'พิชัย' บี้ 'ดอน' ลาออกแสดงความรับผิดชอบ เย้ยรัฐบาลขาลงพูดผิดพลาดสะเปะสะปะ


เพิ่มเพื่อน    

9 ม.ค.63 - นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกกังวลสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ที่กำลังต่อสู้กันไปมาและทำท่าจะยิ่งทวีความรุนแรงและยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้ทรุดลงไปอีก โดยผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ไทยต้องเสียเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นในการนำเข้าน้ำมัน ประชาชนจำนวนมากไม่ทราบว่า ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ราคาน้ำมันได้ลดลงมามากจากราคาในอดีตถึงกว่าครึ่งจากราคาเดิมที่ราคาเคยสูงถึงบาเรลละ 140 เหรียญ ลดลงมาอยู่ที่บาเรลละ 50-60 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งทำให้ประเทศไทยประหยัดและลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันดิบได้ปีละหลายแสนล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลบริหารได้ดี เศรษฐกิจไทยคงต้องดีกว่านี้มาก และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศไทยมีดุลการค้าเป็นบวก ทั้งๆที่ส่งออกย่ำแย่ เพราะไทยสามารถลดการใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันดิบลงได้มากนั่นเอง ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับเดิมเศรษฐกิจไทยคงจะย่ำแย่กว่านี้มาก

โดยที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ลดราคาลงมาก แต่ราคาน้ำมันขายปลีกโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับสูงเกือบเท่าราคาเดิมที่ลิตรละ 27-28 บาทสาเหตุเพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจากในอดีตที่เก็บลิตรละ 0.005 บาท (หรือเกือบไม่เก็บเลย) ขึ้นภาษีมาเป็นลิตรละ 5.99 บาท จึงเป็นสาเหตุที่ตนเรียกร้องให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 5 บาท และ สามารถทำได้ โดยที่ในอดีตไม่สามารถทำได้เพราะรัฐบาลในอดีตแทบไม่ได้เก็บภาษีนี้เลย ดังนั้นหากสงครามทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมาก รัฐบาลก็ควรจะพิจารณาลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันนี้ แต่ถ้ารัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตได้ตอนนี้เลย ก็จะช่วยค่าครองชีพของประชาชนได้มาก

ในขณะที่โลกกำลังกังวลกับภาวะสงคราม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศกลับชักศึกเข้าบ้าน พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด โดยอ้างว่า สหรัฐแจ้งไทยก่อนมีการโจมตี ซึ่งไม่แน่ใจว่าต้องการแสดงว่าสนิทกับสหรัฐใช่หรือไม่ แต่กลับทำร้ายประเทศอย่างรุนแรง สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศอิหร่านและพันธมิตรของอิหร่านขนาดนักการศาสนาผู้นำมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทยยังออกมาตำหนิ และ กระทรวงต่างประเทศของไทยยังต้องออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งเป็นเหมือนการหักหน้านายดอนอย่างรุนแรง และต่อมานายดอนก็ต้องออกมากลืนน้ำลายตัวเองแถลงยอมรับว่าเป็นข่าวคลาดเคลื่อน ซึ่งเป็นการแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ และยิ่งตอกย้ำความผิดพลาด เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ว่าสหรัฐแจ้งมาหรือไม่ หรือ ข่าวคลาดเคลื่อนหรือไม่ แต่ประเด็นอยู่ที่ รมว.ต่างประเทศควรจะต้องมีวิจารณญาณในการที่จะพูดอะไรหรือไม่พูดอะไร ที่จะไม่ทำให้ประเทศเสียหายใช่หรือไม่ ซึ่งคำพูดของนายดอนได้ทำความเสียหายให้แก่ประเทศอย่างมากแล้ว และนายดอนควรต้องลาออกแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดเพิ่มขึ้นกับประเทศ โดยทั้งที่นายดอนควรจะต้องออกตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วแล้ว ที่มีเรื่องการถือหุ้นของภรรยาซึ่งนายดอนก็ยังยอมรับเองด้วย แต่ก็หลุดรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

นายพิชัยกล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลในช่วงขาลงนี้ ได้มีการสื่อสารกับประชาชนผิดพลาดอย่างสะเปะสะปะอย่างมาก นับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ ที่ออกมาแนะนำให้ประชาชนแก้ความเค็มของน้ำประปาด้วยการต้ม ซึ่งไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องรู้ว่าการต้มไม่สามารถแก้ความเค็มได้ แต่จะยิ่งทำให้ความเค็มเข้มข้นขึ้น ขนาดเรื่องง่ายๆแค่นี้ยังไม่รู้ แล้วจะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังย่ำแย่อยู่ได้อย่างไร อีกทั้งยังแนะนำให้ประชาชนขุดบ่อเก็บน้ำในช่วงน้ำแล้งนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเอาน้ำมาจากไหนมาใส่บ่อที่จะขุดนี้ ซึ่งคงไม่ต่างกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตอบนักข่าวที่ถามเรื่องที่มีประชาชนจำนวนมากฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากพิษเศรษฐกิจ ว่าแก้โดยให้ดูข่าวในโซเชี่ยลให้น้อยหน่อยจะดีเอง ซึ่งเหมือนเป็นการหลบปัญหามากกว่าจะแก้ปัญหา โดยก่อนนี้พึ่งขอให้คนไทยก้าวข้ามจีดีพีที่ต่ำเตี้ย ทั้งที่ จีดีพี เป็นตัวเลขสากลที่ใช้วัดการพัฒนาทางรายได้ของคนในประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะนายสมคิดคงหมดปัญญาจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้แล้วจึงต้องบอกเช่นนั้น ซึ่งก็ห่วงว่าจะมีประชาชนต้องฆ่าตัวตายกันอีกมากจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้  และยังมาถึงเรื่องคำพูดที่ผิดพลาดของนายดอนอีก ซึ่งเชื่อว่ายิ่งรัฐบาลช่วงขาลงยิ่งพูดผิดพลาดแบบสะเปะสะปะมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีประชาชนออกมา “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 มกราคมนี้กันมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าความอดทนของประชาชนเริ่มจะถึงขีดจำกัดกันแล้ว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"