มะกัน: ภัยนี้ต้องสกัด อิหร่าน: แค้นนี้ต้องชำระ


เพิ่มเพื่อน    

    หรือเรากำลังจะเห็นเค้าลางของสงครามรอบใหม่ที่ร้ายแรงเกินกว่าจะสามารถคาดเดาได้?
    อิหร่านอาจจะ "ล้างแค้นด้วยเลือด" โดยการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่น ซีเรีย, อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย หรืออิสราเอลก็เป็นได้
    เป้าหมายอาจจะรวมถึงเรือขนน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซ และทหารอิสราเอลที่ประจำการอยู่ที่ที่ราบสูงโกลัน
    อิหร่านมีกองกำลังทหารใหญ่อันดับ 13 ของโลก และมีกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของตนหลากหลายในตะวันออกกลาง เช่น Hezbollah ในเลบานอน และ Houthi ในเยเมน รวมถึงกองกำลังรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดด้วย
    หากเกิดการต่อสู้กันจริง กองกำลังของรัสเซียกับตุรกีในซีเรียก็อาจจะถูกลากเข้ามาร่วมสงคราม
    จีนมีกองเรืออยู่ในอ่าวโอมาน...ก็อาจจะถูกดึงเข้าร่วมความขัดแย้งที่ขยายตัวได้
    สภาความมั่นคงสูงสุดที่อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้เรียกประชุมเป็นครั้งแรกหลังเหตุการณ์สังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่านได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง ก็ได้ลงมติอนุมัติแผนการตอบโต้สหรัฐฯ แล้ว
    ผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศคำวินิจฉัยว่า นายพลกอซิม สุไลมานี ได้พลีชีพ (ชาฮีต) ใน "สงครามศาสนา" (ญิฮาด) และมีผลต่อทั่วโลก
    ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันปฏิบัติการโจมตีในกรุงแบกแดดซึ่งสังหารนายพลสุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds) ของอิหร่านเมื่อเช้าวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมาว่า
    เป็นการ "ยับยั้งสงคราม"
    มิใช่เป็นการ "ก่อสงคราม" แต่อย่างใด
    อิหร่านประกาศทันทีว่าแค้นนี้ต้องชำระ เพราะในสายตาของอิหร่านนี่คือ "การก่อการร้ายสากล" ที่วอชิงตันจงใจกระทำอย่างให้อภัยไม่ได้เป็นอันขาด
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิบัติการยิงถล่มด้วยโดรนโดยคำสั่งตรงจากทรัมป์ ถือเป็นการเปิดศึกอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
    ทั้งสองฝ่ายมีเดิมพันสูงกว่าการเผชิญหน้าทุกครั้งที่ผ่านมา
    นายพลสุไลมานีในวัย 62 เป็นนายทหารที่มีอำนาจบารมีสูงสุดคนหนึ่ง เป็นหนึ่งใน "4 ห้องหัวใจ"  ของอิหร่าน
    หากนับจากผู้นำสูงสุดลงมาถึงประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างประเทศแล้ว เขาก็คือคนมีความสำคัญอันดับ 4 ของประเทศอย่างปราศจากความสงสัย
    กองกำลังคุดส์เป็นหน่วยปฏิบัติการในต่างแดนของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC)
    บางคนถึงกับบอกว่า ถ้านับระดับบารมีและอำนาจในการสั่งการที่กำหนดชะตากรรมของประเทศแล้ว นายพลสุไลมานีก็นับได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลเบอร์ 2 ของประเทศ รองจากอะยาตุลเลาะห์ ไซยิด  อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านทีเดียว
    สหรัฐฯ อ้างว่าที่ต้อง "เก็บ" เขาก็เพราะนายพลอิหร่านคนนี้เตรียมโจมตีบุคลากรอเมริกันทั่วตะวันออกกลาง ทรัมป์อ้างว่าเขาสั่งถล่มนายพลและคณะก็เพราะต้องการจะ "สกัดแผนร้ายกาจ" ของเขา
    "We killed him to prevent a war, not to start a war."
    ทรัมป์อ้างเช่นนั้น
    ส่วนใครจะเชื่อตรรกะของใครเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    เพราะกรณีนี้ทุกฝ่ายต้องเลือกข้าง แม้จีนกับรัสเซียจะออกมาเรียกร้องให้คู่กรณีใจเย็นๆ และใช้สติในการแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลามกลายเป็นสงคราม
    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์วันนี้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่สงครามใหญ่ได้
    ทรัมป์สั่งให้ส่งทหารจากกองพลส่งกำลังทางอากาศที่ 82 เสริมเข้าไปในตะวันออกกลางอีกเกือบ 3,000 นาย เสริมจาก 750 นายที่ถูกส่งไปยังคูเวตในสัปดาห์ก่อนนี้ด้วย
    ที่ไม่เป็นข่าวนักแต่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือ ปฏิบัติการครั้งนี้ยังคร่าชีวิตของ อบู มะห์ดี อัล-มุฮันดิส  (Abu Mahdi al-Muhandis) ผู้นำกลุ่มติดอาวุธในอิรัก
    เขามีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นที่ปรึกษาของสุไลมานีด้วย
    คนที่ประณามสหรัฐฯ บอกว่าอเมริกาทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ สั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย ไม่สนใจกติการะหว่างประเทศ
    บางกระแสบอกว่านายพลอิหร่านนี้มีบทบาทสำคัญในการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) 
    แต่ฝ่ายเห็นพ้องกับอเมริกาบอกว่าสมควรแล้วที่จะต้องกำจัดเขาเสีย เพราะเขามีส่วนใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิรักเมื่อปีที่แล้ว 
    อีกทั้งยังมีคนกล่าวหาว่า นายพลอิหร่านคนนี้ได้ตั้งกลุ่มติดอาวุธที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาความยุ่งยากทางสังคมและเศรษฐกิจในอิรัก
    คนอิรักจำนวนไม่น้อยกลัวว่า การกระทำของทรัมป์ครั้งนี้จะดึงเอาอิรักเข้าไปสู่วงจรสงครามรอบใหม่
    นายกรัฐมนตรี อาเดล อับดุล มะห์ดี แห่งอิรัก ก็ออกมาประณามสหรัฐฯ ว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการละเมิดอธิปไตย
    อีกทั้งยังละเมิดข้อตกลงในการให้ทหารอเมริกันมาประจำการในประเทศอิรักอีกด้วย
    ปฏิบัติการ "ปลิดชีพสุไลมานี" ครั้งนี้ เป็นการใช้โดรนติดอาวุธถล่มทางอากาศขณะนายพลคนดังของอิหร่านเดินทางถึงกรุงแบกแดด เมืองหลวงอิรัก...และกลายเป็นเป้านิ่งขณะนั่งรถออกจากสนามบิน เพราะข่าวกรองจากสายของซีไอเอที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของนายพลคนนี้ชี้เป้าได้อย่างแม่นยำ.
    โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่าการโจมตีของสหรัฐฯ คราวนี้เทียบได้กับการ “ก่อการร้ายสากล” และอิหร่านจะต่อสู้ทางกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อให้วอชิงตันชดใช้ความผิดที่กระทำไป
    อิหร่านส่งจดหมายถึงเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ประกาศว่าขอสงวนสิทธิ์ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศที่จะดำเนินการป้องกันตนเอง 
    โดยย้ำว่าปฏิบัติการลอบสังหารนายพลสุไลมานี “คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนของการก่อการร้ายโดยรัฐ (state terrorism)”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"