กฟผ.เดินเครื่องโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 1 – 4 มีกำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
30 ธ.ค. 62 -นายสมรักษ์ เพ็ชรเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เดินเครื่องโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 จ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ (Commercial Operation Date : COD) ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 1 – 4 มีกำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ กฟผ. ได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 1 เครื่องที่ 1-2 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ และจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และต่อมาได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ระยะที่ 2 เครื่องที่ 3-4 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2573 (PDP 2010) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ให้ กฟผ. ดำเนินงานโครงการเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ทำให้โครงการฯ มีกำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak Load) ของประเทศและเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยโรงไฟฟ้าลำตะคองฯ เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมเป็นแบตเตอรี่พลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 มีความหมายว่า โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงไฟด้วยน้ำ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยที่นำกระแสไฟฟ้าที่คงเหลือในระบบในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าต่ำนำมาสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองขึ้นไปกักเก็บสำรองไว้ในอ่างพักน้ำตอนบนบริเวณเขายายเที่ยง แล้วจึงปล่อยน้ำลงมาผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นแหล่งพลังงานสำรองขนาดใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า เพราะมีการใช้น้ำหมุนเวียนในอ่างเก็บน้ำลำตะคองโดยน้ำไม่สูญหายไปไหน
ปัจจุบัน กฟผ. มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับอีก 2 แห่ง คือ ที่เขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4-5 จ.กาญจนบุรี มีกำลังผลิตรวม 360 เมกะวัตต์ และ ที่เขื่อนภูมิพล เครื่องที่ 8 จ.ตาก มีกำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ กฟผ. กำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งได้เตรียมพร้อมศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ช่วยในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต และเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |