานกรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอเมทริกซ์" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่อง พล.ท.สุรเชษฐ์กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ว่า ให้ไปเคลียร์กันเอง เพราะตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทั้ง 2 คน ซึ่งเรื่องการจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ในขณะนั้นทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ แต่ส่วนตัวคิดว่าเครื่องดังกล่าวมีประสิทธิภาพดี แต่ก็ไม่รู้รายละเอียด ทราบเพียงว่ามีการจัดซื้อหลายปีแล้ว
ถามถึงเรื่องคลิป พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะตอนนี้ไม่ได้คุมตำรวจแล้ว ซึ่งไม่รู้จริงๆ และจะไปตอบได้อย่างไร ย้ำว่าในฐานะที่เป็นพี่ของทั้ง 2 คน จะนัดทั้ง 2 คนมาเคลียร์ใจกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่เจอกัน ถ้าเจอกันแล้วจะพูด เนื่องจากตอนนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ปฏิบัติภารกิจอยู่ต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและอดีต ผบ.ตร. กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นอดีตนายตำรวจ และเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.จักรทิพย์และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการจัดฉากของผู้ที่ถูกยิงใส่รถ สาเหตุเพราะการที่มือปืนจะลงมือสังหารใครต้องมีการติดตามเหยื่อมาอย่างใกล้ชิด เมื่อสบโอกาสจึงลงมือลั่นไกสังหารเหยื่อ
"เรื่องนี้เอามือปืนมาจัดฉากยิงใส่รถที่จอดอยู่เฉยๆ ไม่มีเป้าหมายอยู่ในรถแต่อย่างใด เชื่อเป็นการจัดฉากหวังขยายผล เพื่อโจมตีคู่กรณีฝั่งตรงข้ามมากกว่า เพื่อให้มีข้ออ้างจัดการปลดพล.ต.อ.จักรทิพย์ออกจากตำแหน่งก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในอีก 8 เดือน เหมือนกับที่ผมก็เคยถูกเล่นงานมาเช่นกัน" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ชี้แจงกรณี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ระบุเครื่องไบโอเมทริกซ์ไม่สามารถใช้งานได้จริงว่า ไม่ทราบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เอาข้อมูลมาจากไหน ระบบไบโอเมทริกซ์เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้จริง ที่ผ่านมาสามารถจับกุมชาวต่างชาติที่ต้องคดี หรือมีประวัติก่ออาชญากรรมที่พยายามหลบหนีเข้าประเทศไทย หรือหลบหนีเข้ามาแล้วได้จำนวนมาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไม่ควรนำเรื่องระบบไบโอเมทริกซ์ไปเชื่อมโยงกับความขัดแย้งส่วนตัว
นายอาศิส อัญญะโพธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลพัฒนาดิจิตอล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หนึ่งในผู้ร่วมตรวจสอบระบบไบโอเมทริกซ์ ยืนยันเช่นกันว่าเป็นระบบที่มีมาตรฐานสากล ท่าอากาศยานชั้นนำของโลกหลายแห่งก็ใช้ระบบนี้ พร้อมกับยืนยันเช่นกันว่าระบบไบโอเมทริกซ์ใช้งานได้จริง แต่อาจจะมีความล่าช้าในการเชื่อมโยงระบบไปบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ เมื่อทุกอย่างเข้าระบบ ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อประชาชนและสังคม เดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. กรณีที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอเมทริกซ์ และรถตรวจการณ์ไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงิน 2,100 ล้านบาท
นายษิทราหลังให้ข้อมูล ป.ป.ช.นานกว่า 2 ชม. ว่าจากนี้ ป.ป.ช.จะทยอยเรียกสอบปากคำพยาน เริ่มจากวันที่ 10 ม.ค. เวลา 09.30 น. เรียก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เข้าให้ปากคำเป็นพยานปากแรก และจะทยอยเรียกพยานคนอื่นๆ มาให้ข้อมูลจนครบทั้ง 13 คน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |