20  มี.ค. 61 -  นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภาและผู้ริเริ่มก่อตั้งตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) ตนได้ยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ขอศาลอาญาส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 เป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้เพื่อคุ้มครองสิทธิแก่จำเลยให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีอาญา โดยจำกัดอำนาจพนักงานอัยการโจทก์ให้ไม่มีสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรค 4 ซึ่งบัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภาคณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ” หรือไม่

โดยปรากฎว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) มาตรา 39 บัญญัติไว้เพียงว่า “สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป (4) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง” ซึ่งไม่ได้หมายรวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันกับความผิดซึ่งได้ฟ้อง ดังนั้น การที่พนักงานอัยการโจทก์ยังคงนำการกระทำที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าไม่เป็นความผิด มากล่าวหาดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยต่อศาลเป็นคดีนี้ เนื่องจาก ป.วิ.อาญา มาตรา 39 ไม่ได้บัญญัติไว้ว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป “เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำใดไม่เป็นความผิด” จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเพื่อรักษาหลักนิติธรรมและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตนจึงขอศาลอาญาได้ส่งความเห็นดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาและวินิจฉัย ต่อมาศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่า "พิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่าเหตุผลตามคำร้องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่รับฟังในชั้นพิจารณาก่อนในชั้นนี้ เห็นควรมีความเห็นพร้อมกับคำวินิจฉัยคดี" 

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ให้สิทธิจำเลยในฐานะคู่ความเมื่อเห็นว่า ศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องไว้แล้ว โดยในคำฟ้องของอัยการมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันให้อัยการไม่มีอำนาจส่งฟ้อง เหตุจาก ป.วิ.อาญา มาตรา 39  ไม่ได้บัญญัติห้ามอัยการไว้ ในฐานะคู่ความเห็นว่าขณะนี้จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอศาลอาญาส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว โดยจะทำคำร้องเพิ่มเติมเสนอต่อศาลอาญาในต้นเดือนเมษายนนี้.