เห็นฉายาสภาปีนี้ มีทั้งยี้...และตรงปก

                บางฉายาก็ตรงประเด็น ชนิดลากทั้งขี้ทั้งไส้ออกมาให้เห็นกันครบ

                ในสภาวะการเมืองที่แบ่งเป็น ๒ ฟาก มันก็เป็นแบบนี้

                เพราะต้องยอมรับความจริงว่าสื่อมวลชน ไม่พ้นถูกแบ่งเป็น ๒ ขั้วเช่นกัน

                ฉะนั้นความคิดหนึ่งเดียว ถูกใจคนทั้งหมดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน

                ที่เห็นด้วยคือ "คนดีศรีสภา" ปีนี้ไม่มีใครเหมาะสมจริงๆ

                สภาไทยยังคงสภาพเดิม เปิดเทอมทีก็มีนักเรียนนักเลงกลุ่มเดิมๆ พาเหรดเข้ามา คาดหวังในเรื่องเดิมๆ ด้วยวิธีเดิมๆ

                แม้กระทั่งคนรุ่นใหม่ แม้จะมีความคิดแบบใหม่ แต่ก็สร้างปัญหาได้มากกว่าเดิม

                เอาเป็นว่ามีนักการเมืองที่มีแนวคิด "ล้มล้าง" เข้าไปอยู่ในสภามากกว่าเดิม

                ฉะนั้นกับนิยามที่ว่า "คนดีศรีสภา" ย่อมไม่มีใครเหมาะสมแน่นอน

                มันมีหลายๆ อย่างที่คนรุ่นใหม่ไม่ทันฉุกคิด จึงคาดหวังว่านักการเมือง จะทำโน่นนี่นั่นได้

                เช่นฉายา "ขนมจีนไร้น้ำยา" ของผู้นำฝ่ายค้าน "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์"

                หนึ่งในเหตุผลที่ได้รับตำแหน่งนี้ คือเมื่อครั้งพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากประกาศและคำสั่งของ คสช.ตามมาตรา ๔๔ ทว่าฝ่ายค้านยังไม่อาจแสดงศักยภาพในการตรวจสอบรัฐบาลให้เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเทียบกับผู้นำฝ่ายค้านในอดีตหลายคนก่อนหน้านี้

                อีกทั้งยังไม่ปรากฏบทบาทการเป็นผู้นำเพื่อให้การทำงานของสภาเกิดความสมานฉันท์และเป็นที่จดจำ จึงไม่ต่างอะไรกับขนมจีนที่ดูน่ารับประทาน แต่เมื่อไร้น้ำยารสเลิศแล้วก็ทำให้ขนมจีนจานนั้นไม่ได้อยู่ในสายตา

                หากย้อนกลับไปดู "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" ในอดีตประกอบด้วย น่าจะตั้งฉายา "มารจำแลง" ซึ่งเหมาะสมกว่า

                เพราะอะไร?

                เพราะเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม

                พรรคที่มีเลขาธิการพรรคชื่อ นาวาอากาศตรีฐิติ นาครทรรพ ซึ่งเป็นบิดาของ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

                เป็นหนึ่งในฟันเฟืองรัฐบาลเผด็จการทหาร สุจินดา คราประยูร

                ผู้ก่อให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

                ผู้คนล้มตายไปเท่าไหร่ นักประชาธิปไตยในปัจจุบันเคยตั้งคำถามกันบ้างหรือไม่

                และวันนี้คนที่อยู่พรรคมาร กลับบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน!

                "สภาดงงูเห่า" ก็มีส่วนถูก แต่การที่ ส.ส.งูเห่า เกิดในพรรคอนาคตใหม่ และจุดกำเนิดนั้น น่าจะอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้พอควร

                พรรคอนาคตใหม่มีความคิดสุดโต่ง การที่ ส.ส.มีความคิดต่าง และไม่อาจอยู่ร่วมได้ ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ตกผลึกร่วมกันมากพอ

                คนที่ทนแนวคิด "ล้มล้าง" ได้ก็อยู่ต่อไป

                ที่ทนไม่ได้ก็ออก! 

                สำหรับ "ดาวเด่น" ฉายาของ ปิยบุตร แสงกนกกุล ด้วยเหตุผล เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ครบถ้อยคำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นประเด็นที่สังคมแสวงหาความชัดเจนจากรัฐบาลมาร่วมเดือน

                หากอ่านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจบ ไม่แน่ใจว่าคู่ควรกับฉายานี้หรือไม่ 

                ฉะนั้นตำแหน่งนี้น่าจะเหมาะกับ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เสียมากกว่า

                หากนับเฉพาะงานในสภา "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ยังมีข้อให้โต้แย้งเรื่องประเด็นทางกฎหมายหลายครั้ง และหลายครั้งเสนอความเห็นทางกฎหมายผิดพลาด

                และย้อนศรกลับไปหาพรรคอนาคตใหม่เอง.