คิกออฟศึกษาแก้รธน.กลางม.ค.


เพิ่มเพื่อน    

  เริ่มคิกออฟวางกรอบถกศึกษาแก้ รธน.กลางเดือนม.ค. "เทพไท" สอนมวย "บิ๊กตู่" อ่อนหัด ประเมินสถานการณ์ความรู้สึกประชาชนที่หมอชิตผิด เลยโดนตอกหน้าหงายเบื่อนายกฯ ทีมโฆษก พปชร.กางผลงานรัฐบาลยิบ ย้ำกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาประชาชน 

    นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เปิดเผยว่า จากเดิม กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญกำหนดการประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.63 แต่เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรจะประชุม จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 8-10 ม.ค. และการการประสานหารือร่วมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค ประธาน กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่าการประชุมครั้งที่ 2 เลื่อนไปเป็นวันที่ 14 ม.ค. และประชุมครั้งที่ 3 เป็นวันที่ 17 ม.ค.
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 14 ม.ค. เป็นการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจพิจารณาข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงผลงานการทำงานที่พรรคพลังประชารัฐเร่งผลักดันในระดับนโยบายตลอดการทำงานกว่า 5 เดือนของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำเห็นผลชัดเจนในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานราก มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และการจัดสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ว่าจากการทำงานของพรรคพลังประชารัฐในรัฐบาลกว่า 5 เดือนนั้น มาตรการต่างๆ ได้เร่งออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานราก ให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีความเข้มแข็ง ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนคือมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ของกระทรวงการคลัง ที่มีนายอุตตม สาวนายน เป็นกำลังสำคัญ ที่ผลักดันให้เกิดมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถดึงร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการได้กว่า 1.7 แสนร้านค้าทั่วประเทศ และผู้มีลงทะเบียนใช้สิทธิ์ทั้ง 3 เฟสเกือบ 12 ล้านคน มีการใช้จ่ายตั้งแต่ 27 ก.ย.-17 ธ.ค. รวมเกือบ 25,000 ล้านบาท รายได้สะสมของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเฉลี่ยประมาณ 134,000 บาทต่อร้านค้า ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางยังได้ขยายระยะเวลารับสมัครร้านค้าออกไปถึงวันที่ 15 ม.ค. 63 โดยร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ สามารถสมัครได้ด้วยตนเอง ณ ห้องโถงชั้น 1 กรมบัญชีกลาง และที่สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่นี้” น.ส.ทิพานันกล่าว
    รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังดำเนินการจัดสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น อุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท ยืดโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกไปอีก 1 ปี เพื่อช่วยเหลือสวัสดิการของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และล่าสุดกระทรวงการคลังเตรียมผลักดันโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เป็นโครงการถาวรเพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง โดยจะจัดตั้งสำนักบัตรสวัสดิการแห่งรัฐขึ้นมากำกับดูแลโดยตรง และยังดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ภายในปลายเดือนมกราคม 2563 ด้วย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามแนวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ “ประชาธิปไตยไทยอิ่ม” ที่จะพาประเทศไทยเดินหน้า และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
    รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวด้วยว่า ด้านของกระทรวงพลังงาน โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืนเข้มแข็ง มั่นคง โดยมีแผนปฏิรูป 6 ด้าน  17 ประเด็น เป็นแนวทางการปฏิรูปกระทรวงพลังงาน  และมีนโยบายช่วยส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้พึ่งพาตนเองได้ โดยเริ่มโครงการ “โรงไฟฟ้าชุมชน” เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า ชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงคือ โรงไฟฟ้าต้องดูแลชุมชนรอบพื้นที่ รับซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจากชุมชนเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้า ดังนั้นชุมชนมีส่วนถือหุ้นในโรงไฟฟ้า ได้รับส่วนแบ่งจากการขายไฟฟ้า 25 สตางค์ต่อหน่วย มีรายได้จากการขายพืชพลังงานและให้เช่าที่ดินปลูกพืชพลังงาน อีกทั้งยังเกิดการจ้างงานเพิ่มในชุมชนอีกด้วย และยังมีโครงการต่อเนื่องของปีถัดไปคือ บี10 น้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 จะประกาศ บี10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน เป็นการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เกิดสมดุลยภาพทั้งอุปสงค์และอุปทาน จะมีการใช้ปาล์มน้ำมันมาใช้ผลิตไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น ปาล์มน้ำมันทั้งระบบจะ มีเสถียรภาพราคามั่นคง
    น.ส.ทิพานันกล่าวว่า สำหรับมาตรการการช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรนั้น รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับเกษตรกรให้กับผู้ยากไร้ผ่านวิธีการปฏิรูปที่ดินด้วยโครงการคืนโฉนด เพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และยังช่วยเหลือมอบสินเชื่อเงินกู้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแก่เกษตรกร มีนโยบายดูแลและส่งเสริมการประกอบอาชีพอย่างครบวงจรเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้พัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพของเกษตรกร มีการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยังร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน Chaokaset (ชาวเกษตร) สำหรับเกษตรกรไทยให้ดาวน์โหลดฟรีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการวางแผนเพาะปลูกอีกด้วย
    รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงงานในส่วนของกระทรวงศึกษาก็ได้ดำเนินการเต็มที่ในการพัฒนาวางรากฐานการศึกษา ทั้งสายสามัญและสายอาชีวะ ในสายอาชีวะ ได้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย โดยขอความร่วมมือครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นเจ้าของภาษา (Native Speakers) มาช่วยสอนภาษาอังกฤษ โดยได้นำหลักสูตร BTEC ของ Pearson มาปรับใช้ในประเทศไทยเพื่อรองรับแผนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและทำความร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) โดยจัดส่งครูอาสาสมัครญี่ปุ่นให้สถานศึกษาของไทย และโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น (KOSEN) เป็นต้น
    “ทุกภาคส่วนของพรรคพลังประชารัฐทำงานเต็มที่เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ทั้งในเชิงนโยบายและแก้ปัญหาชาวบ้านโดยผ่านการทำงานในสภา โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นวิปรัฐบาล ที่ทำงานประสานทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้ดำเนินด้วยดี พร้อมกับดำเนินการการประสานให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐได้สะท้อนปัญหาต่างๆ ของประชาชนจากการลงพื้นที่ทำงานมาอภิปรายหารือในสภา โดยจากสถิติที่ผ่านมา ส.ส. จำนวนกว่า 79 ท่านได้นำเสนอข้อร้องเรียนทั้งสิ้นกว่า 260 เรื่อง โดยสะท้อนปัญหาและหาแนวทางแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้อง 77 จังหวัดและ กทม. ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐนั้นทำเต็มที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีผลสำรวจซูเปอร์โพล ติดอันดับ 1 สุดยอดรัฐมนตรีแก้ปัญหารากหญ้าว่า ถือเป็นกำลังใจในการทำงานว่า สิ่งที่ตั้งใจทำงานมาตลอด 4 เดือน มีพี่น้องเป็นแรงใจทำให้มีกำลังใจทำงานต่อไป และบังเอิญนโยบายกระทรวงพลังงานหลายด้านเป็นการไปสร้างความแข็งแรงให้กับรากหญ้าจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล หมุนเร็ว B10 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ทำราคาปาล์มขึ้นเป็นประวัติการณ์ หล่านี้เริ่มเกิดผล หรือการสนับสนุนทำโรงงานไฟฟ้าชุมชนสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นผลงานโดยรวม ทำเศรษฐกิจฐานรากเติบโตเป็นรูปธรรม
    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ขณะที่นโยบายอย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ และหัวใจสำคัญที่รัฐบาลตระหนักดี ที่รัฐบาลต้องทุ่มเทและทุกกระทรวงต้องช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่แล้ว และเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังปีใหม่กระทรวงการคลัง จะเริ่มพิจารณาผู้ที่ตกสำรวจ ทั้งนี้ นโยบายที่ออกไปทั้งหมดถือเป็นการสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่นโยบายเฉพาะกิจ อย่างน้ำมันจากปาล์มยังมีทยอยออกมาอีก สร้างความยั่งยืนให้กับปาล์มน้ำมัน และปีหน้าจะเริ่มมีเอทานอลจากอ้อยและมันสำปะหลัง เพื่อผลักดันเรื่องของพืชเกษตรพลังงาน สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร สร้างชุมชนเข้มแข็งในระยะยาว 
    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า สำหรับนโยบายพรรคพลังประชารัฐก็เริ่มเดินหน้าแล้ว อย่างนโยบายข้าว แม้พรรคไม่ได้ดูโดยตรง แต่ได้ผลักดันค่าเก็บเกี่ยวควบคู่กับนโยบายประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ หรือพักหนี้กองทุนหมูบ้าน ได้เริ่มแล้วตามที่หาเสียงไว้ ราคาพืชเกษตรไม่ได้ทิ้ง ตามที่ได้หาเสียงไว้ นโยบายด้านสังคม นโยบายมารดาประชารัฐกำลังจะนำฉบับที่หาเสียงไว้มาใช้ ส่วนเรื่องค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แม้พลังประชารัฐไม่ได้ดูแลโดยตรง โดยในส่วนของพลังประชารัฐไม่ได้หมายความว่า ต้องขึ้นค่าแรงทันที แต่ต้องการให้มีการพัฒนาฝีมือ ให้มีฝีมือทั้งระบบ เพื่อนำไปสู่การยกระดับค่าแรงในอนาคต นโยบายส่วนนี้ของพรรคถือว่าดูแลทางอ้อม อาจไม่มีผลโดยตรงกับค่าแรงปัจจุบัน แต่สิ่งที่เราต้องการคือยกระดับฝีมือแรงงาน ทันเทคโนโลยี
    ทั้งนี้ เราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มองนโยบายในภาพรวมเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอานโยบายพรรคเป็นตัวตั้งในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล เราพยายามผสมผสานนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายพรรคพลังประชารัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่จำเป็นต้องเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียว เพราะพรรคแกนนำต้องเสียสละประคับประคองรัฐบาลไปข้างหน้า 
     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต จนเกิดกระแสโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ถึงความนิยมในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ลดน้อยลงว่า เป็นเรื่องปกติของสังคมการเมืองที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งอย่างต่อเนื่องยาวนาน อาจจะมีทั้งคนนิยมชมชอบ และมีคนเบื่อหน่ายเป็นเรื่องธรรมดา แต่จากภาพที่ปรากฏตามข่าวที่ผู้หญิงคนหนึ่งแสดงออกถึงอาการไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์
    ทั้งนี้ น่าจะมาจากสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประเมินสถานการณ์ในขณะนั้นผิดพลาด เพราะ 1.พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรที่จะถามคำถามว่าเบื่อนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ เพราะคนที่จะตอบคำถาม อยู่ในอาการหน้าบึ้ง แสดงความไม่พอใจทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเดาคำตอบได้บ้าง 2.สถานีขนส่งหมอชิต เป็นศูนย์รวมการเดินทางของพี่น้องชาวอีสาน และโดยพื้นฐานคนอีสานส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์เป็นพื้นฐาน ตัวพล.อ.ประยุทธ์เองรับรู้มาโดยตลอด 3.ในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีการจัดตั้งมวลชนมาต้อนรับ แต่ที่สถานีขนส่งหมอชิตมีสภาพตามธรรมชาติ ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีกองเชียร์ หรือเสียงสนับสนุน จึงทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นมวลชนเหมือนการลงพื้นที่ในทุกๆครั้งที่ผ่านมา จึงเกิดการหลงประเด็นขึ้นมาได้
       “ขอให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ บริหารบ้านเมืองให้ผ่านวิกฤติในทุกๆ ด้านไปให้ได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชนที่กำลังย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ ให้ดีขึ้น ประชาชนก็จะรักและศรัทธา จะไม่มีคำว่าเบื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ยินอย่างแน่นอน” นายเทพไทกล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"