ฮื่ออ์อ์อ์...ก็เป็นอันได้เริ่มต้นปีหน้า-ฟ้าใหม่ พุทธศักราช 2563 กันไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์ ไม่ว่าใครต่อใคร จะไป เคาต์ดาวน์ หรือ เคาต์ลาว กัน ณ ตรงจุดไหน มุมไหน ซอกไหน ของผืนแผ่นดินไทย หรือผืนแผ่นดินโลกก็แล้วแต่ ปีพุทธศักราช 2563 หรือคริสต์ศักราช 2020 หรือ ปีหนู ก็ได้อุบัติขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว อย่างเป็นทางการ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป...
--------------------------------------------
ส่วนหน้าตาของ หนู ในปีนี้ จะออกในรูปไหน อย่างไร? เป็นหนูที่ออกไปทางน่ารัก น่าเอ็นดู อย่างหนู มิคกี้เมาส์ ของราชาการ์ตูน วอลท์ ดิสนีย์ หรือออกไปทาง หนูผี ที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าสยดสยองพองเกล้า หรือออกไปทาง กลางๆ แบบนกมีหู หนูมีปีก อย่าง ค้างคาว ที่ปรากฏอยู่ใน ส.ค.ส.ของ สมเด็จพระเทพฯ อันนั้น...ก็คงแล้วแต่ต้องนั่งนึก นั่งคิด นั่งจินตนาการกันเอาเอง และก็แน่นอนนั่นแหละว่า ผู้ที่ย่อมมีบทบาท อิทธิพล ต่อการนึก การคิด การจินตนาการ สำหรับสังคมไทยที่ใครต่อใครเขาเคยสรุปไว้ประมาณว่า ยังถือเป็นสังคมกึ่งเมืองขึ้น-กึ่งศักดินา แถมยังกึ่งพุทธ-กึ่งผี ไปจนกึ่งวิทยาศาสตร์-กึ่งโหราศาสตร์ อีกด้วยต่างหาก ก็คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดา โหร ทั้งหลายนั่นแล...
--------------------------------------------
ซึ่งก็คงต้องยอมรับว่า...บรรดา โหร จำนวนไม่น้อย ดูจะเห็นพ้อง ต้องกัน ไปในแนวเดียวกัน อย่างชนิดแทบเป็นกระแส พอๆ กับบรรดา สำนักโพล ทั้งหลายเอาเลยก็ว่าได้ ว่ารูปร่าง หน้าตา ของ หนู ในปีนี้ น่าจะออกไปทาง หนูผี มากกว่า หนูมิคกี้เมาส์ หรือออกไปทางน่าเกลียด น่ากลัว น่าสยดสยองพองขน ไม่ได้น่ารัก น่าเอ็นดูใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย คือเป็นหนูที่จะนำมาซึ่ง ความเปลี่ยนแปลง, ความรุนแรง, ความตกต่ำเสื่อมโทรม, ความทุกข์ยากลำบาก ฯลฯ นานาประการ อันถือเป็น วิกฤติ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าวิกฤติภัยแล้ง วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง การชุมนุม การประท้วง ไปจนถึงการปฏิวัติรัฐประหาร ฯลฯ อะไรไปโน่น...
--------------------------------------------
แม้ว่าในบรรดา โหร เหล่านี้...จะมีประเภทหนักไปทาง โหรซาดิสต์ คือไม่ว่าจะทำนาย ทายทัก กันมากี่ปีต่อกี่ปี ก็หนักไปทางพร้อมจะสร้างภาพ สร้างจินตนาการ ให้ใครต่อใครขนหัวลุก ขนคอตั้ง มาโดยตลอด อย่างเช่น โหรโสรัจจะ เป็นต้น แต่สำหรับคราวนี้...แม้แต่ โหร ที่เคยออกไปทางโรมันคาทอลิก หรือโมแลงติก ก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยอ้างถึงความน่าเกลียด น่ากลัว บางอย่าง บางประเภท เอาไว้มั่งเหมือนกัน อย่างเช่น โหรอรรถวิโรจน์ ไปจนกระทั่งแม้แต่โหรอย่างคุณน้อง เจ๊ฟอง หรือ ฟองสนาน จามรจันทร์ ก็ยังต้องออกมาติงๆ เตือนๆ ถึง ความห้าว ในบางลักษณะ ที่อาจลุกลาม บานปลาย นำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก ชนิดเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง แต่อาจกลายเป็นเรื่องขึ้นจนได้ ฯลฯ...
---------------------------------------------
มีแต่ โหนวันชัย รายเดียวเท่านั้น!!!...ซึ่งรายนี้อาจไม่ได้จัดอยู่ในประเภท โหร แบบเต็มเม็ด เต็มสูบ แต่หนักไปทาง โหน ซะเป็นหลัก แต่ก็ยังถือว่าน่าจะมีคุณูปการอยู่พอสมควรเหมือนกัน คืออย่างน้อย...ก็พอช่วยให้ใครต่อใครที่นั่งนึก นั่งจินตนาการ ออกไปในทางร้ายๆ พอได้รู้สึกสดชื่น รื่นเริง ขึ้นมามั่ง เพราะได้อาศัย วิชาโหน ออกมาทำนาย ทายทัก เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าภายในปีหนู ปีนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเต็มไปด้วย ความสงบ, ความร่มเย็น, ความเรียบร้อย, ความปรองดอง และ ความสมานฉันท์ ด้วยเหตุเพราะ ดาวมฤตยู อันเป็นดาวที่บรรดา โหรแท้ๆ ทั้งหลาย นำมาใช้เป็นมาตรฐาน ในการทำนาย ทายทักถึงความน่าเกลียด น่ากลัว น่าสยดสยองพองเกล้าต่างๆ นานานั้น ก็คือดาวที่มีสัญลักษณ์เป็น เลข 0 ซึ่งถูกประดับเอาไว้บนหน้าผากของ พระศิวะ หรือพระเจ้าแห่งการ “ทำลายล้างแล้วสร้างใหม่” ของบรรดาพวกพราหมณ์อินตะระเดียโน่นเลย...
------------------------------------------------
ด้วยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของ พระศิวะ ตามตำรับ ตำรา ของ โหนวันชัย (ซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน) นี่เอง รูปร่าง หน้าตา ของหนู หรือของปีหน้า ฟ้าใหม่ จึงออกจะเป็นอะไรที่ใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล เหมือนดั่งกลิ่นพู่ย้อยห้อยเรียงราย จนใครต่อใครสามารถ “โหน” ไปสู่ความสุข ในตลอดช่วงปีใหม่ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แต่มันจะเป็นไปตามที่ โหนวันชัย หรือ โหร ส่วนใหญ่ชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้แบบชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน หรือไม่ อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไป บ้ากันเอาเอง ก็แล้วกัน แต่สำหรับบรรดา ชาวพุทธ ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ กึ่งผี หรือ กึ่งพุทธพาณิชย์ คงไม่น่าจะมีอะไรดีกว่า การหันมาฟังคำชี้แนะ ชี้นำ จากผู้นำชาวพุทธในเมืองไทย อย่าง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ไม่เพียงแต่ได้ประทานพรปีใหม่เอาไว้ก่อนหน้านี้ ยังทรงได้ประทาน คติธรรม เนื่องในอภิลักขิตสมัย วันปีใหม่ 2563 ที่น่าคิด น่าสนใจ เอามากๆ...
------------------------------------------------
คติธรรม ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในคราวนี้...ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเน้นย้ำให้เห็นถึงความเป็นไปของ กฎวิทยาศาสตร์ หรือ กฎแห่งธรรมชาติ อันถูกเรียกขานกันในนาม “กฎแห่งกรรม” นั่นแล หรือการชี้ให้เห็นว่า การกระทำสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ลงไป ย่อมเป็นปัจจัยให้สิ่งหนึ่งๆ เกิดขึ้นตามมาเสมอๆ ด้วยเหตุนี้...บุคคลจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง ในทุกๆ การกระทำ ด้วยการยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม และโดยที่ หากท่านรักสุข เกลียดทุกข์ ก็จงอย่าประพฤติทุจริต ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหตุแห่งทุกข์ ทุกๆ คนย่อมมีทางเลือกของตนเอง ที่จะสามารถ...ตัดกรรม...หรือ...แก้ผลกรรม...อันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทั้งนี้...มิใช่ด้วยการประกอบพิธีกรรม หรือด้วยการอ้อนวอนร้องขอ ให้ผู้หนึ่ง ผู้ใด มาดลบันดาล หากแต่ด้วยการมีสติ รู้ตัว งดเว้นจากการกระทำด้วยการพูด การคิดชั่ว นับเริ่มแต่บัดนี้ และมีสัมปชัญญะ รู้คิด ในอันที่จะทำสิ่งดีงาม ให้ทวียิ่งขึ้นอยู่ทุกขณะจิต ในที่สุด...ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัย นำพาให้ได้รับผลอันพึงปรารถนาในเบื้องหน้า... อันนี้นี่แหละที่น่าเก็บไปคิด เก็บไปนึก โดยไม่ต้องรอพระศิวะ ไม่ต้องรอดาวมฤตยู ไม่ต้อง โหน หรือ โหร ใดๆ เอาเลยก็ว่าได้...
-------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Dhammapada ... “Conquer anger by love. Conquer evil by good. Conquer the miser by liberality. Conquer the lair by truth. – อักโกเธน ชิเน โกธัง-อสาธุง สาธุนา ชิเน-ชิเน กัทริยัง ทาเนน-สัจเจนาลิกวาทินัง...พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ-พึงชนะความร้ายด้วยความดี-พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้-พึงชนะอสัตย์ด้วยความสัตย์...”
----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |