"ณัฏฐพล" ย้ำจะเดินหน้าทำให้เด็กไทย สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ภายใน3ปี


เพิ่มเพื่อน    


2ม.ค.63-นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ. มาเป็นระยะเวลา 5 เดือนแล้วนั้น สำหรับนโยบายด้านการศึกษาที่ตนให้ความสำคัญอย่างมาก คือ การยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียน ครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา เพราะถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในโลกศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้นนโยบายเรื่องนี้ตนคาดหวังว่าในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว จะสามารถพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ภายในระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนับสนุนในการเดินหน้าเรื่องนี้ตามนโยบายตนอย่างเต็มที่ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปิดห้องเรียน Mini English Program (MEP) ในกลุ่มโรงเรียนประจำอำเภอและโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล หรือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้วางทิศทางการพัฒนาภาษาครูและเด็กอาชีวะ เป็นต้น 

“ขณะเดียวกันการแก้ไขและปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอเลื่อนและมีวิทยฐานะครู ก็เป็นอีกนโยบายสำคัญของผมเช่นกัน เพราะเรื่องนี้จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการครูทุกคน เนื่องจากผมรับทราบถึงปัญหาความไม่ลงตัวในเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆ เป็นอย่างดี และขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การทำวิทยฐานะครูมีประสิทธิภาพมากที่สุด”รมว.ศธ.กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเสียงสะท้อนระบุ ว่า การที่ ศธ.มีรัฐมนตรีมาจาก 3 พรรคการเมือง จะทำให้นโยบายการศึกษาไปกันคนละทิศทาง นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เห็นแนวทางการทำงานขับเคลื่อนการศึกษาของรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ทั้ง 2 คนแล้ว และทุกคนมุ่งยกระดับและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ดังนั้นแม้จะมีนโยบายที่แตกต่างกันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการปัญหาในการทำงาน เพราะสุดท้ายแล้วทุกนโยบายเราจะพูดคุยเพื่อหาตรงกลางในการเดินหน้านโยบายภาพรวมของ ศธ.อยู่แล้ว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"