อาหรับสปริงอิรักที่บานเสี้ยวเดียว


เพิ่มเพื่อน    

 

......................................................

                เกือบ 3 เดือนเต็มที่ผู้ชุมนุมนับแสนประท้วงรัฐบาล ทั้งที่กรุงแบกแดด และอีกหลายเมืองทางตอนใต้ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลชีอะห์ เป็นการชุมนุมที่รุนแรง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากตั้งแต่เริ่มชุมนุม ในเวลาเพียง 2 เดือนกว่ายอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 460 คน บาดเจ็บ 25,000 ราย ผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว

                การชุมนุมเริ่มต้นด้วยเรื่องเงินทองไม่พอใช้ หางานทำไม่ได้ การทุจริตคอร์รัปชัน น้ำไฟไม่พอใช้

ย้อนหลัง เมื่อสหรัฐคืนอธิปไตย :

                หลังสงครามโค่นล้มระบอบซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2004 รัฐบาลสหรัฐส่งคืนอำนาจ รัฐบาลชั่วคราวอิรักเป็นผู้บริหารประเทศ ในตอนนั้นประเทศยังอยู่ในสภาพวุ่นวาย อำนาจรัฐบาลกลางเข้าไม่ถึงพื้นที่ (สภาวะไร้ขื่อแป) ระบบสาธารณูปโภคเสียหายเกือบหมด ไม่ถูกทำลายจากสงครามก็โดนลักขโมย ไร้คนดูแลบริหารจัดการ ความเสียที่เกิดจากไม่มีรัฐบาลดูแลรุนแรงมากกว่าการทำสงครามกับสหรัฐเสียอีก การฟื้นฟูประเทศคือการฟื้นฟูจากระบบบริหารจัดการทั้งประเทศล่มสลาย ระบบเศรษฐกิจพังทลาย

                นับจากวันที่อิรักได้อธิปไตยคืนมา บัดนี้เป็นเวลา 15 ปีแล้ว ผ่านเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้ง ได้รัฐบาลหลายชุด แต่คนอิรักนับแสนยังเรียกร้องความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐาน

                การประท้วงขณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้มีการประท้วงหลายรอบ ปีที่แล้วแกรนด์อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali Al-Sistani) ผู้นำทางจิตวิญญาณชีอะห์ในอิรักขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ประชาชนขาดแคลนบริการพื้นฐานอย่างหนัก

                คำพูดทำนองนี้ถูกพูดซ้ำอีกในปีนี้

คำถามคาใจ :

                คำถามที่คาใจคนอิรักคือประเทศเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ลำดับ 2 ของโอเปก แต่ทำไมประชาชนร้อยละ 20 หรือ 8 ล้านคนอยู่อย่างยากไร้

                หนึ่งในเหตุผลที่หยิบยกขึ้นมาอธิบาย คือ เพราะมีการทุจริตคอร์รัปชัน ข้อมูลจากทางการระบุว่านับจากปี 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลเก็บรายได้จากน้ำมันถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ กว่าครึ่งหนึ่งสูญหายไปกับการทุจริตคอร์รัปชัน

                องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ระบุว่า นับจากอิรักได้รัฐบาลประชาธิปไตยการทุจริตรุนแรงเกิดขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทุกภาคส่วนของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนทั่วไป ดัชนีคอร์รัปชันปี 2018 อยู่ที่ 18 จากคะแนนเต็ม 100 เป็นประเทศมีการทุจริตร้ายแรงที่สุดในลำดับที่ 12 จากทั้งหมด 180 ประเทศ (ประเทศไทยได้ 36 คะแนน)

                แกรนด์อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี กล่าวว่า การคอร์รัปชันในหมู่ชนชั้นปกครองเป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าจะทนได้ เป็นเหตุที่คนออกมาชุมนุมประท้วง

                ปัญหาต่อมาคือหางานทำไม่ได้ รากปัญหาว่างงานมาจากการที่ระบบเศรษฐกิจล่มสลายต้องฟื้นฟูใหม่หมด แต่เนื่องจากประเทศอยู่ในสงครามกลางเมือง ความขัดแย้งภายใน (แม้ได้อธิปไตยคืนมาแล้ว) ตามด้วยการปรากฏของผู้ก่อการร้ายไอซิส ระบบเศรษฐกิจจึงกระจุกตัวในบางพื้นที่

                อีกสาเหตุคือจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้าสู่วัยแรงงานจำนวนมาก แต่ระบบเศรษฐกิจที่มีอยู่ไม่อาจรองรับแรงงานได้หมด Douglas Silliman อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิรักชี้ว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือต้องหางานให้กับคนหนุ่มสาว 1 ล้านคนที่ว่างงานในขณะนี้ ด้วยการคลายระเบียบการเป็นผู้ประกอบการ ไม่มีวิธีอื่นที่สามารถหางานแก่คนจำนวนมากขนาดนี้อีก

                ปัญหาว่างงานนำสู่เรื่องอื่นๆ เช่น การจ้างงานเป็นระบบเล่นพรรคเล่นพวก ขึ้นกับว่าเป็นคนของใคร บางครั้งเกี่ยวข้องกับนิกายศาสนา หรือไม่ก็ต้องใช้เงินติดสินบนเพื่อให้ได้งานทำ ในยามที่งานหายากคนรากหญ้า คนจน ไม่มีโอกาสได้งานทำ

ประชาชนถูกแยกเป็น 3 ฝ่าย :

                การจะเข้าใจการเมืองอิรักต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ว่าประชาชนอิรักถูกแบ่งแยกเป็น 3 ฝ่ายมานานแล้ว โดยแบ่งจากนิกายศาสนากับเชื้อชาติ ได้แก่ ชีอะห์ ซุนนี และเคิร์ด การออกแบบรัฐบาลอิรักยุคประชาธิปไตยยิ่งตอกย้ำการแบ่งแยกดังกล่าว รัฐบาลธรรมนูญถูกออกแบบให้สะท้อนประชาชน 3 กลุ่ม ถ้ามองในแง่ดีคือกระจายอำนาจอย่างทั่วถึงทุกกลุ่ม ที่ผ่านมาตอบโจทย์เรื่องการกระจายอำนาจ 3 ฝ่ายพอสมควร แต่ไม่ตอบโจทย์เรื่องได้ตัวแทนเพื่อประชาชนจริงๆ

พวกสายกลางไม่ต้องการอิทธิพลนิกายศาสนา :

                ผู้ประท้วงเอ่ยถึง 2 ประเด็นหลักคือปัญหาปากท้องกับการแทรกแซงจากต่างชาติ โดยเฉพาะรัฐบาลอิหร่าน มองว่าหากจะแก้ปัญหาปากท้องต้องทำลายอิทธิพลอิหร่านก่อน          กลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพูดว่าไม่ได้มุ่งต่อต้านอิหร่าน เป้าหมายคือไม่ต้องการอิทธิพลจากนิกายศาสนาใดๆ รวมทั้งการการแทรกแซงจากต่างชาติไม่ว่าประเทศ

                แนวทางของพวกเขาคือให้อิรักเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกมากขึ้น ลดทอนบทบาทของผู้นำศาสนา แม้กระทั่งจากแกรนด์อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี บางคนยังให้ความนับถือ แต่ไม่ต้องการให้ศาสนาชี้นำการเมือง

                หนึ่งในข้อเรียกร้องที่พูดถึงคือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผู้ชุมนุมเห็นว่าหากจะแก้ปัญหาต้องเริ่มด้วยการเปลี่ยนฝ่ายบริหารแบบนายกฯ มาเป็นแบบประธานาธิบดี เพราะระบบรัฐสภาไม่สามารถคัดสรรคนดีเข้าสภา ที่ผ่านมาคนที่เป็น ส.ส. จะมาจากตัวแทนกลุ่มการเมือง นิกายศาสนา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นอย่างไร

                แนวคิดของกลุ่มผู้ประท้วงสายกลางเป็นแบบประชาธิปไตยตะวันตกบางข้อ โดยเฉพาะการตัดสินใจเป็นเรื่องของปัจเจกล้วนๆ คนยังถือศาสนาแต่ไม่ยอมรับว่าศาสนาคืออำนาจสิทธิขาดสูงสุด (ปฏิเสธอำนาจศาสนาเหนือการเมือง หรือเหนือการตัดสินใจของปวงชน) เป็นพัฒนาการของคนอิรักกลุ่มหนึ่งที่น่าติดตาม

                แต่โอกาสที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือคงยาก เนื่องจากผู้ชุมนุมเป็นเพียงคนอิรักส่วนหนึ่ง (กระจุกตัวในเขตพื้นที่ชีอะห์) เกิดคำถามว่าเป็นเจตจำนงของคนทั้งประเทศหรือไม่ นักการเมืองเคิร์ดกับซุนนียังต้องการรักษาระบอบเดิม การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำต้องอาศัยฉันทามติของทุกฝ่าย พวกสายกลางเป็นคนส่วนน้อย

                ด้านนักวิเคราะห์บางคนเห็นว่าไม่มีใครรับประกันได้ว่าปัญหาต่างๆ จะแก้ได้ด้วยเป็นระบอบประธานาธิบดีเท่านั้น              ล่าสุด รัฐสภาอิรักผ่านร่างกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ ผู้ชุมนุมประท้วงหวังได้กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่เพื่อสามารถเลือกผู้แทนที่เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่คนจากชนชั้นปกครอง เป็นหัวข้อที่ต้องพิสูจน์ต่อไปว่ากฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ เป็นเหตุให้ตัวแทนของประชาชนได้เข้าสภาหรือไม่ และหากได้รัฐบาลใหม่จะนำสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นระบอบประธานาธิบดีหรือไม่

อาหรับสปริงอิรักที่บานเสี้ยวเดียว :

                เรื่องหนึ่งที่ผู้ชุมนุมเห็นตรงกัน คือ ระบอบการปกครองขณะนี้ไม่ตอบโจทย์ เป็นต้นเหตุทุจริตคอร์รัปชัน ผลประโยชน์ประเทศส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือชนชั้นปกครองที่กระจายตามกลุ่มศาสนา ชนเผ่า เชื้อชาติ ปล่อยให้ประเทศตกต่ำ ขาดแคลนแม้กระทั่งไฟฟ้าประปา ประชาชนยากไร้ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ลำดับ 2 ของโอเปก

                ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยไม่ดี เพราะมีตัวอย่างประเทศที่ใช้การได้ดี แต่กรณีอิรักไม่สามารถคัดสรรตัวแทนที่ตั้งใจทำงานเพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง

                นายเนชิวาน บาร์ซานิ (Nechirvan Barzani) ผู้นำเขตปกครองตนเองเคิร์ดอิรักพูดอย่างน่าคิดว่าบริษัทเอกชนมีอำนาจเหนือรัฐบาลกลาง เป็นที่มาของความไม่โปร่งใส การทุจริตคอร์รัปชันขนานใหญ่ หากจะแก้ปัญหาชาติต้องแก้ตรงนี้ด้วย

                ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือผู้ชุมนุมมีเรือนแสน แต่การประท้วงเกิดในเขตพื้นที่อิทธิพลชีอะห์เท่านั้น ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทั่วประเทศ โอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายเปลี่ยนแปลง “ประเทศ” จึงมีน้อย ทั้งยังมีคำถามว่าต้องการประชาธิปไตยหรือต้องการเล่นงานอิหร่าน.

............................................................

ภาพ : เนชิวาน บาร์ซานิ (Nechirvan Barzani) ผู้นำเขตปกครองตนเองเคิร์ดอิรัก

ที่มา : https://president.gov.krd/en/gallery/  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"