ยังเหลืออีก 2 วัน...ถึงจะสิ้นสุดปีเก่าพุทธศักราช 2562 ลงไปแบบเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ หรือยังพอเหลือเวลาทบทวน ตรวจสอบ สิ่งที่ดี-ไม่ดี เข้าท่า-ไม่เข้าท่า เหมาะ-ไม่เหมาะ สำหรับช่วงระยะปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เป็นบทเรียน สำหรับปีหน้า ฟ้าใหม่ พุทธศักราช 2563 ได้อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว หรือเป็นไปในแบบเข้าท่า-เข้าทาง ขึ้นมามั่ง...
-------------------------------------------
ซึ่งก็มีอยู่สิ่งหนึ่ง...ที่ออกจะน่าคิด น่าสะกิดใจ แม้เป็นสิ่งซึ่งรับรู้ รับทราบ กันโดยทั่วไป แต่จะนำไปสู่การ เรียนรู้ อะไรต่อมิอะไรได้บ้างหรือไม่ อย่างไร ก็ยังไม่ถึงกับ แน่ใจ มากมายซักเท่าไหร่ นั่นคือเรื่องของ ความเป็นเด็ก กับเรื่องของ ความเป็นผู้ใหญ่ ในสังคมไทย ที่คงไม่ต่างไปจากสังคมอื่นๆ คือต้องเกิดการปะทะ ขัดแย้ง แปลกแยก อันเนื่องมาจากสภาวะแวดล้อมการเติบโตและการดำรงอยู่ ของแต่ละฝ่าย มันออกจะเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน ด้วยเหตุเพราะความเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยี ทั้งหลาย มันเป็นไปแบบ อัตราเร่งเป็นทวีคูณ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
--------------------------------------------
และอาจด้วยเหตุเพราะสายใย แห่งค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรม ไปจน ศาสนา เอาเลยก็แล้วแต่ ที่ไม่ว่าเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ลงไปซักขนาดไหน แต่ก็ยังพอมี พลัง ช่วยถ่วง ช่วยรั้ง ช่วยสกัดกั้น ไม่ให้ ความเป็นเด็ก นั้น...มันเลยกรอบ เลยธง หรือเลย มาตรฐานทางสังคม จนเกินไป ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา...แม้พวกเด็กๆ หรือประดา คนรุ่นใหม่ เขาจะมีฤทธิ์ มีเดช และออกฤทธิ์ ออกเดช กันไปถึงขั้นไหน แต่สุดท้าย...ต้องเจอกับหมัด-เท้า-เข่า-ศอก ตลอดไปจนสากกะเบือบิน ชนิดแทบไปไม่ออก ไปไม่เป็น จำบ้านเลขที่แทบไม่ได้ หาทางเข้ามุมแทบไม่เจอ อะไรประมาณนั้น...
----------------------------------------------
แต่สิ่งที่น่าสังเกต น่าสนใจ ชนิดควรนำมาใช้เป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ สำหรับปีหน้า-ฟ้าใหม่เอามากๆ ก็คือบรรดาผู้ซึ่งจัดอยู่ในประเภทผู้ที่ควรมี ความเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ เป็นเครื่องประดับกายและใจ หรือประดับบารมี ก็แล้วแต่ เอาไป-เอามาแล้ว...กลับเป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะมี ความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง หลงเหลือติดปลายนวมเอาไว้ซักกี่มาก-น้อย ออกอาการหัวร้อน ใจร้อน แทบไม่ต่างอะไรไปจากพวกเด็กๆ อันอาจส่งผลให้บรรดา ความแปลกแยก ทั้งหลาย สามารถยกระดับ พัฒนา ขึ้นมาเป็น ความแตกแยก เอาง่ายๆ!!!
-----------------------------------------------
พูดง่ายๆว่า...การให้ความสำคัญกับ ขันติธรรม-เมตตาธรรม-และสามัคคีธรรม หรือการให้ความสำคัญกับความอดทน อดกลั้น ความพยายามเข้าถึง-เข้าใจ ไปจนถึงการลดระดับความแตกต่างทางความคิด ความเห็น และการกระทำ ระหว่างกันและกัน หรือระหว่าง เด็ก กับ ผู้ใหญ่ นั้น มันยังไม่ถึงกับเป็นไปตามการชี้แนะ ชี้นำ การให้ สติ ของผู้ที่สังคมทั้งมวลพึงให้การรับฟัง อย่างสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มากมายซักเท่าไหร่ การออกอาวุธโต้กันแบบชนิด ดอกต่อดอก ระหว่าง เด็ก กับ ผู้ใหญ่ จึงเป็นอะไรที่ไม่ได้ลดราวาศอก ลงไปเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ...ยังออกอาการบานปลาย ปลายบาน ลุกลามไปสู่เรื่องอื่นๆ หรือกลายเป็นการ ยกระดับความขัดแย้ง ให้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
----------------------------------------------------
เรียกว่า...ถ้านำเอาบรรยากาศความขัดแย้ง แตกแยก ในยุคเมื่อเกือบ 40-50 ปีที่แล้ว หรือยุคที่สังคมไทยต้องร่วงหล่นลงไปในฉากสถานการณ์ช่วงระยะ สงครามเย็น ในแทบทุกระดับ ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็ตามที ความเป็นผู้ใหญ่ ในช่วงระยะนั้น ดูจะมีความสมบูรณ์แบบ มีสติ มีความยั้งคิด และยั้งใจ กว่าในช่วงระยะนี้ประมาณ 4 เท่า 5 เท่า เป็นอย่างน้อย การสลายความขัดแย้ง แตกแยก มันจึงสามารถดำเนินไปได้ในแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป จนกระทั่งสูญสลายหายไปแทบทั้งหมด โดยอาจนับจากช่วงระยะ หลังจากการออก คำสั่งนโยบายที่ 66/23 เป็นต้นมา...
--------------------------------------------------------
หรือพูดง่ายๆ ว่า...การอาศัย เงื่อนไข และ ข้ออ้าง เพื่อออกฤทธิ์ ออกเดช ของพวก เด็กๆ นั้น มันค่อยๆ ลดๆ ลงไปตามลำดับ ก็ด้วยเพราะ ความเป็นผู้ใหญ่ ภายในสังคมไทย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่เป็นกระบิๆ นั่นเอง ความอดทน อดกลั้น ความพยายามที่จะเข้าถึง-เข้าใจ และการยึดเอาผลประโยชน์ส่วนรวม อันมีพื้นฐานแห่ง สามัคคีธรรม เป็นที่ตั้ง มันเลยทำให้ความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ไม่ถึงกับเปลี่ยนแปลงโดยต้องสูญเสียเลือดเนื้อมากมายเกินไปนัก แต่ภายใต้ภาวะที่ผู้ซึ่งเคยเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ของสังคมไทย ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละราย สองราย ผู้ซึ่งเข้ามามีบทบาทกันแทนที่ จะหลงเหลือ ความเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ เอาไว้มาก หรือน้อย ขนาดไหน อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะน่าห่วง น่ากังวล เป็นอย่างยิ่ง...
--------------------------------------------------
คือถ้าหากยังคิดจะ ออกอาวุธโต้ กันแบบชนิดดอกต่อดอก ยัง รักชาติ ยัง ชังชาติ แบบชนิดไม่มึงก็กูต้องล้มหายตายจากกันไปข้าง บรรดาแรงเสียดสี เสียดทาน เหล่านี้...มันจะนำไปสู่ฉากสถานการณ์ในแบบไหน อย่างไร??? ก็ยังมิอาจคาดคำนวณได้ การทบทวน ตรวจสอบ และ เรียนรู้ ที่จะสร้าง ความเป็นผู้ใหญ่ ให้ครบถ้วน สมบูรณ์แบบ อย่างที่ ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ในอดีต ท่านได้สร้างแบบแผน แนวทาง ไว้เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะในสิ่งที่เรียกว่า ทางสายกลาง นั้น จึงเป็นอะไรที่มีความสำคัญเอามากๆ เลยได้แต่หวัง และตั้งจิตอธิษฐาน ไว้ในใจ ขอ พระสยามเทวาธิราช จงช่วยดลบันดาล ในปีหน้า ฟ้าใหม่ ให้บรรดา ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ในสังคมไทย จงเพียบพร้อมไปด้วย ความเป็นผู้ใหญ่ ด้วยเทอญญ์ญ์ญ์...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Henry Emerson Fosdick...“Each generation images itself to be more intelligent than the one that went before it and wiser than the one that comes after it. - คนในแต่ละชั่วอายุ มักเข้าใจว่าตนนั้นฉลาดกว่าคนในชั่วอายุที่ผ่านไป และมีสติปัญญามากกว่าคนในชั่วอายุที่จะมาถึง...”
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |