3 ม.ค. 2563 น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กระทรวงพาณิชย์ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ในช่วงกลางเดือนม.ค.63 สนค.เตรียมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปี 63 รวมถึงแนวทางที่จะส่งเสริมและผลักดันการส่งออกเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเตรียมเสนอให้พิจารณาเป้าหมาย 3 ระดับคือ มูลค่าส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 1%, 2% และ 3% เมื่อเทียบกับปี 62 แต่รัฐบาลต้องการผลักดันให้ได้ถึง 3% เพื่อให้เศรษฐกิจไทยปี 63 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ไม่ต่ำกว่า 2.8%
”เป้าหมายมูลค่าการส่งออกแต่ละระดับ คือ ตั้งแต่ 1-3% สนค.ได้เสนอแนวทางการผลักดันไว้ด้วย ว่า ถ้าต้องการจะขายตัวให้ได้ 1% หรือ 2% หรือ 3% จะต้องส่งเสริมและผลักดันอย่างไร โดยเฉพาะในตลาดเป้าหมาย 18 ประเทศทั่วโลก ที่รมว.พาณิชย์ตั้งเป้าหมายจะเดินทางไปเจรจาขายสินค้าด้วยตัวเอง จะเอาสินค้าอะไรไปขาย และในแต่ละเดือนต้องส่งออกให้ได้เท่าไร จึงจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งข้อมูลที่เตรียมนำเสนอนั้น สนค.ประเมินจากความต้องการซื้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และจะเอาข้อมูลนี้เสนอให้รมว.พาณิชย์ใช้ประกอบการเดินทางไปขายสินค้าใน 18 ประเทศด้วย”
ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ก็จะต้องหารือกับผู้ส่งออกเพื่อประเมินสถานการณ์ในแต่ละตลาด จากนั้นจึงเอาข้อมูลทั้งหมดมาประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกอย่างเป็นทางการต่อไป โดยเป้าหมายมูลค่าการส่งออก ที่สนค.เตรียมเสนอให้ที่ประชุมกรอ.พาณิชย์พิจารณานั้น ยังไม่ถือว่าเป็นเป้าหมายอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการซื้อสินค้าจากทั่วโลกในปี 63 พบว่า ยังมีความต้องการซื้อสินค้าอยู่มาก แต่บางสินค้า ไม่ได้นำเข้าจากไทย แต่นำเข้าจากคู่แข่งไทย เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่ประเทศผู้นำเข้าจะนำเข้าจากจีน และประเทศเพื่อนบ้านของไทย ดังนั้น จึงต้องหาทางผลักดันการส่งออกของไทยเข้าไปทดแทนให้ได้ ซึ่งการเดินทางไปเจรจาขายสินค้าด้วยตนเองของรมว.พาณิชย์ จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยผลักดันได้บ้าง
สำหรับสินค้าส่งออกดาวรุ่งของไทยในปี 63 จะมีทั้งผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยตลาดที่มีศักยภาพนำเข้า ได้แก่ สหรัฐฯ จีน เวียดนาม เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ซาอุดิอาระเบีย, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส ฯลฯ, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน ฯลฯ, เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ตลาดศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีไก่แปรรูป ตาดศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฮ่องกง, เครื่องนุ่งห่ม ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ เบลเยี่ยม จีน สหราชอาณาจักร ฯลฯ, รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เบลเยี่ยม กัมพูชา ฯลฯ, เครื่องดื่ม ตลาดศักยภาพ เช่น กัมพูชา เมียนมา จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ฯลฯ, อาหารสัตว์เลี้ยง ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน ฯลฯ, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ จีน มาเลเซีย เวียดนาม ฯลฯ, เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้านเรือน ตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ จีน เดนมาร์ก ฯลฯ
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อถึงค่าเงินบาทแข็งค่าว่า จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแน่นอน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งจะทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง และกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือภาคเกษตรกรด้วย เพื่อบรรเทาผลกระทบ แม้โครงการประกันรายได้ จะช่วยลดผลกระทบได้ระดับหนึ่ง เพราะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิตได้สูงขึ้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |