“ศรีนวล บุญลือ” อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เป็น 1 ใน 4 ส.ส.ที่ถูกขับแล้ว ถือว่าสร้างสีสันมากที่สุดคนหนึ่ง หลังจากถูกจัดฉากโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้เล่นบทใสซื่อ พูดจาคำเมืองเชียงใหม่ สไตล์นักการเมืองบ้านนอก พร้อมทั้งถูกวางบทให้เสนอชื่อหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เป็นนายกฯ แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้ว

แต่ความเป็นจริง “ศรีนวล” ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธ์ทางการเมืองอย่างที่สังคมมอง เพราะเคยเป็นอดีต ส.จ. 2 สมัยของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยตั้งแต่แรกรุ่น ต่อเนื่องมาถึงพรรคพลังประชาชน เรื่อยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย จนกระทั่งเข้าตานายธนาธร และไปติดต่อให้มาลงสมัครรับเลือกตั้ง

การเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 “ศรีนวล” ได้เพียงอันดับ 3 ด้วยคะแนน 29,556 คะแนน แพ้นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เจ้าถิ่น ของพรรคเพื่อไทย ได้ 52,165 คะแนน และอันดับ 2 นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ พรรคพลังประชารัฐ 39,221 คะแนน

กระทั่ง กกต.แจกใบส้มให้นายสุรพลตัดสิทธิ์เลือกตั้ง แล้วสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่  สถานการณ์การเมืองขณะนั้นเห็นภาพชัดเจนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่เป็นฝ่ายเดียวกัน และทุกแต้มในสภาฯ มีค่าเพื่อให้ 1 แต้ม พรรคเพื่อไทยจึงจับมือกับอนาคตใหม่ แล้วเทคะแนนให้

การเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 26 พ.ค.62 จากเคยได้ 29,556 คะแนน จึงกลายเป็น 75,891 คะแนน ทั้งๆ ที่ห่างกันเพียง 62 วัน และส่งผลให้ศรีนวล มีคะแนนสูงเป็นอันดับ 1 ของสภาฯ ดงงูเห่าชุดนี้

จะว่าไปแล้วการที่ “ศรีนวล” มาอยู่ฝ่ายรัฐบาล คนที่ควรจะโกรธมากที่สุดก็คือพรรคเพื่อไทย เจ้าของคะแนนที่เทให้ศรีนวล และคนที่ควรจะถูกเคืองไม่น้อยกว่าศรีนวลก็คือนายธนาธร หน้าหน้าพรรคส้มหวาน ที่ไม่สามารถรักษาคะแนนพรรคเพื่อไทยเทให้ไว้กับฝ่ายค้านได้ และต้องเสียแต้มนี้ฟรีๆ ไปให้ฝั่งรัฐบาล  

การใช้อารมณ์ของผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่ที่กระทำต่อสมาชิกซึ่งเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ ทำให้เกิดอาการกระเพื่อมอย่างแรงในพรรคที่โชว์ความเท่าเทียมให้สังคมได้เห็น ซึ่งบัดนี้ถือว่าไม่มีความแน่นอน เพราะกำลังเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยคดีที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรค

ส.ส.พรรคอนาคตใหม่หลายคนไม่มีใครอยากจมไปกับชื่ออนาคตใหม่ และหลายคนไม่อยากไปอยู่กับพรรคที่ตัวเองต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอีกต่อไป จึงเริ่มมองหาพรรคการเมืองต้นสังกัดใหม่ หากพรรคอนาคตใหม่ต้องล่มสลายไปจริงๆ หรือไม่

“ศรีนวล บุญลือ” น่าจะเป็นโมเดลที่ ส.ส.อนาคตใหม่ หลายคนกำลังจับตาดู แม้จะไม่มีสถานภาพสมาชิกพรรคที่ชัดเจน แต่ศรีนวลได้รับการต้อนรับจากเพื่อน ส.ส.พรรคภูมิใจไทยอย่างอบอุ่น และคนในฝั่งรัฐบาล ในวันรุ่งขึ้นเมื่อได้รับอิสรภาพ และมานั่งประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นเนื้อเดียวกับพรรคภูมิใจไทย  

โดย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.มากประสบการณ์จากภูมิใจไทย ใช้คำว่า “หนีร้อนมาพึ่งเย็น” กับการมาของเธอ เพราะคนภูมิใจไทยย่อมเข้าใจคำว่างูเห่าได้เป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นอนาคอนดา งูยักษ์ในอดีตมาก่อนที่เลื้อยจากระบบทักษิณ จนมาก่อเกิดเป็นพรรคปฏิบัติการเลือดน้ำเงินในเวลานี้   

ขณะเดียวกันการเลือกมาพรรคภูมิใจไทย คือการสร้างน้ำหนัก และพลังทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะเป็น 1 คะแนนเท่านั้น แต่ก็ทำให้พรรคเลือดน้ำเงินมีจำนวนมือในสภาฯ เพิ่มขึ้น และได้รับความเกรงใจจากพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล

“ศรีนวล” เล่าว่า จะขอทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่ในชนบทห่างไกลให้ดีขึ้นและให้ได้มากที่สุด และมั่นใจว่าการที่มาอยู่พรรคภูมิใจไทยจะทำสิ่งที่เธอคิดหวังไว้ได้ เพราะเคยได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาโรงพยาบาล และการจัดกิจกรรมให้กับ อสม.ในเขตเลือกตั้ง 2-3 ครั้ง ซึ่งอนุทินให้การสนับสนุนเต็มที่  

 จึงเชื่อว่าโรงพยาบาลต่างๆ ที่ตัวเองผลักดันจะดีขึ้น สุขภาพของประชาชนได้รับการดูแลดีขึ้น คนเจ็บคนป่วยเข้าถึงหมอได้มากขึ้น ขณะที่พรรคภูมิใจไทยยังดูแลกระทรวงคมนาคม จะส่งผลให้ถนนตามชนบทได้รับการพัฒนาดีขึ้น ไฟฟ้าส่องสว่างทุกถนน ได้รับการติดตั้ง การฝึกอาชีพให้คนยากจน ได้รับการพัฒนามากขึ้น ซึ่งการมาอยู่ฝ่ายรัฐบาล อาจจะทำให้ชีวิตเธอได้รับผลกระทบในทางที่ร้าย แต่เชื่อว่าชีวิตของประชาชนในเขตเลือกตั้งของเธอจะได้รับประโยชน์ในทางที่ดีขึ้น

“เธอบอกว่า ถ้าทำได้ตามที่คิดไว้ เธอยอมให้ด่า ถ้าด่าศรีนวลแล้วชีวิตประชาชนจะดีขึ้น ก็ด่าไป” ศรีนวลกล่าว และว่า เพราะหลายๆ ครั้งที่เคยไปบอกปัญหา ไปขอความช่วยเหลือจากรัฐมนตรีหลายๆ กระทรวง ให้ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน มักจะโดนตำหนิว่าเอาใจออกห่างจากพรรค จนกระทั่งต้องคิดหนัก และมาถึงจุดที่ต้องเลือกว่าจะอยู่เพื่อทำให้ผู้บริหารพรรคพอใจ และตัวเองปลอดภัย หรือจะอยู่เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น 

ซึ่งพยายามอดทนมาตลอด จนกระทั่งถึงจุดที่เธอเรียกว่าได้รับอิสรภาพ เธอก็เลือกตามที่ใจอยากจะทำ คือ เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เพราะชีวิตจริงของคนยากจนในชนบท ไม่ได้มีแต่การเมือง ไม่ได้มองเรื่องการเมืองเพียงเรื่องเดียวเหมือนคนเมือง  “ศรีนวล” ย้ำว่า เมื่อตัดสินใจแล้ว พร้อมจะรับผลจากการตัดสินใจทุกเรื่อง

"ศรีนวล" ว่าที่ ส.ส.คนใหม่พรรคภูมิใจไทย จะมีชะตากรรมทางการเมืองเช่นไร เป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูต่อไป แต่เชื่อว่า “ศรีนวลโมเดล” จะมีผู้เดินตามรอยอย่างแน่นอน... 

ถึงวันนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ คงได้รู้แล้วว่า ศรีนวล บุญลือ สามารถเอาตัวรอดทางการเมืองได้ ขณะเดียวกันก็เปรียบเป็นกระจกสะท้อนกลับไปยังพรรคต้นสังกัดเดิม ต้องกลับมาทบทวนการทำงาน และตัดสินใจแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว เพราะยิ่งทำยิ่งพัง ยิ่งชิงกระแสยิ่งลด โดยมีเงื่อนไขการยุบพรรคในอีกไม่ช้าเป็นจุดตัด                                                                                                                                                                                                                           

                 พระราม 9