"สมเด็จพระสังฆราชฯ" ประทานพระคติธรรมเนื่องในวันปีใหม่ 63 "มีสติ อย่าประมาท-ไม่เผลอทำชั่ว" ประชาชนขอรัฐบาลแก้ปัญหาของแพงเป็นของขวัญปีใหม่ "พระราชพิธีบรมราชภิเษก" ที่สุดแห่งความทรงจำปลื้มปีติปีนี้
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563 ความว่า "บัดนี้ บรรลุถึงอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563 เมื่อถึงวาระเถลิงศก ผู้คนทั้งหลายต่างปรารถนาจะได้รับพรอันประเสริฐกันทุกคน ด้วยมุ่งหวังให้ความสุข ความเจริญ บังเกิดแก่ชีวิตของตน และบุคคลอันเป็นที่รัก ในทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระอนุศาสน์สั่งสอนย้ำเตือนให้พุทธบริษัท มีศรัทธามั่นคงในหลักกรรมและวิบาก คือการกระทำและผลจากการกระทำของตนเอง
“กรรม” นั้นย่อมได้แก่เจตนาหรือความตั้งใจ ที่เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล เป็นเหตุให้กระทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม ทางกาย ทางวาจา และทางใจ อันที่จริงแล้ว “กฎแห่งกรรม” ก็คือ กฎแห่งธรรมะประเภทหนึ่งนั่นเอง เพราะการที่กระทำสิ่งหนึ่งลงไป ย่อมเป็นปัจจัยให้สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นตามมาเสมอ บุคคลจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเหตุ ในทุกๆ การกระทำ ด้วยความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม เพื่อที่จะได้รับผลดีคือ ความไม่ทุกข์ หากท่านรักสุขเกลียดทุกข์ ก็จงอย่าประพฤติทุจริต ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ ซึ่งล้วนเป็นเหตุแห่งความทุกข์ ทุกคนย่อมมีทางเลือกของตนเอง ที่จะสามารถตัดผลกรรมหรือแก้ผลกรรมอันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทั้งนี้ มิใช่ด้วยการประกอบพิธีกรรม หรือด้วยการอ้อนวอนร้องขอให้ผู้ใดผู้หนึ่งมาดลบันดาล หากแต่ด้วยการมีสติรู้ตัว งดเว้นจากการกระทำ การพูด และการคิดชั่ว นับเสียแต่บัดนี้ แล้วมีสัมปชัญญะรู้คิด ในอันที่จะทำสิ่งที่ดีงามให้ทวียิ่งขึ้นอยู่ทุกขณะจิต ในที่สุดก็ย่อมจะเป็นเหตุเป็นปัจจัย นำพาให้ได้รับผลอันพึงปรารถนาในเบื้องหน้า
ในขณะเดียวกัน หากท่านกำลังเผชิญกับความทุกข์ ก็จงอย่าท้อแท้ อย่าหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกห่อเหี่ยวตรอมตรม และอย่าตีโพยตีพายโทษผู้หนึ่งผู้ใด แต่จงเร่งใช้โอกาสที่ประสบความทุกข์อยู่นั้น เป็นเครื่องฉุกใจให้คิดได้ ให้ตระหนักเห็นถึงสภาวลักษณะตามธรรมดาของโลก ให้เข้าใจในความจริงว่าไม่มีชีวิตใดเลยที่ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ แล้วปฏิญาณในใจ ณ ขณะปัจจุบันนั้นว่า จะไม่เผลอทำชั่ว ซึ่งย่อมส่งผลเป็นความทุกข์ในอนาคตอีก พร้อมกับเร่งขวนขวายศึกษาอบรมตน ให้งอกงามด้วยคุณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป
ผู้ปรารถนาความสุขในปีใหม่ จึงพึงระลึกรู้อยู่เสมอว่า ต้นเหตุของความทุกข์ คือการประกอบกรรมชั่ว ต้นเหตุของความสุข คือการประกอบกรรมดี การที่คิดว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว จัดเป็นความคิดอย่างมิจฉาทิฐิ ด้วยเหตุที่ยังไม่มีปัญญาสอดส่องรู้ถึงกฎแห่งกรรม อันเป็นกฎแห่งธรรมะ ท่านทั้งหลายควรเริ่มต้นแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเอง ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง แล้วไม่ประมาทในการศึกษาอบรมเพิ่มพูนคุณธรรม เพื่อความเจริญก้าวหน้าสืบไปเถิด
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณงามความดีที่ทุกท่านได้ร่วมกันสร้างสรรค์ จงบันดาลความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติ และประชาชน ยังความปราโมทย์เบิกบานพระกมล ให้บังเกิดในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อจักได้เสด็จสถิตธำรง ทรงเป็นมิ่งขวัญหลักชัยอยู่ยิ่งยืนนาน ทรงปกป้องพสกนิกร ให้ภิญโญสโมสรด้วยความสุขเกษมศานต์ ตลอดพุทธศักราช 2563 โดยทั่วกัน เทอญ"
ทางด้านนายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ โครงการอัญเชิญพระบรมเกศาธาตุ เปิดเผยว่า ได้ขยายเวลาในการเข้าสักการะพระบรมเกศาธาตุจากเนลลิกาลา อินเตอร์เนชั่นแนล บุดดิสต์ เซ็นเตอร์ เมืองแคนดี ประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงสุดมาแต่โบราณ และอัญเชิญมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 700 ปี ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 31 ธ.ค. จนถึงเวลา 1 นาฬิกาเป็นกรณีพิเศษ โดยเชิญชวนมาร่วมกันสวดมนต์ข้ามปีเข้าสู่ศักราชใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นการชำระจิตใจให้ผ่องใส พร้อมรับสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในปีใหม่นี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.