ไม่เคยมีสงครามครั้งไหนในโลกที่สร้างสันติอย่างแท้จริง

                มีแต่สงครามเพื่อสร้างสงคราม

                เพราะสิ่งที่ตามมามักจะเป็นการล้างแค้นกันไปมา

                กรณีอเมริกากับอิหร่านก็เช่นกัน

                สถานะวันนี้ โดนกันไปคนละดอก

                ตัวเลขเจ็บตายที่แท้จริงเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ทางอิหร่าน แถลงว่าใช้ขีปนาวุธจำนวน ๑๕ ลูกโจมตีฐานทัพ Ein al-Assad ของอเมริกา ในแผ่นดินอิรัก ปลิดชีพทหารอเมริกันไป ๘๐ นาย

                ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยังคงบริหารประเทศด้วยทวิตเตอร์

                หลังจากถูกอิหร่านโจมตี "ทรัมป์" ทวีตข้อความว่า

                "สหรัฐฯ มีกองทัพที่ทรงอานุภาพและเตรียมพร้อมที่สุดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก"

                ก็จริงของ "ทรัมป์"

                อเมริกาคือชาติส่งออกเครื่องจักรสังหารชีวิตมนุษย์อันดับหนึ่งของโลก แถมยังเป็นประเทศที่อวดอ้างตัวเองว่า คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในโลก

                อเมริกาส่งออกอาวุธมากสุดในโลกตลอดกาล

                สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งกรุงสตอกโฮล์ม (เอสไอพีอาร์ไอ) รายงานตัวเลขการส่งออกอาวุธ ของอเมริกาช่วงปี ๒๕๕๖-๒๕๖๐ สูงกว่ารัสเซียถึง ๕๘%

                อเมริกาขายอาวุธให้ชาติต่างๆ อย่างน้อย ๙๘ ประเทศทั่วโลก สินค้าที่มีการส่งออกไปมากที่สุดก็คือ เครื่องบินขนส่ง และเครื่องบินรบ

                ปริมาณการขายครึ่งหนึ่งอยู่ในตะวันออกกลาง

                นี่คือพ่อค้าความตาย!

                แล้วอิหร่านมีอะไร?

                กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และกองทัพสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Artesh) ไม่ได้มีอาวุธทัดเทียมกับอเมริกา แต่ก็มีอาวุธค่ายอเมริกาอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และทั้งหมดตกค้างจากยุคก่อนปฏิวัติอิหร่าน

                มีเครื่องบินขับไล่ F-14A Tomcat จำนวน ๔๐ ลำ

                เครื่องบินขับไล่ F-4 Phantom II จำนวน ๖๐ ลำ

                เครื่องบินขับไล่ F-5 Tiger II จำนวน ๖๐ ลำ

                เครื่องบินลำเลียง C-130 Hercules จำนวน ๑๙ ลำ

                ลำเลียง CH-47 Chinook จำนวน ๔๐ ลำ

                เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Bell 214 จำนวน ๗๐ ลำ

                ทั้งหมดได้รับการซ่อมแซม อิหร่านผลิตอะไหล่เทียบขึ้นมาเอง และยังสามารถใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน แต่ล้าสมัย เพราะอาวุธรุ่นราวคราวเดียวกันนี้ในกองทัพอเมริกาถูกปลดประจำการไปหมดแล้ว

                และอิหร่านยังไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ ที่ใช้งานได้จริง

                "ทรัมป์" ถึงได้ใจคิดว่า อิหร่านไม่ต่างลูกไก่ในกำมือ

                แต่ชาวอเมริกันที่เคยผ่านสงครามเวียดนามอาจคิดไม่เหมือนทรัมป์

                หากเกิดสงครามขึ้น ก็ไม่ใช่สงครามโลกครั้งที่ ๓ น่าจะจำกัดวงแค่ดวลลูกยาวกัน อเมริกาไม่น่าจะกล้าส่งทหารราบเข้าไปหาความตายแน่นอน

                แต่สถานการณ์ความตึงเครียดของโลกนี้ อาวุธจะขายดีขึ้น ราคาน้ำมันจะขยับตัวขึ้นอีก

                บริษัทส่งออกอาวุธและขุดน้ำมัน อันดับ ๑ ของโลก ในฐานะทุนของรัฐบาลทรัมป์ คงฉลองใหญ่บนความตายและทุกข์ยากของมวลมนุษยชาติกันอยู่.