เย้ย‘ทอน’แค่นายกฯในโพล


เพิ่มเพื่อน    

 พปชร.เมินเสียงโพล เย้ย “ธนาธร” แค่นายกฯ ในโพล แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ ในใจคนไทย สมศักดิ์ฟันธงรัฐบาลอยู่ครบเทอม 4 ปีแน่ ปชป.ย้ำทำงานเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐนาวาลุงตู่ ฝ่ายค้านลั่นไม่เกิน 20 ม.ค. สะเด็ดน้ำกฐินซักฟอก คาดมีไม่เกิน 7 คน รอลุ้นเพิ่มชื่อ “ประวิตร”

เมื่อวันจันทร์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีผลสำรวจความคิดเห็นหรือโพล ได้เผยผลสำรวจในเรื่องของความนิยมของรัฐบาลและนักการเมือง โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนิด้าโพลเผยผลสำรวจเรื่องนายกรัฐมนตรีในใจ ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม อันดับ 2 ซึ่งถูกว่ามอง พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในช่วงขาลง ว่าไม่หรอก เพราะโพลส่วนใหญ่ที่สำรวจในช่วงที่รัฐบาลบริหารงานส่วนใหญ่นายกฯ ไม่ค่อยได้เป็นที่หนึ่ง และโพลก็อาจถามในกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง เช่น ไปทำในกลุ่มที่สนับสนุนนายธนาธร ก็อาจได้ความนิยมเยอะ แต่ถ้าเป็นโพลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ถามทีละ 5-6 หมื่นคน จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าถามถึง 300-400 คน แล้วมาชี้ว่าเป็นความคิดเห็นของคนทั้งประเทศไม่ได้ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเคารพในสิทธิการทำโพลและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรค พปชร. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ว่ากันไปตามผลโพล อยู่ที่มุมมอง ซึ่งหลายสำนักโพลก็แตกต่างกันไป ขึ้นบ้างลงบ้างก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นายธนาธรก็เป็นนายกฯ โพลไป ส่วน พล.ประยุทธ์ก็เป็นนายกฯ ในใจคนไทยต่อไป ทั้งนี้ คนรัก คนไม่รักเป็นเรื่องปกติในสังคม แต่ พล.อ.ประยุทธ์รักคนไทยทุกคน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์จะมุ่งมั่นทำงานให้พี่น้องคนไทยทุกคนต่อไป
ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอบคุณประชาชน ต่อผลสำรวจดุสิตโพลที่สำรวจถึงความชื่นชอบพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และตนเองได้คะแนนอันดับ 3
    ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณสื่อมวลชนประจำสภาผู้แทนราษฎรที่ให้เกียรติเลือกเป็นดาวเด่นประจำสภาปี 2562 พร้อมระบุว่า ตำแหน่งนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจากการสนับสนุนและให้กำลังใจจากประชาชน ไม่มีราษฎรย่อมไม่มีผู้แทนราษฎร ผู้แทนราษฎรต้องเป็นผู้แทนของราษฎร มิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ 
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงเสียง ส.ส.ของรัฐบาลที่ยังปริ่มน้ำว่า อาจต้องพบปะพูดคุยกันมากขึ้นก่อนพิจารณาญัตติสำคัญ โดยเมื่อมีเสียงที่ปริ่มน้ำก็เป็นธรรมดาที่จะเห็นงูเห่าเกิดขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็เคยเกิดขึ้น เป็นเรื่องคณิตศาสตร์ เพื่อนฝูงต่างพรรคก็อาจช่วยกัน จึงไม่ใช่เรื่องใหม่เลย มีเกิดขึ้นมาตลอดในทุกรัฐบาลในอดีต
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นายสมศักดิ์ยอมรับว่า เมื่อเป็นรัฐบาลผสม นโยบายต้องมาแลกเปลี่ยนกัน ก็อาจทำนโยบายของแต่ละพรรคไม่ได้ 100% แต่หากทำเต็มที่แล้ว เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ โดยประชาสัมพันธ์ผลงานที่ทำไปแล้ว
“เป็นสูตรตายตัวไม่ได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม เพราะหากเลือกตั้งบ่อยก็อาจบอบช้ำไปด้วย จึงควรใช้เวลานี้ทำประโยชน์กับประชาชน ส่วนฝ่ายค้านก็ยังไม่อยากเลือกตั้งใหม่ เพราะจะได้มีเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งผู้บริหารอาจจะอยากอยู่นานหรือไม่นานได้ทั้งนั้น” นายสมศักดิ์ตอบข้อถามว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2563 ว่า เรื่องเศรษฐกิจในปีหน้า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทั้งภายในและนอกประเทศมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านสภา และใช้ได้ในช่วงต้นปี 2563 ก็จะเบาใจได้ 
มั่นใจเสียงรัฐบาลแน่น
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนมิติใหม่ของพรรคในปี 2563 ว่าเป็นธรรมดา ซึ่งการมีคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพิ่มเติมขึ้นมาและปรับในบางส่วนของพรรคนั้น เป็นการปรับเพื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนการเปลี่ยนโลโก้พรรคนั้น เมื่อสมาชิกพรรคเห็นชอบเปลี่ยนโลโก้ให้เป็นลักษณะวงกลมมากขึ้นกว่าเดิม ก็เป็นมิติที่ดีแสดงถึงความกลมเกลียว ความสัมพันธ์ที่ดี และการเริ่มต้นที่ดี 
เมื่อถามว่า ถึงปีหน้าจะมีอะไรที่เป็นมิติใหม่ของพรรคหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรค พปชร.เป็นพรรคที่ก่อตั้งใหม่ และมีสมาชิก ส.ส.จำนวนมาก แน่นอนว่าในช่วงต้นของพรรคต้องปรับตัวกันเยอะ เพราะเราเติบโตเร็ว ดังนั้นในปีหน้าในส่วนของ กก.บห.พรรคจะเป็นมิติการยกระดับการบริหารจัดการพรรค ทั้งในเรื่องของระบบพรรคและการทำตามยุทธศาสตร์ของพรรค และต้องเร่งทำให้พรรคให้มีความเข้มแข็ง เป็นพรรคที่ทำงานเพื่อประชาชนได้ตามที่คาดหวัง เพราะการมี ส.ส.จำนวนมาก ก็ถือเป็นการคาดหวังจากพี่น้องประชาชน
“ผมคิดว่าเสียงของรัฐบาลดีขึ้นเรื่อยๆ เราเพิ่งจะได้เสียงเพิ่มจากการเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่น และผมมองว่าเสถียรภาพรัฐบาลอยู่ที่ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนด้วย ดังนั้นการที่ประชาชนเลือกตั้งซ่อมที่เลือกพรรครัฐบาลนั้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อรัฐบาล ถึงความเข้มแข็งของตัวพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐเอง เชื่อว่าเสียงที่มีอยู่ในปัจจุบันมีความมั่นคงเพียงพอในการบริหาร แม้บางช่วงจะมีภาวะปริ่มน้ำบ้างอันเกิดจากสมาชิก ส.ส.ของพรรคติดภารกิจกันบ้าง แต่ความมั่นคงของรัฐบาลในเชิงของเสียงดีขึ้น อีกทั้งถ้ารัฐบาลเดินหน้ามุ่งมั่นและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ก็จะมีโอกาสที่เสียงจะมีความมั่นคงมากขึ้น" นายสนธิรัตน์ระบุ
       นายธนกรกล่าวว่า การทำงานของพรรคในปี 2563 นั้น จะเป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และพัฒนาต่อยอดเป็นนโยบายใหม่เพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ แม้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการเมืองในปี 2563 จะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะฝ่ายค้านประกาศว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และบางพรรคการเมืองพยายามเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนออกมาชุมนุมบนท้องถนนก็ตาม แต่พรรคจะไม่หลงกลเกมยั่วยุ เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามอดทนอดกลั้น ไม่หลงเกมยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าหลายเรื่องจะเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งข้อเท็จจริงอย่างมากก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐจะมุ่งมั่นทำงาน คิดนโยบาย และต่อยอดสู่การปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทั้งประเทศอย่างเท่าเทียม
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานในปี 2563 ว่าเราทำงานในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป็นภาพที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า การทำงานของรัฐมนตรีทุกคน เป็นการทำงานในส่วนของรัฐบาล ส่วนการขับเคลื่อนพรรคเป็นเรื่องของการบริหารจัดการภายใน ซึ่งคิดว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องขับเคลื่อนอยู่แล้ว อาจโดยกระบวนการหรือกลไกต่างๆ ที่พรรคมี เชื่อว่าทุกพรรคทำเหมือนกัน ยืนยันว่า ปชป.เป็นหนึ่งเดียว ทำงานกับรัฐบาลด้วยความสุข และมีความสุข
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่น่ากังวล เชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องหลัก พรรคฝ่ายค้านอาจเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกบ้าง ให้มีการเลือกตั้งใหม่บ้างก็เป็นสิทธิ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ถึงขั้นต้องให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีเหตุผลใด เพราะนายกฯ และรัฐบาลได้พิสูจน์ให้เห็นตามที่ได้ตั้งใจ ตามที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะนำพาพี่น้องประชาชนและประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ วันหนึ่งข้างหน้าถ้าทำไม่ได้นายกฯ ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
“ยังอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันคิดถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง อย่ามุ่งเอาชนะกันโดยไร้ซึ่งเหตุผล ที่น่าเป็นห่วงคือการไม่ยอมรับกฎหมาย ไม่ยอมรับกระบวนการตรวจสอบ ไม่เคารพอำนาจศาล สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นปัญหาให้กับบ้านเมืองได้ ประวัติศาสตร์มีให้เห็นแล้วว่าเมื่อใดที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมวันหนึ่งจะถึงทางตัน นักการเมืองต้องไม่สร้างเงื่อนไขเช่นนั้นขึ้นมาอีก ควรต่อสู้กันตามกระบวนการ สู้กันในสภา ในศาลหากกรณีที่เป็นคดีความ”
กฐินซักฟอกไม่เกิน 7 คน
ส่วนความเคลื่อนไหวของการการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจนอาจนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายสมศักดิ์มองว่า การปรับ ครม.ไม่น่าตกใจ เพราะเป็นไปตามสถานการณ์ และปรับเพื่อเติมในส่วนที่คิดว่าการทำงานยังไม่แน่น แต่ไม่รู้ว่านายกฯ คิดอย่างไร ซึ่งในประเพณีปฏิบัติก่อนหรือหลังการอภิปราย ผู้บริหารสูงสุดจะมองเห็นถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของการทำงานไปตามสถานการณ์ แต่คงไม่ใช่สาเหตุ เพราะถูกอภิปราย หรือมีกิจกรรมการทางการเมืองอะไร
นายธนกรกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ถ้ามีหลักฐานจริงก็ว่ากันไป ขอแค่ว่าอย่าเป็นราคาคุยเหมือนที่ผ่านๆ มาก็แล้วกัน โหมโรงไปเรื่อย แต่พอถึงเวลาจริงกลับนำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น และมั่นใจในการชี้แจงของรัฐมนตรีทุกท่าน 
ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในวันที่ 3 ม.ค.2563 คณะทำงานพรรคเพื่อไทยจะประชุมกันอีกรอบเพื่อวางแนวทางการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ดูแล้วน่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ประมาณกลางเดือน ม.ค. และคาดว่าจะเข้าสู่วาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในปลายเดือน ม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ. แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เลี่ยงช่วงเทศกาลตรุษจีนในปลายเดือน ม.ค. ส่วนรัฐมนตรีที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น คงไม่หนีไปจากรายชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว 5 คน ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ, นายดอน ปรามัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถือว่ามีความชัวร์แล้ว 80%
        “คนที่จะถูกยื่นอภิปรายเพิ่มเติมนั้น ต้องรอฟังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย อย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อยากให้ยื่นอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะยื่นซักฟอก พล.อ.ประวิตรเพิ่มอีกคน หรือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็มีบุคคลที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ ดังนั้นต้องรอการสรุปมติจากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย คาดว่าภายในวันที่ 20 ม.ค.น่าจะปิดสำนวนได้ว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งหมดกี่คน ประเด็นใดบ้าง แต่ดูแล้วคงไม่เกิน 7คน”
รื้อ รธน.ต้องยอมบ้าง
    สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องจะแก้ไขอะไรบ้างต้องให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และเเนวทางการเเก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พิจารณาดูก่อนว่าจะเอาประเด็นไหนขึ้นมาพิจารณาก่อนหลัง ช่วงนี้ยังเป็นแค่ช่วงพิจารณาศึกษา ส่วนการแก้ไขเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่เห็นต่างกัน ถ้าอะไรคิดว่าพอไปได้ เราก็ต้องยอมบ้าง บางทีต้องยอมเสียแขนขาเพื่อรักษาชีวิต อาจต้องยอมเสียบางเรื่องเพื่อให้เรื่องใหญ่ๆ ผ่านไปได้ หากจะเอาทั้งหมด เราต้องดูว่าตัวเราแข็งแรงขนาดไหน ถ้าเราแข็งแรงไม่มากเราจะไปเอาทั้งหมดก็ไม่จบ 
“เราต้องรู้ว่าเราจะเอาแค่ไหน จะเอามันเอาสะใจอย่างเดียว  หรือพูดให้เกิดความคิดเห็นต่างทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วเกิดความเสียหายตามมากับประเทศและประชาชน ผมว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร ส่วนจะใช้เวลาสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องอย่างโน้นอย่างนี้” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า มีความหวังกับคณะ กมธ.ที่มาจากทุกฝ่าย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะ กมธ. ก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ทางการเมือง คงสามารถสร้างสมดุลได้ เชื่อว่า กมธ.จะเห็นสภาพของการเมืองไทยที่ทุกฝ่ายรู้ดีว่ามีล็อกอยู่หลายชั้น แต่ถ้า กมธ.มองดีๆ ร่วมกันหาช่องทางได้สำเร็จ จะเป็นทางออกของทุกฝ่ายที่ทำให้การเมืองเดินไปข้างหน้าได้ด้วยระบบของตัวประชาธิปไตยเอง ไม่ทำให้เกิดการเผชิญหน้า การเมืองก็ไม่ต้องลงไปบนท้องถนน 
“ถ้าตั้ง กมธ.มาเเล้วใช้เวลา 120 วัน ไปกับการวนถกเถียงด้วยข้อมูลเก่าๆ โดยไม่มีข้อมูลใหม่ที่มองไปข้างหน้า อันนี้ก็เสียเวลาเปล่า จะทำให้ประชาชนไม่ได้มีความหวังไปด้วย” นายสาธิตกล่าว
ส่วนนายราเมศกล่าวเรื่องนี้ว่า กมธ.ในสัดส่วนของพรรค ปชป.จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อว่าทุกพรรคจะเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"