4งูเห่ากับโอกาสต้องตัดสินใจอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิต


เพิ่มเพื่อน    

4 ส.ส.ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ขับออกจากพรรค อันประกอด้วย “นางสาวกวินนาถ ตาคีย์” ส.ส.ชลบุรี  เขต 7 “นางสาวศรีนวล บุญลือ” ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 “พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา” ส.ส.จันทุบรี เขต 1 และ “นายจารึก ศรีอ่อน” ส.ส.จันทบุรี เขต 3 ตอนนี้ได้สังกัดไปแล้ว 2 คน นั่นคือ นางสาว กวินนาถ ที่ตัดสินใจซบพรรคพลังท้องถิ่นไท ของ “เสี่ยชัช” ชัชวาลล์ คงอุดม ส่วนนางสาวศรีนวล เลือกซบภูมิใจไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายเท่าใดนัก หลังบรรดากระจิบข่าวตาดี เห็น “ป้าศรีนวล” ดอดเข้าไปพบ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรค ภท. ที่ทำเนียบรัฐบาล
    ส่วนกระทาชายอีก 2 นายยังคงไม่มีต้นสังกัด ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า ทั้ง 2 คนอาจเข้าซบ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ซึ่งทาง ชทพ.เองก็ออกมายอมรับว่ามีการทางทาม “งูเห่า” จริง แต่ถ้าจะให้ดี ทางพรรคที่เป็นสัญลักษณ์ของ จ. สุพรรณบุรี อยากได้แบบแพ็ค 3 เมื่อเข้ามาร่วมกับ ส.ส.ที่มีอยู่เดิม 11 คน จะได้ 14 คน ทำให้พรรคจะคว้า เก้าอี้รัฐมนตรี เพิ่มอีก 1 ที่ ในการปรับครม.ครั้งต่อไป ตามอัตราที่กำหนด นั่นคือ ส.ส. 7 คน ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี
    บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะย้ายซบ “รัฐอิสระ” อย่างประชาธิปัตย์ หลังปรากฎภาพ ที่นายจารึก กินข้าว ร่วมกับ “นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ ที่แม้จะนามสกุลเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมแคปชั่น “หารือเรื่องการเมือง คนหนึ่งเสมือนญาติ คนหนึ่งเสมือนเพื่อน ชีวิตสับสน ยอมรับว่าเครียดครับ” จนเกิดการเดาไปต่างๆ นานา เจ้าตัวจะมาจอยด้วยกันหรือไม่ แต่หนึ่งใน 2 คนนั้นก็เคยออกมายอมรับกับสื่อแล้วว่า เขาเอง ก็ชอบแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ไม่น้อย และไม่ได้ปิดโอกาสที่จะย้ายมาร่วมหอลงโรง กันแต่อย่างใด
    ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหว ของ ทั้ง นายจารึก และ พ.ต.ท.ฐนภัทร เป็นไปในลักษณะ “แพ็คคู่” กล่าวคือ มีการพูดคุยกันตลอดก่อนตัดสินใจจะทำอะไร เนื่องจากทั้ง 2 คน รู้จักกันมาก่อนในฐานะ “คนบ้านเดียวกัน” นอกจากนี้ ทั้งคู่ ยังเป็นนักการเมืองที่มีสไตล์ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัยวุฒิ ช่วงอายุที่มใกล้ๆกัน ลักษณะการทำงานในพื้นที่ ซึ่งทั้ง 2 คน ไม่ใช่ นักการเมืองประเภทใหม่แกะกล่อง อายุยังน้อย แล้วได้ตำแหน่ง ส.ส. แต่หลายปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 คน ทำพื้นที่มาก่อนอยู่แล้ว ในฐานะลูกหม้อ “พรรคเพื่อไทย” ทำให้มีฐานเสียงอยู่พอสมควร ก่อนจะได้รางวัลชีวิตชิ้นใหญ่ หลัง “พรรคไทยรักษาชาติ” โดนยุบ จนทำให้ จ.จันทบุรี ทั้ง 3 เขต ตกเป็นของพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด
    เช่นเดียวกับการตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างการโหวตสวนมติพรรคในเรื่อง พรก.อัตรากำลังฯ ที่เป็นหนึ่งในการแสดงจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ทั้งคู่กลับโหวต “เห็นชอบ” หลังหักกับแกนนำพรรคมาแล้วรอบหนึ่งในช่วงก่อนโหวต โดยให้เหตุผลว่า อย่างไรเสีย พระราชประสงค์ของสถาบันฯอันเป็นที่เคารพรักของสังคมไทยก็ขัดไม่ได้
    ซึ่งที่น่าสังเกตุคือ ทั้ง 2 คน กลับไม่เจอปัญหา “แรงต้าน” จากคนในพื้นที่จัดกิจจกรมสัญลักษณ์เชิงต่อต้าน เผาพริก เผาเกลือ สาปส่ง หรือ เอาพวงหรีดมาวาง แม้ใน จ.จันทุบรี จะเป็นพื้นที่ สีแดง เช่น เดียวกับ เขต 8 จ.เชียงใหม่ ก็ตามที แต่ทั้ง 2 คนกลับไม่เจอ เสียงต้านจากคนในพื้นที่อย่างเข้มข้น อย่าง ที่ นางสาว ศรีนวล เจอ หรือแม้แต่ในเขตของนางสาว กวินนาถ เอง ซึ่งก็ไม่ใช่เขต “สีแดงเข้ม” แต่ก็ยังมีประชาชนออกมาแสดงความไม่พอใจ การตัดสินใจของเจ้าตัวอยู่บ้าง
    ความสงบที่เกิดขึ้นเป็นการบอกว่าในพื้นที่ จ.จันทบุรี ทั้ง 2 คน ไม่ใช่ ส.ส.บมิไก๊ แต่อย่างใด พวกเขา “เอาอยู่” และหากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ยังคงมีโอกาสกลับมาเหยียบสภา อีกครั้ง หาก ต้นสังกัดเดิม อย่าง เพื่อไทย หรือพรรคใหม่ที่จะตั้งขึ้นมา คิดตะเอาไป ชุบเลี้ยงต่อ ซึ่งแตกต่างกับ เคส ของ นางสาวศรีนวล ที่ โดนต่อต้านจากคนในพื้นที่อย่างรุนแรง แม้เจ้าตัวจะเคยทำพื้นที่มาก่อนแล้วก็ตามในฐานะ สมาชิก อบจ. แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องอย่าลืมว่า เจ้าของพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย จะกลับมา เมื่อบวกกับกระแสต้านในพื้นที่ด้วยแล้ว ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า ครั้งนี้ จะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของ นางสาวศรีนวล ที่จะได้เข้ามาเหยีบ รัฐสภาในฐานะ ส.ส.
    ในส่วนของนางสาวกวินนาถ นั้น ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองรุ่นใหม่ ที่ตัดสินใจสวนติพรรค นั้นดูแล้ว ก็แทบเป็นไปไม่ได้ ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้กลับเป็น ส.ส. อีก เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะมาลงพื้นที่ช่วงใกล้ๆการเลือกตั้ง ขณะที่พื้นที่ จ.ชลบุรีเอง เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของประเทศ และมีความหลากหลายของกลุ่มการเมือง ที่มี หลายก๊ก หลายก๊วน ทำให้น่าจะเข้าอีกหรอบเดียวกับ “นกขมิ้น” ของ ภท. เขา  แต่ทั้ง 2 ส.ส.จันทบุรี หากไม่มองเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ก็ต้องยอมรับว่า “ยาก” แต่ไม่ใช่ถึงขั้นว่าเป็นไปไม่ได้ หาก พวกเขาสามารถตอบสนองประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว  ก็อาจจะยังมีโอกาส แม้จะน้อยมากก็ตามที่
    ทั้งนี้หากมองถึงเรื่องการทำเพื่อตอบสนองคะแนนเสียงคนในพื้นที่ที่เลือกพวกเขาเข้ามา ก็ถือว่าผิดจุประสงค์สุดๆ เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาจะ “ตอบแทน” ประชาชนในพื้นที่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และต้องเป็นการแลกเปลี่ยนที่ประชาชน “ยอมรับ” ได้ด้วย แต่ถ้ามองถึงเรื่องการตัดสินใจ ในการเข้ามา “กอบโกยผลประโยชน์” กับโอกาสที่ได้เข้าไปร่วมกับรัฐบาล ก็ถือว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพราะดูแล้ว โอกาสที่พวกเขาทั้ง 4 คนจะได้กลับมาในฐานะ ส.ส.หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เรียกได้ว่า “แทบจะเป็นไปไม่ได้” อีกแล้ว    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"