ป้อม-ตำรวจมึน ไล่เช็ก‘วงจรปิด’ มือมืดยิงรถโจ๊ก


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กโจ๊ก" มั่นใจคนร้ายบุกยิงใส่รถหน้าร้านนวดแผนโบราณย่านสุรวงศ์ ประสงค์ต่อชีวิตแน่ ยันไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งใคร "รอง ผบ.ตร." เชื่อยิงไม่ผิดตัว ชี้มือปืนชำนาญการใช้อาวุธ มีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 2 คน เตรียมเรียก "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" สอบ 8 ม.ค.นี้ "นครบาล" เร่งตรวจกล้องวงจรปิดย้อนหลัง 15 วัน "บิ๊กป้อม" โบ้ยไม่รู้เหตุยิง "โจ๊ก" โยนเป็นหน้าที่ตำรวจ

    ความคืบหน้าเหตุคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส สีขาว หมายเลขทะเบียน 9 กจ 351 กทม. ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ฝั่งประตูรถมุมล่างด้านซ้าย บริเวณลานจอดรถหน้าร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่ง ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีใครอยู่ในรถ
    โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวหลังเกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางมาทานข้าวและแวะทำธุระที่ย่านดังกล่าว โดยจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถ กระทั่งถึงเวลากลับพบว่ารถมีร่องรอยของการถูกยิง จึงประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ
    "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าคนร้ายมีจุดมุ่งหมายอย่างใด แต่จากการดูวิถีร่องรอยของกระสุนเชื่อว่าประสงค์ต่อชีวิต ขณะเดียวกันยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่มีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับใคร และทำหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทด้วยความมุ่งมั่นตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว
    จากนั้น พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมระบุว่า สอบถามเบื้องต้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องชู้สาว ความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ขัดแย้งเรื่องธุรกิจ และการสร้างสถานการณ์ ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพฤติกรรมของคนร้าย คาดว่าน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธ และมีการวางแผนมาก่อนเป็นอย่างดี เนื่องจากคนร้ายมีความชำนาญเส้นทาง โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ใช้เส้นทางถนนสุรวงศ์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 มายังจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นซอยตัน จึงกลับรถมาแล้วใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก่อนเลี้ยวซ้ายใช้ถนนพระราม 4 หลบหนีไป 
    "เชื่อว่าคนร้ายมีความประสงค์ต่อชีวิต และไม่ใช่การยิงผิดตัวแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้ายว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ คาดว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 2 คน" พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว
    ต่อมาวันที่ 7 ม.ค. เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.วิระชัยเรียกประชุมชุดสืบสวนตำรวจนครบาลเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ใช้เวลา 45 นาที โดย พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ในวันที่ 8 ม.ค. เวลา 12.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะเดินทางมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนที่ สน.บางรัก
    "เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีมากกว่า 2 คน โดยมีการวางแผนดูลาดเลาเส้นทางก่อนและหลังลงมือก่อเหตุ โดยตัดประเด็นการยิงผิดตัวทิ้งไป" พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว
    รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุว่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ และเชื่อว่าขณะนี้ผู้ก่อเหตุน่าจะมีมากกว่า 2 คน โดยมีการวางแผนดูลาดเลาเส้นทางก่อนและหลังลงมือก่อเหตุ โดยตัดประเด็นการยิงผิดตัวทิ้งไป เพราะมีไม่กี่คนที่ทราบว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ใช้รถยนต์คันนี้ และไปยังสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ ส่วนจะมีการจัดฉากสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตำรวจก็จะมีการตรวจสอบประเด็นนี้เช่นกัน
    ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) เวลา 11.30 น.พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และพล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ. ได้นำเจ้าหน้าที่ พฐ.ตรวจสอบร่องรอยกระสุนปืนที่ยิงใส่รถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์อย่างละเอียดอีกครั้ง
    พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถคันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิงจำนวน 8 นัด บริเวณข้างตัวรถทางซ้ายประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด และพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 หัว รวมทั้งได้แบ่งหน้าที่การทำงานให้กับตำรวจฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ
    "หัวกระสุนปืน 2 หัวได้เก็บไปเทียบเคียงทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางพิสูจน์หลักฐานเรียกว่าระบบ ibis ระบบนี้จะตรวจสอบจากหัวกระสุน เกลียวกระสุน จึงต้องรื้อรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพื่อตรวจหาหัวกระสุนที่คาดว่าจะตกอยู่ในรถเพิ่มเติม เพื่อหาเอกลักษณ์ของกระบอกปืนที่ใช้ยิง รวมทั้งตรวจสอบภาพจากวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ 7-15 วัน และภาพหลังเกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี" พล.ต.ท.ปิยะกล่าว
    โฆษก สตช.กล่าวว่า ขณะนี้สอบพยานไปแล้วกว่า 6 ปาก ยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนหรือไม่ แต่จากวิถีกระสุนพบว่าเป็นการยิงเฉียงลงในระยะประชิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทุกฝ่ายจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้คดีเงียบไปกับสายลม
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุคนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ว่าเป็นเรื่องของตำรวจ ให้ตำรวจติดตามไป ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุว่ามาจากเรื่องอะไร 
    "ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติม เพราะประชุม ครม.ต้องให้ตำรวจสืบหาข้อเท็จจริงก่อน ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เลยและไม่รู้ว่าต้องมาคุยกับผมเรื่องอะไร เพราะผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่" พล.อ.ประวิตรกล่าว.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"