เป็นต้นไป จะมีการอัญเชิญพระสุรเสียงของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มาเป็นต้นเสียงเพื่อให้ประชาชนที่เข้ามากราบสักการะพระบรมเกศาธาตุ บริเวณรอบพระตำหนักเพ็ชร ได้น้อมจิตสวดมนต์ตาม เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต จนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธ.ค. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมการประโคมกลองจะเริ่มขึ้น จนถึงเวลา 0.45 น. ของวันที่ 1 ม.ค.2563 จากนั้นจะเป็นการต้มนมสด เพื่อความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรืองของผืนแผ่นดินไทยและศรีลังกา ซึ่งเป็นธรรมเนียมโบราณของศรีลังกาที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน พิธีจะแล้วเสร็จในเวลา 01.00 น. เป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ฉลองปีใหม่ พุทธศักราช 2563
พุทธศาสนิกชนสามารถเข้ากราบสักการะพระบรมเกศาธาตุ ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00- 20.00 น. จนถึงวันที่ 15 ม.ค.2563 โดยกรุณาใส่ชุดขาวหรือสีสุภาพ
กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “พรปีใหม่ 2563 ที่คนไทยอยากขอ” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,154 คน พบว่า หากขอพร 1 ข้อ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวาระขึ้นปีใหม่ 2563 ประชาชนอยากขอให้สุขภาพแข็งแรงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 37.7 รองลงมาคือ ขอให้เศรษฐกิจดีสุดโต่ง คิดเป็นร้อยละ 16.0, ขอให้บ้านเมืองสงบสุข/ไม่มีศึกศัตรูรอบข้าง คิดเป็นร้อยละ 11.4, ขอให้ร่ำรวย/เจริญรุ่งเรือง คิดเป็นร้อยละ 11.0 และขอให้นักการเมืองเลิกทะเลาะกัน คิดเป็นร้อยละ 10.5
หากขอของขวัญ 1 ชิ้น ในวาระขึ้นปีใหม่ 2563 จากรัฐบาล ประชาชนอยากขอให้แก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ ข้าวของแพงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 37.5 รองลงมาคือ ขอให้ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน คิดเป็นร้อยละ 17.4, ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกร ประกันราคาสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 14.9, ขอนโยบายช่วยเหลือคนยากจนแบบบัตรคนจน เพิ่มเงินช่วยเหลือ คิดเป็นร้อยละ 10.1 และขอให้พัฒนาประเทศ ระบบสาธารณูปโภคให้ดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.4
1 เรื่อง ที่สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในวาระขึ้นปีใหม่ 2563 เพื่อตัวเอง ครอบครัว หรือสังคม พบว่า ประชาชนอยากตั้งใจดูแลครอบครัวให้สบาย มีกินมีใช้มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 33.0 รองลงมาคือ ตั้งใจดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ดูแลร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 32.9 และตั้งใจจะเป็นคนดีของสังคม ไม่ทำผิดกฎหมาย จารีต ประเพณี คิดเป็นร้อยละ 18.5
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลโพลเรื่อง ที่สุดแห่งความทรงจำในรอบปี 2562 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวนทั้งสิ้น 1,092 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25-29 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา พบว่า ความทรงจำในความสุขปลื้มปีติ สง่างามมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ร้อยละ 88.8 ในขณะที่ร้อยละ 11.2 ระบุอื่นๆ ได้แก่ กระบวนพยุหยาตราชลมารค เสด็จเลียบพระนคร และข่าววันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันน้อมรำลึกวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นวันชาติ และเป็นวันพ่อแห่งชาติ
ในขณะที่ความทรงจำในความรู้สึกสูญเสียของคนในชาติในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเสียชีวิต ร้อยละ 72.9 นอกจากนี้ ร้อยละ 27.1 ระบุอื่นๆ เช่น ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภัยพิบัติน้ำท่วม ฟุตบอลไทยตกรอบ นางงามไทยไม่ได้รับรางวัล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ชื่นชอบฟังมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 33.4 ชอบฟังชะตาชีวิต รองลงมาคือร้อยละ 23.4 ชอบฟังใกล้รุ่ง, ร้อยละ 17.0 ชอบฟังพรปีใหม่, ร้อยละ 7.6 ชอบฟังยามเย็น, ร้อยละ 5.6 ชอบฟังสายฝน, ร้อยละ 3.1 ชอบฟังยิ้มสู้, ร้อยละ 2.6 ชอบฟังความฝันอันสูงสุด, ร้อยละ 2.2 ชอบฟังแสงเทียน และร้อยละ 5.1 ระบุอื่น เช่น ลมหนาว ไกลกังวล แสงเดือน เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงละครที่ชอบติดตามชมมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา พบว่า อันดับ 1 มีคู่กันสองเรื่องคือ ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์ กับเรื่องกรงกรรม ร้อยละ 21.8 เท่ากัน รองลงมาคือ เพลิงพรางเทียน ร้อยละ 18.9 และกลิ่นกาสะลอง ร้อยละ 8.4 และ รักสุดใจนายฉุกเฉิน ได้ร้อยละ 8.4 เช่นกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |