"บิ๊กตู่" เรียก "สมคิด-อุตตม" หารือเครียดที่ทำเนียบรัฐบาล "ขุนคลัง" แจงให้เกียรติ ธปท.ดูแลสถานการณ์บาทแข็งค่า ยันไม่มีนโยบายใช้มาตรการภาษีก้าวก่ายการทำหน้าที่ ยันหารือร่วมกันตลอด มาตรการคุมบาทมีมากมาย จะใช้ต้องรอจังหวะและเวลาเหมาะสม ด้าน "เสี่ยหนู" ติงอย่าด่วนสรุปพิษเศรษฐกิจทำให้คนฆ่าตัวตาย แนะจำกัดการนำเสนอข่าวประเภทนี้ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะอุปาทานหมู่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคม เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าพบที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายสมคิดจะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่าเข้าพบนายกรัฐมนตรีเรื่องผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี)
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือของ พล.อ.ประยุทธ์กับนายสมคิด และนายอุตตมนั้น นายอุตตมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ในนโยบาย และนายกฯ ได้กำชับว่าการช่วยเหลือต่างๆ ต้องให้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม เพื่อประโยชน์สูงสุด
ขณะที่นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงวันหยุดปีใหม่ โดยหลุด 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐนั้น กระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง แต่ขอบเขตความรับผิดชอบและอำนาจในการดูแลอยู่ที่ ธปท. ซึ่งกระทรวงการคลังจะไม่เข้าไปก้าวก่าย และยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดที่จะใช้มาตรการภาษีจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท
ส่วนที่ผ่านมาการดูแลค่าบาทเป็นผลหรือไม่ อย่าไปคิดเชิงลบว่ากระทรวงการคลังและ ธปท.หารือร่วมกันหลายครั้ง แต่ไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย เพราะเรื่องนี้ต้องให้เกียรติ ธปท.ในการดูแลค่าเงินบาทด้วย เนื่องจากมีการดูแลต่อเนื่อง เรื่องค่าเงินบาทมีข้อดีข้อเสีย 2 ด้าน บาทแข็งจะกระทบกับการส่งออกก็จริง แต่ในทางตรงกันข้ามก็ส่งผลดีกับการลงทุน ซื้อเครื่องจักร เทคโนโลยี จากต่างประเทศ ก็มีต้นทุนถูก ซึ่งไทยต้องการการลงทุนในการพัฒนาประเทศอย่างมาก
“ค่าเงินบาทจะหลุด 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐหรือไม่ ผมไม่ทราบ เป็นความเห็นและมุมมองของเอกชน แต่กระทรวงการคลังและ ธปท.หารือร่วมกันตลอด และคิดว่ายังมีเครื่องมืออีกมากที่จะใช้ดูแลค่าเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะ ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา ถูกจังหวะ” นายอุตตมกล่าว
นายอุตตมกล่าวว่า ในปี 2563 นอกจากเรื่องค่าเงินบาทแล้ว กระทรวงการคลังก็จะมีมาตรการในการดูแลกลุ่มผู้บริโภค ดูแลเรื่องสภาพคล่องในระบบและกลุ่มอื่นๆ ที่มีความจำเป็นในการดูแลให้เข้มแข็งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (แอลทีวี) นั้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือกับ ธปท.ให้ผ่อนปรนในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงปัญหาพิษเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตประชาชน ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายว่า อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้างถึงประเด็นนั้นอย่างเดียว เหตุผลการทำร้ายตัวเองไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยฉับพลัน ถ้าไม่มีภาวะกระทบจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งเราต้องจำกัดการนำเสนอข่าวประเภทนี้ให้มากที่สุด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะอุปาทานหมู่ได้ อย่างไรก็ดี กรมสุขภาพจิตได้มีการออกหน่วยดูแล เยียวยาสภาพทางด้านจิตใจผู้ประสบปัญหาอย่างใกล้ชิด แต่ต้องฝากญาติๆ ให้ช่วยดูแลใกล้ชิด หากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าหรือประสบภาวะกระทบต่อจิตใจอย่างเฉียบพลัน ต้องรีบพามาพบแพทย์ทันที
เมื่อถามว่า กรมสุขภาพจิตมีการประเมินสถานการณ์หรือทำสถิติสาเหตุการฆ่าตัวตายว่าเกิดจากอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการจัดลำดับของการเจ็บป่วย เช่น ช่วงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหรือภัยแล้ง ได้มีการส่งทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่ดูแลสภาพจิตใจของผู้ได้รับความเดือดร้อน ส่วนเรื่องทางเศรษฐกิจก็เช่นกัน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินให้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ผ่านการพิจารณาของสภาเป็นที่เรียบร้อย การใช้จ่ายหรือการลงทุนภาครัฐก็จะเกิดขึ้น
“รัฐบาลชุดนี้เข้ามาช่วงปลายปีงบประมาณพอดี การจัดสรรงบประมาณต่างๆ จึงเกิดความขรุขระ และเสียเวลาไปประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งคงว่ากันไม่ได้ เพราะเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย แต่หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ผ่านสภาแล้ว คงมีการหมุนเวียนของเงินเข้ามาในระบบมากยิ่งขึ้น และต้องรีบเร่งใช้จ่ายงบประมาณให้เร็วและคุ้มค่าที่สุด” รองนายกฯ กล่าว
ถามว่างบประมาณออกช้า ส่งผลกระทบต่อกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีผลกระทบบ้าง เพราะแทนที่เราจะไปปรับปรุงยกระดับหน่วยบริการ สร้างโรงพยาบาล หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ต้องรอ ไม่เป็นไร รอแค่อีก 2-3 เดือน แต่คงต้องไปเน้นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง การเปิดประมูลให้คนเข้ามาทำสัญญาให้เร็วสุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |