9 ม.ค.63 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ที่มีหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ดำเนินรายการ โดยเฉพาะประเด็นคลิปเสียง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ตำหนิ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กรณีคดียิงรถของตัวเองที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคม  

โดยช่วงหนึ่ง หนุ่มกรรชัย ได้ถาม พล.ต.ท.สุรเชษบ์ ว่า คลิปที่หลุดออกมาในโซเซียล ทราบใช่ไหมเป็นเสียง ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร.รู้สึกยังไงเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียิงรถ 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตอบว่า  ผมเรียนตรงๆฟังแล้วหดหู่ใจ ผมไม่เอ่ยชื่อใครแล้วกัน ถ้าเป็นผู้นำองค์กรแล้วสั่งแบบนี้ อีกคนอยู่ต่างประเทศอีกคนรักษาราชการผบ.ตร.เขาทำตามหน้าที่ ผมเรียนตรงๆว่าวันนี้ผมหดหู่ใจเรื่องเรื่องการจับคนร้ายดูแล้วต้องทำใจ  ในวันเกิดเหตุก็เห็นเฉพาะท่านรองวิระชัย กับผู้การ รองผู้การ รองผู้กำกับ ตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ผมก็ไม่ตำหนิท่าน แต่ท่านรองวิระชัย ท่านก็ออกมาในฐานะผู้แทนองค์กร 

"วันนี้เมื่อประเด็นต่างๆเข้าไปที่ผู้นำองค์กร ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรต้องทำให้โปร่งใส ยิ่งทำให้สังคมไม่แคลงใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ไม่ใช่มาสั่งแบบนี้ สั่งแบบนี้สั่งเพื่อองค์กรหรือสั่งเพื่อตัวเองหรือเพื่ออะไร"

ผู้ดำเนินรายการถามอีกว่า  ท่านบอกว่านครบาลดูอยู่แล้ว ระดับบนเป็นพี่เลี้ยงคอยประคองไปไม่จะเป็นต้องลงพื้นที่ เรื่องนี้มองอย่างไร 

“บิ๊กโจ๊ก”ตอบทันทีว่า  ถามว่าความเสียหายมันไม่มากหรอก แต่คดีมันเกิดกลางเมือง เมื่อสื่อสนใจรอง ผบ.ตร.ก็ลงมาแอคชั้นเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น แต่การไปสั่งแบบนี้ผมถามว่าถ้าใครฟังคลิปแบบนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะรู้สึกดีไหมหรือท้อแท้ใจ เพราะการเป็นผู้บัญชาคน ไม่รู้ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กร ผมต้องสั่งเร่งจับกุมคนร้ายให้ได้ภายใน 2 วัน ทำความจริงให้ปรากฏไปแถลงข่าวร่วมกัน เอานครบาลไป เอาหน่วยที่เกี่ยวข้องไปแถลงข่าวร่วมกันให้เห็นว่าเราทำเต็มที่แล้ว จับไม่ได้ต้องใช้เวลา  แต่สำหรับผมไม่ใช่ยิงรถผมแล้วเป็นเรื่องใหญ่ ผมเป็นประชาชนคนหนึ่งการปฏิบัติต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด แต่ฟังจากที่พูดมองว่าผมรู้กัน ไปพูดอย่างนี้ได้อย่างไร ถามว่าท่านเป็นผมบ้าง ผมว่าวันนี้สังคมต้องเข้าใจผมว่าผมออกมาวันนี้เพราะโดนอะไรมาเยอะแล้ว ถ้าใครไม่เป็นผมบ้างไม่รู้

ช่วงหนึ่งหนุ่มกรรชัยถามว่า “เปิดหน้าชกแบบนี้จะกลับมาใช่หรือไม่” ไม่เกี่ยวกับเรื่องกลับมา ไม่ได้คิดเลย แต่มันโดนมาเยอะแล้ว ต้องพอซะที เรื่องบิดเบือนสังคม ผมไม่ใช่แบบนั้นอย่ามาทำแบบนี้กับผม เอาพอประมาณ ผมโดนรังแกมาเยอะ ต้องพอซะที   

พิธีกรถามอีกว่า คิดว่าเรื่องนี้จะยาวไหม ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีตอบว่า  “ต้องไปดูว่าผู้ถูกสั่งเขามองว่าผิดอาญาหรือไม่ การสั่งแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผมพูดทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริยธรรม ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรแล้วไปสั่งแบบนี้ ผมเป็นผู้นำแบบนี้แล้ววันนี้สังคมรู้แบบนี้ผมลาออกดีกว่า ผมบอกเลยว่าอยู่ไม่ได้หรอก ผมมีสปิริต เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ผมถามว่าวันนี้จะให้สังคมมั่นใจได้ยังไง จะอยู่ยังไง องค์กรจะอยู่ยังไง”