โกงคนจนลามไม่หยุด ป.ป.ท.ตรวจพบ 49 จังหวัดส่อทุจริตงบ 104 ล้านบาทหรือ 85% "วิษณุ" ยันไม่ยกเลิกโครงการแต่อาจจ่ายผ่านระบบพร้อมเพย์แทน สภาคณาจารย์ มมส.แถลงผลสอบ "อจ.สายไหม" สั่ง "น้องแบม" กราบเท้า จนท.ศูนย์คุ้มครองฯ-ตีไหล่จริง ชี้ผิดจรรยาบรรณ น้องแบมยังคาใจเหมือนปัดให้พ้นทาง ขณะที่ "หมอธี" จ่อไล่ออก ขรก.ซี 8 ที่ยอมรับยักยอกเงินกองทุนเสมาฯ ลั่นใครเอาเงินไปต้องรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงการตรวจสอบทุจริตการใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่พึ่ง ของศูนย์คนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่าช่วงตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 18 มีนาคม 2561 พบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตงบประมาณรวม 104,440,000 บาท คิดเป็นประมาณ 85% ของงบศูนย์คุ้มครองฯ ใน 49 จังหวัด จากสัปดาห์ที่แล้ว 44 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี ตราด น่าน สระแก้ว อุดรธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กระบี่ ตรัง ร้อยเอ็ด ยะลา พัทลุง ชุมพร สุรินทร์ อ่างทอง พิษณุโลก ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สงขลา นราธิวาส มหาสารคาม ลำพูน นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี นครพนม กาฬสินธุ์ พิจิตร ราชบุรี นครปฐม มุกดาหาร ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก อุทัยธานี สตูล ลพบุรี หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ กำแพงเพชร พังงา สกลนคร และจันทบุรี
"ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ท.รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 7 จังหวัด คือ ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี ตราด น่าน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 27 จังหวัด สำหรับพฤติการณ์การทุจริตมีหลายวิธีการ เช่นมีการปลอมเอกสารทั้งหมด ผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินเลย, มีการปลอมเอกสารบางส่วน มีทั้งผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินเลย และผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินบางส่วน, ผู้ได้รับเงินไม่ได้เป็นผู้ยากไร้, มีการนำเงินมาให้ผู้มีรายชื่อในช่วงที่มีการตรวจสอบ และแจ้งให้ผู้มีรายชื่ออ้างกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบว่าได้รับเงินครบถ้วน เป็นต้น" พ.ท.กรทิพย์ระบุ
พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ป.ป.ท.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปแล้ว 4 แห่ง คือ นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จ.อุดรธานี งบประมาณ 7 ล้านบาท, นิคมสร้างตนเองห้วยห้วง จ.อุดรธานี งบประมาณ 5 ล้านบาท, นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น งบประมาณ 11 ล้านบาท และนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.สตูล งบประมาณ 10 ล้านบาท โดยพฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบว่ามีลักษณะการทุจริตเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ท.พบหลักฐานจ่ายเงินไม่เต็มจำนวน โดยหักไว้ส่วนหนึ่งและทำบัญชีเท็จเพื่อเบิกเงิน ซึ่งพบความผิดในหลายจังหวัด คาดว่าใน 1-2 เดือนนี้จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำความผิดได้ คาดเสร็จเร็วกว่ากรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ พม.ตรวจทางวินัยและได้ย้ายเจ้าหน้าที่และพักงานไปแล้วบางจังหวัด ขณะที่บางส่วนก็ได้กันตัวไว้เป็นพยาน ป.ป.ท.ตรวจสอบลงลึกเพื่อดำเนินคดีอาญา โดยมีการรายงานความคืบหน้ามายังตนและนายกฯทุกสัปดาห์ ล่าสุดตรวจสอบไปแล้วเกือบ 50 จังหวัด จาก 76 จังหวัด ในส่วนของคดีอาญาต้องทำให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ไปถึงในชั้นศาลแล้วพิพากษายกฟ้อง ดังนั้นในภาพรวมทั้งหมดที่จะมีการกล่าวหาพาดพิงถึงข้าราชการหลายคนให้รอฟังผลสรุปจาก ป.ป.ท.
เมื่อถามว่าการพบทุจริตจำนวนมากในปี 2561 จะทำให้ต้องยกเลิกโครงการต่างๆ หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าจะไปหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่ได้ เพราะเป็นโครงการที่ดีเพื่อช่วยประชาชนผู้ยากไร้ เมื่อพบการทุจริตต้องแก้ไขไม่ใช่ยกเลิก จากการลงพื้นที่เพื่อพบปะและจ่ายเงินสดโดยตรง ซึ่งเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต ก็อาจจะเปลี่ยนไปจ่ายผ่านระบบพร้อมเพย์หรือวิธีอื่นๆ ทั้งนี้คนจนคนไร้ที่พึ่งยังมีอยู่จริง การสงเคราะห์ยังเป็นเรื่องจำเป็น
ที่สภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มมส.ได้เปิดแถลงข้อเท็จจริงกรณีผลการตรวจสอบอาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มมส. ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สั่งให้ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 กราบขอขมาเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่นที่กระทำการทุจริต โดย ผศ.ดร.วิรัติ กล่าวว่าได้ส่งผลสอบไปให้คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้วในประเด็นหลัก 2 ข้อ คือ 1.การให้นิสิตฝึกงานกราบขอโทษผู้กระทำผิดเพราะต้องการที่จะขอฝึกงานต่อ โดยน้องแบมได้ก้มลงไปกราบที่เท้าจริง ส่วนประเด็นที่อาจารย์กระทำการตีไหล่เด็กนั้น มีการทำจริง และไม่ใช่การกระทำในลักษณะที่หยอกล้อหรือให้กำลังใจ
"ผลการสอบสวนเบื้องต้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้สรุปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณ พร้อมเสนอไปยังอธิการบดี มมส. ขณะนี้ มมส.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบจรรยาบรรณของอาจารย์คนดังกล่าวแล้ว โดยมีรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัยเป็นประธาน และมีคณะกรรมการอีก 5 ท่าน มีอาจารย์จากสภาคณาจารย์เป็นกรรมการด้วย 1 ท่าน จะสรุปผลสอบจรรยาบรรณภายใน 30 วัน และสภาคณาจารย์อาจจะนำเสนอให้มีการสอบสวนทางวินัยข้าราชการพลเรือนอาจารย์คนดังกล่าวด้วย" ประธานสภาอาจารย์กล่าว
ด้าน น.ส.ปณิดากล่าวว่า ส่วนตัวยังค้างคาใจในหลายประเด็น เพราะบางประเด็นผลที่ออกมาเหมือนเป็นการปัดไปให้พ้นทางมากกว่า ซึ่งต้องขอดูอีกครั้ง ขอนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อนว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่ ประเด็นที่ยังคาใจคือเรื่องนิสิตไม่ได้ร้องขอในเรื่องการแจ้งความ ซึ่งหากหัวหน้าภาครับฟังลูกน้องก็ต้องมีการตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มาไกล่เกลี่ย เพราะว่าการทุจริตมันเป็นสิ่งร้ายแรง และเรื่องการเปิดเผยสถานที่ทำวิจัยให้สื่อไปประกาศออกไปทั่วประเทศ ความปลอดภัยของตนเองอยู่ตรงไหน
ขณะที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มตรวจสอบภายใน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ได้ตรวจพบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 88 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ตนต้องการสอบสวนในเรื่องนี้แบบเชิงลึกและขยายวงกว้างให้มากขึ้น ซึ่งนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.ได้รายงานมาให้รับทราบว่าได้เปลี่ยนประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง จากเดิมระดับผู้อำนวยการสำนักเป็นประธานสอบ มาเป็นนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธานแทน ส่วนการตรวจสอบข้อมูลการบันทึกบัญชีในระบบ GFMIS พบว่ามีการโอนเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต แต่ไม่ปรากฏเอกสารประกอบการเบิกจ่ายกว่า 30 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2551-2553 นั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ใครดูแลเรื่องนี้หรือใครเป็นเจ้าของบัญชีก็ต้องรับผิดชอบ เงินหายใครเป็นคนเอาไปก็ต้องรับผิดชอบ ยืนยันไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ ยินดีรับข้อมูลหลักฐานต่างๆ จากทุกฝ่ายขอให้แจ้งเข้ามาได้
"สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ท.และสำนักงาน ปปง.ได้เข้าร่วมตรวจสอบที่มาที่ไปและเส้นทางการเงินของกองทุนนี้แล้ว ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ส่วนผู้ที่ต้องได้รับเงินจากกองทุนดังกล่าวนั้น จะนำเงินจากการอายัดทรัพย์สินมาเยียวยาให้ แต่ระหว่างกระบวนการอายัดทรัพย์สินอาจล่าช้า จึงให้ปลัด ศธ.หาเงินจากส่วนอื่นมาเยียวยาไปก่อน ปลัด ศธ.ยังได้รายงานมาด้วยว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม อกพ.สป.ซึ่งจะมีการพิจาณาโทษวินัยร้ายแรง โดยจะมีการไล่ออกข้าราชการซี 8 จำนวน 1 รายที่รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ดังนั้นโทษวินัยร้ายแรงจะมีอยู่ 2 กรณี คือปลดออกกับไล่ออก" รมว.ศธ.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |