จับตา 3 คดีใหญ่ปีหนู อัยการเผยยื่นอุทธรณ์คดี กปปส.ชุด 4 ส.แล้ว ส่วนคดี นปช.ก่อการร้าย-โอ๊คฟอกเงินกรุงไทยอยู่ระหว่างขยายเวลายื่นอุทธรณ์ "จตุพร" เข้าเยี่ยม 6 นักโทษ นปช.ที่เรือนจำพัทยา ปลอบอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงการพิจารณาอุทธรณ์คดีสำคัญซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อช่วงปี 2562 ว่า สำหรับคดีการชุมนุมการเมืองในส่วนของ 4 แกนนำ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.ชุดแรก ถูกฟ้องร่วมกบฏ, 24 แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถูกฟ้องร่วมกันก่อการร้ายนั้น หลังจากที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องแล้ว พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงได้พิจารณาแล้วยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของ 4 แกนนำ กปปส.ต่อศาลไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.62 ส่วนคดี 24 แกนนำ นปช.อยู่ระหว่างการขอคัดถ่ายเอกสารที่มีจำนวนมากกว่า 20 ลัง จึงได้ขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาแล้ว ซึ่งศาลอนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้จนถึงวันที่ 10 ม.ค.63
ในส่วนคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตการปล่อยกู้สินเชื่อ ระหว่างธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มธุรกิจเครือกฤษดามหานคร ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายประยุทธเปิดเผยว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการขอคัดถ่ายเอกสารเช่นกัน โดยอัยการขออนุญาตศาลขยายเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาแล้วอนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์จนถึงวันที่ 25 ม.ค.63
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดี 4 แกนนำ กปปส. หรือชุด 4 ส. คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปีเศษ หนึ่งในผู้บริหารสื่อเครือเนชั่นกรุ๊ป, นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 42 ปีเศษ อดีต ส.ส.กทม. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม., นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 68 ปีเศษ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และนายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 70 ปีเศษ นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 ที่ถูกฟ้องร่วมกบฏ, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน ร่วมกันปิดงาน, กระทำด้วยวาจาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินโดยใช้กำลังประทุษร้ายก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ, ร่วมกันบุกรุก, ขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งฯ ในคดีหมายเลขดำ อ.1197/2557 นั้น ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62 ยกฟ้อง อัยการได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์ถึง 3 ครั้ง ศาลอนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์จนถึง 25 ธ.ค.62 โดยอัยการได้ยื่นคำอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาเดือน ธ.ค.62 ไปแล้ว
ส่วนคดีของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปีเศษ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปีเศษ ประธาน นปช. กับพวกที่เป็นแกนนำ นปช.รวม 24 คน ถูกฟ้องร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยผู้กระทำคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ, ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2533 ที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค.62 นั้น อัยการได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์เมื่อเดือน ธ.ค.62
ส่วนคดีฟ้องนายพานทองแท้ ร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท คดีหมายเลขดำ อท.245/2561 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 ซึ่งคดีนี้องค์คณะผู้พิพากษา 2 คนมีความเห็นต่างกันในการตัดสิน โดย 1 ในองค์คณะมีความเห็นแย้งว่า พฤติการณ์ที่มีเช็คเงินลงชื่อนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร โอนเข้าบัญชีนายพานทองแท้ เป็นความผิด เห็นควรให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ซึ่งมีการบันทึกไว้เป็นความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาด้วย โดยหากคู่ความยื่นอุทธรณ์ความเห็นแย้งนี้ในสำนวนก็จะขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ทราบด้วย ซึ่งอัยการก็ขอศาลอนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลก็ให้ขยายเวลาจนถึง 25 ม.ค.63 ดังกล่าว
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.พร้อมแกนนำ นปช.เข้าเยี่ยมแกนนำ นปช.ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษพัทยา ในคดีชุมนุมและขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิตที่เมืองพัทยาเมื่อปี 2552 สำหรับนักโทษคดีการเมืองที่ศาลฎีกาพิพากษาสั่งคุมขัง 4 ปี ประกอบด้วย นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย, นายสำเริง ประจำเรือ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ และนายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง โดยทั้งหมดเป็นแกนนำและแนวร่วม นปช.
นายจตุพรกล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมว่า ทุกคนมีกำลังใจดี มีพี่น้องและครอบครัวเดินทางมาเยี่ยมอยู่ตลอด อีกทั้งทุกคนก็ผ่านการติดคุกมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงระหว่างจากชั้นอุทธรณ์ไปศาลฎีกา จำนวนกว่า 5 เดือน ดังนั้นในรอบนี้ก็ถือว่าผ่านบทเรียนมาแล้ว ทุกคนสุขภาพดี ยกเว้นนายพงศ์พิเชษฐ์ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว แต่ทุกคนก็มีจิตใจดีปรับตัวได้ ตามคำที่ตนเคยพูดไว้คือ อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้
"ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของชะตากรรมจากการต่อสู้กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าเรือนจำตามคำพิพากษาของศาลนั้น ส่วนตัวทราบว่าขณะนี้แต่ละคนกำลังแก้ไขปัญหาครอบครัว เนื่องจากทันทีที่เข้าเรือนจำครอบครัวก็จะอยู่ด้วยความลำบาก เพราะทุกคนที่เป็นจำเลยในคดีนี้ล้วนแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว ดังนั้นต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจ และส่วนตัวเคยมีประสบการณ์เข้าออกคุกมากกว่า 4 ครั้ง ก็เข้าใจถึงชะตากรรมดังกล่าว"
นายจตุพรกล่าวว่า ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากกรมราชทัณฑ์เหมือนกับผู้ต้องขังรายอื่น ดังนั้นอยากเชิญชวนมวลชนคนเสื้อแดง หากมีโอกาสก็มาเยี่ยมเพื่อเป็นการต่อลมหายใจให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะอย่างน้อยจะมีความหวังและความรู้สึกที่ผูกพันกับชะตากรรมดังกล่าว เพื่อก่อเกิดเป็นพลังในการรอวันเวลาที่จะได้รับอิสรภาพออกมาใช้ชีวิตกันต่อไป ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนพ้นโทษก็จะมีชะตากรรมเดียวกับตนคือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |