รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาที่อยู่อาศัยคนจน ‘จุรินทร์’ เยี่ยมบ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งเป้าหมาย 10 ปีประชาชนมีที่อยู่อาศัย 1.2 ล้านครอบครัวทั่วประเทศ


เพิ่มเพื่อน    

 

คลองลาดพร้าว/ รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย  โดยรองนายกฯ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์  ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวโครงการบ้านมั่นคง  มอบทะเบียนบ้านให้ชาวชุมชนที่สร้างบ้านเสร็จแล้ว 100 หลัง  และมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่คนชรา  ผู้ป่วยติดเตียง  ของขวัญวันเด็ก  ฯลฯ 700 ชุด  เผยเป้าหมายก้าวกระโดดทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงเพิ่มเป็น 1,200,000 ครอบครัวทั่วประเทศ  ขณะที่การพัฒนาที่อยู่อาศัยในคลองลาดพร้าวเดินหน้าไปแล้ว 35 ชุมชน  รวม 3,308 ครัวเรือน  ตั้งเป้าดำเนินการปีนี้อีก 900 ครัวเรือน

 

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคูคลองในกรุงเทพฯ และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองเพื่อป้องกันน้ำท่วม  โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  ระยะทางทั้ง 2 ฝั่งประมาณ 45 กิโลเมตร  และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนงานรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าว-คลองบางซื่อที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากลำคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนฯ  มีเป้าหมายทั้งหมด  50 ชุมชน  7,069 ครัวเรือนนั้น

 

 

ล่าสุดวันนี้ (6 มกราคม) ระหว่างเวลา  8.30 -12.30 น.  นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์  รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว  โดยมีผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ   ผู้บริหารสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ  ผู้แทนกรมธนารักษ์  สำนักการระบายน้ำ กทม.  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตหลักสี่  และชาวชุมชนประมาณ 500 คนให้การต้อนรับ

 

โดยจุดแรกรองนายกฯ ได้พบปะประชาชนที่ชุมชนชายคลองบางบัว  เขตหลักสี่  ซึ่งรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ และก่อสร้างบ้านใหม่เฟสแรกเสร็จแล้วจำนวน 35 หลัง (จากทั้งหมด 306 หลัง) โดยรองนายกฯ ได้มอบทะเบียนบ้านให้แก่ผู้แทนชุมชนทั้ง 35 หลัง  นอกจากนี้ยังมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้สูงอายุ  ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ  มอบของขวัญวันเด็กและวันปีใหม่ให้แก่ชาวชุมชนและมอบของขวัญวันเด็กและสิ่งของจำเป็นให้ผู้อำนวยการเขตหลักสี่เพื่อนำไปมอบต่อให้ผู้สูงอายุและผู้พิการด้วย

 

 

 

จากนั้นคณะรองนายกฯ ได้ล่องเรือจากชุมชนชายคลองบางบัวเดินทางไปยังชุมชนริมคลองต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และมอบทะเบียนบ้านให้แก่ชาวชุมชนวัดบางบัวที่สร้างบ้านเฟสแรกเสร็จแล้วจำนวน 65 หลัง   หลังจากนั้นคณะจึงเดินทางไปยังชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม  เพื่อพบปะและเยี่ยมเยียมชาวชุมชนริมคลอง  ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้รองนายกฯ ได้มอบสิ่งของและเครื่องใช้จำเป็นให้แก่ผู้สูงอายุ  ผู้ป่วยติดเตียง มอบของขวัญวันเด็กแห่งชาติ  และมอบอาหารแห้งจากกระทรวงพาณิชย์ให้แก่ประชาชนชุมชนต่างๆ  รวมทั้งหมดประมาณ 700 ชุด

 

 

 

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์  รองนายกฯ กล่าวว่า  ตนเดินทางมาเยี่ยมพี่น้องชาวชุมชนริมคลองในวันนี้  ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ  ซึ่งมีกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นเลขานุการ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ เป็นหน่วยปฏิบัติ   คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ส่งเสริมให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย  หรืออยู่อาศัยในที่ดินที่ผิดกฎหมาย  ได้มีโอกาสมีที่ดินและที่อยู่อาศัยอย่างถูกกฎหมาย  โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภค  เงินช่วยเหลือ  และบริหารจัดการต่างๆ ประมาณร้อยละ 30  และร้อยละ 70 เป็นสินเชื่อระยะยาว  ดอกเบี้ยต่ำ  โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ดำเนินโครงการบ้านมั่นคง

 

“โครงการบ้านมั่นคงดำเนินการต่อเนื่องมาทุกรัฐบาลจนถึงรัฐบาลชุดนี้  แต่ในช่วงแรกๆ  สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เพียง 120,000 ครอบครัว  แต่ในช่วง 10 ปีต่อไปนี้เราตั้งเป้าหมายอย่างก้าวกระโดด  จะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง  เช่น  โครงการบ้านมั่นคง  บ้านพอเพียง  การซ่อมแซมบ้านผู้ที่มีรายได้น้อยให้มั่นคงแข็งแรงขึ้น  โดยจะทำเพิ่มเป็น 1,200,000 ครอบครัวภายใน 10 ปีนี้   ส่วนชุมชนริมคลองเปรมประชากร  คลองลาดพร้าว  และคลองบางซื่อก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้  เป็นนโยบายของรัฐบาล  เพื่อให้พี่น้องได้อยู่อาศัยในที่ดินถูกกฎหมาย  มีบ้านที่มั่นคงแข็งแรง  มีอนาคตและชีวิตที่ดีกว่าเดิม และที่สำคัญก็คือพี่น้องทุกชุมชนสามารถบริหารจัดการเองชุมชนของตนเองได้  โดยรัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุนเรื่องอาชีพและความเป็นอยู่ของพี่น้องให้ดีขึ้น”  รองนายกฯ กล่าว

สภาพชุมชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวก่อนรื้อย้ายสร้างบ้านใหม่

 

ทั้งนี้นโยบายแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลอง  เพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร  เป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554  ต่อมาในปี 2555 รัฐบาล (ในขณะนั้น) จึงมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)  จัดทำแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหา  และเริ่มการขับเคลื่อนแผนงานอย่างจริงจังในช่วงปี 2558 เป็นต้นมา  โดยมีแผนงานหลักคือการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  ระยะทางทั้ง 2 ฝั่งประมาณ 45 กิโลเมตร  พร้อมทั้งขุดลอกคลองเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม   ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร

 

ขณะที่ประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  รวมทั้งพื้นที่ริมคลอง  ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุดูแลโดยกรมธนารักษ์  จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนฯ  โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ  โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จัดทำแผนงานรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนฯ ตั้งแต่เขตวังทองหลาง-เขตสายไหม  รวมพื้นที่ดำเนินการ 8 เขต  จำนวน 50 ชุมชน  รวม 7,069  ครัวเรือน

 

โดยแต่ละชุมชนจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารโครงการ และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เคหสถานเพื่อทำสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์อย่างถูกต้อง  (ในกรณีที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดิมได้) สัญญาเช่าช่วงแรก 30 ปี  เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุกเป็นผู้เช่าที่ดินอย่างถูกต้อง  หรือจัดหาที่ดินแปลงใหม่ (กรณีชุมชนเดิมมีพื้นที่ไม่เพียงพอ) โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนงบประมาณและสินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้านและซื้อที่ดินผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชาวชุมชนจัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการการก่อสร้างที่อยู่อาศัย

 

เขื่อนระบายน้ำและบ้านใหม่ที่สร้างเสร็จแล้วที่ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม  เขตจตุจักร

 

ทั้งนี้การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนงบประมาณแต่ละครัวเรือนจำนวน 147,000 บาท  แยกเป็น 1.งบพัฒนาสาธารณูปโภค 50,000 บาท   2.อุดหนุนการสร้างบ้าน  25,000 บาท   3.งบช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชน  72,000 บาท  และสนับสนุนสินเชื่อกรณีอยู่อาศัยในที่ดินเดิมไม่เกิน 330,000 บาท  และจัดซื้อที่ดินใหม่เพื่อปลูกสร้างบ้าน  ไม่เกิน 360,000 บาทต่อครัวเรือน  อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี  ระยะเวลาชำระคืน 20 ปี   ส่วนรูปแบบที่อยู่อาศัย  ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถวคอนกรีต 2 ชั้น  ขนาด 4X7 ตารางเมตร  ราคาประมาณ  330,000 บาท  ผ่อนชำระประมาณเดือนละ 2,600 บาท

 

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆ  ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน  เช่น  กรุงเทพมหานคร  โดยสำนักงานเขตต่างๆ  กระทรวงมหาดไทย  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กองทัพบก  ส่งเจ้าหน้าที่ลงประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับชาวชุมชน  กรมส่งเสริมบัญชีสหกรณ์  ส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์เคหสถานในชุมชนต่างๆ เพื่อบริหารจัดการพัฒนาที่อยู่อาศัย  การประปานครหลวง  การไฟฟ้านครหลวง  สนับสนุนระบบสาธารณูปโภค  กรมธนารักษ์ให้ชุมชนเช่าที่ดินอย่างถูกต้องในอัตราผ่อนปรน  กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ   สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  และสถาบันการศึกษา  เช่น  มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร  ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพชาวชุมชน  ฯลฯ

 

ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในขณะนี้  (ธันวาคม 2562) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวไปแล้ว  จำนวน  35 ชุมชน ( 41 โครงการ)  รวม 3,308  ครัวเรือน  แยกเป็น 1.สร้างเสร็จแล้ว  รวม 2,618 ครัวเรือน   2.อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  363  ครัวเรือน  และ 3.พื้นที่พร้อมก่อสร้าง 327 ครัวเรือน  และรอดำเนินการจำนวน  1,724 ครัวเรือน  โดยมีเป้าหมายดำเนินการในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อในปี 2563 ประมาณ 900 ครัวเรือน  นอกจากนี้ในวันที่ 13 มกราคมนี้  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  จะเดินทางมาเป็นประธานในการยกเสาเอกเพื่อสร้างบ้านใหม่ให้แก่ชาวชุมชนริมคลองเปรมประชากรด้วย

 

ภาพมุมสูง  ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม (ขวา) สร้างเสร็จแล้ว 123 หลัง  ดูเป็นระเบียบ  ไม่รุกล้ำคลอง

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"