ว่าด้วย 'ธรรมชาติทางการเมือง'


เพิ่มเพื่อน    

 

         จริง-ไม่จริง...ก็ไม่รู้!!! สำหรับข่าวคราวเรื่องคุณหญิง เจ๊สุดาหน่อย ตัดสินใจเก็บข้าว เก็บของ ออกจากพรรคเผาไทย แถมยังลือๆ ถึงขั้นเขียนใบลาออกทิ้งเอาไว้แล้วอีกต่างหาก แบบเดียวกับที่เคยลือๆ เรื่องบินไปร้องห่ม ร้องไห้ ที่ ดูไบ อะไรประมาณนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่คงต้องฟังหู-ไว้หู จะเชื่อไปตามนั้น หรือไม่เชื่อกันไปตามนั้น ก็ไม่น่าจะถูกเรื่องไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                                 ----------------------------------------------

                แต่ไม่ว่าจะเก็บของ-ไม่เก็บของ ลาออก-ไม่ลาออก...คงไม่น่าที่จะส่งผลให้การไล่ล่า ไล่งับ ของ ฉลาม อย่าง เฉลิม ลดทอนความน่ากลัว น่าสยดสยองพองขน ลงไปแต่อย่างใด เพราะระหว่างทีมงานประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กับประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ต้องถือเป็นคนละเรื่อง  คนละทีมงาน การโผล่ครีบ โผล่กระโดง ของฉลามเสือ หรือฉลามหัวค้อน อย่าง เฉลิม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในอีกไม่นานนับจากนี้ ก็ยังคงเป็นอะไรที่ประมาทมิได้โดยเด็ดขาด...

                                                                  -----------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...สำหรับบทบาท ลีลา ของคุณหญิง เจ๊สุดาหน่อย ในแวดวงการเมือง ไม่ว่าในอดีต-ปัจจุบัน-หรือในอนาคตเบื้องหน้านั้น ออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด สะกิดใจ หรือแม้แต่เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ อยู่ไม่น้อยเช่นกัน คือย้อนกลับไปคิดถึงช่วงที่คุณเจ๊ท่านยังคงเต่งตึง อูมฟูม ยังสวยฉิบหาย สวยระเบิดเถิดเทิงอยู่นั้น แทบไม่น่าเชื่อเอาเลยว่า...ท่านจะเตลิดเปิดเปิง เข้ารก-เข้าพงมาถึงขั้น กลายมาเป็นกำลังหลัก กำลังสำคัญ ของพรรคการเมืองอย่างพรรค เผาไทย จนได้ เพราะโดยแนวๆ ท่านออกจะเป็นอะไรที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและคุณธรรมมิใช่น้อย โตมาจากพรรคการเมืองประเภทกินมื้อเดียว แถมยังหนักไปทางกินผัก กินหญ้า อย่างพรรค พลังธรรม อีกซะด้วยต่างหาก...

                                                                   -----------------------------------------------

                แต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผล กลใด ถึงได้รูดมหาราช ลื่นไถลมาเป็นอันหนึ่ง อันเดียว กับพรรคการเมืองอย่างพรรค เผาไทย ที่ถนัดและเชี่ยวชาญในการกินสนามกอล์ฟ กินจำนำข้าว กินยาง ฯลฯ หรือกินอะไรต่อมิอะไรที่ไม่พึงจะรับประทานไปด้วยกันทั้งสิ้น คือคล้ายๆ เมื่อตัดสินใจผิดทิศ ผิดทาง ไปซะตั้งแต่ขั้นแรก โอกาสย้อนกลับไปสู่ทิศทางเดิมๆ เส้นทางเดิมๆ มันแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย สำหรับหนทางการเมือง ของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย หนักไปทางผิดแล้ว ผิดเลย พลาดแล้ว พลาดเลย ยิ่งพยายามเดินหน้า หรือไปตายเอาดาบหน้ายิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ต้องถอยห่างออกมาจากจุดเดิมๆ  เส้นทางเดิมๆ ชนิดกลายเป็นเส้นทางคู่ขนาน มิอาจย้อนกลับมาบรรจบกับสิ่งที่เคยเป็นความหวัง เป็นอุดมคติ อุดมการณ์เดิมๆ ได้อีกต่อไป...

                                                                    --------------------------------------------------

                และโดยความเป็นไปของเส้นทางการเมือง หรือ ธรรมชาติทางการเมือง ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...มันเลยทำให้น่าเสียดายเอามากๆ ต่อบรรดา นักการเมือง ประเภทที่เคยมีคุณภาพและคุณธรรมจำนวนมิใช่น้อย ที่สุดท้าย...ต้องเปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง เปลี่ยนสภาพตัวเองไม่ว่าในแง่ความคิด ความอ่าน ตลอดไปจนถึงสรีระ ร่างกาย ต้องมีเขี้ยว มีงา งอกออกจากปาก มีปีกโผล่ออกมาจากจั๊กกะแร้ ผิวหนังที่เคยเรียบๆ ลื่นๆ กลับถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด ที่แตกลายงาพอๆ กับกระเบื้องราชวงศ์ถังซะอีกต่างหาก หรือจากที่เคยเป็นนักอุดมการณ์ อุดมคติ ต้องกลายสภาพเป็น สัตว์ประหลาด ไปจนได้...

                                                                     ----------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ และน่าจะเก็บมาใช้เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ สำหรับใครก็ตามที่คิดเข้ามาวุ่นวายในแวดวง การเมือง ได้เป็นอย่างดี เพราะโดย ธรรมชาติทางการเมือง ที่มันออกจะโหดเหี้ยม อำมหิต ไร้ความปรานีต่อใครก็ตามที่ถือเป็น ฝ่ายตรงกันข้าม มันเลยมักส่งผลให้ใครก็แล้วแต่ ที่หลงเดินทางผิด ยากที่จะกลับตัว กลับลำได้ง่ายๆ โอกาสที่จะเข้ารก เข้าพง ถอยห่างไปจากอุดมการณ์ อุดมคติ ที่เคยหวังและปรารถนาเอาไว้แต่แรก กลายเป็น ข้อเท็จจริงทางการเมือง ที่มิอาจปฏิเสธได้  และนั่นเอง...ที่ทำให้คนที่เคยดูดี ดูมีคุณภาพ มีคุณธรรมทั้งหลาย ต้องกลายสภาพไปเป็น สัตว์ประหลาด หรือ สัตว์การเมือง ที่น่าเกลียด น่ากลัว เอามากๆ...

                                                                       ----------------------------------------------------

                ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ประเภทปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมยูเอชที หรือจะเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ระดับอดีตทหาร หรือทหารเกษียณก็แล้วแต่ ก็พึงต้องระลึกถึงบรรดา ข้อเท็จจริงทางการเมือง ทำนองนี้เอาไว้มั่ง ก่อนจะตัดสินใจลงมือกระทำการใดๆ ก็แล้วแต่ ควรต้องคิดๆ เอาไว้ประมาณ 3 ชั้น 8 ชั้นเป็นอย่างน้อย เพราะโอกาสที่จะผิดแล้ว ผิดเลย ผิดชนิดกลับตัว กลับลำแทบไม่ได้ ต้องเดินหน้า หรือไปตายเอาดาบหน้า จนทำให้ต้องเข้ารก-เข้าพงหนักยิ่งขึ้นไปอีก และสุดท้าย...เมื่อเหลียวมามองรอบข้าง ก็พบว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะกลับมาอยู่ กลับมาตาย ในแผ่นดินเกิด ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง กลายเป็น สัมภเวสี ที่มีแต่ต้องร่อนเร่ไปไหนต่อไหนกันไปซะแล้ว...

                                                                        --------------------------------------------------------

                โดยเฉพาะสำหรับฉากสถานการณ์การเมืองในปีนี้ ที่ออกจะเริ่มดุเดือด เลือดพล่าน กันมาตั้งแต่บรรยากาศการต้อนรับปีใหม่ยังไม่ทันจะจางหาย ทั้ง ปัจจัยภายนอก และ ปัจจัยภายใน ก็ประเดประดังกันมาเป็นสายๆ บรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น นักการเมือง ทั้งหลาย ก็พึงต้องคิดหน้า คิดหลัง เอาไว้ให้จงหนัก อะไรก็ตามที่สามารถนำมาซึ่ง ชัยชนะ ต่อ ฝ่ายตรงกันข้าม แต่ถ้าดันก่อให้เกิด อันตราย ต่อส่วนรวม ต่อชาติบ้านเมืองของตัวเอง ก็พึงต้องระงับ ยับยั้ง เอาไว้มั่ง อย่าถึงกับต้องใส่กันแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด ชนิดพังพินาศไปทั้งประเทศ หรือต้องแพ้ไปด้วยกันทุกฝ่าย ต่อไปอีกเลย...

                                                                          -------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก German proverb...One sin open the door for another. -  บาปอย่างแรก เปิดประตูให้บาปอย่างหลังตามมา...”

                                                                            ------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"