ฟันธงคดีเงินกู้อนาคตหมด เลื่อนพบตร.จัดแฟลชม็อบ


เพิ่มเพื่อน    

  โหรศรีสุวรรณฟันธง “อนาคตหมด” คดีเงินกู้ 191 ล้านบาทแน่ “ธนาธร” อ้างติดงานปีใหม่ม้ง! เลื่อนรับข้อกล่าวหาจัดแฟลชม็อบ “แอมเนสตี้” โผล่เรียกร้องให้เลิกใช้กฎหมายชุมนุมสาธารณะ และยุติคดีกับส้มหวาน บอกชัดชุมนุมที่สกายวอล์กเพราะเหตุไม่พอใจ กกต. “เด็ก พปชร.” วิเคราะห์วิ่งไล่ลุงเชื่อมโยงเครือข่ายอนาคตใหม่

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งได้เป็นผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ต่อองค์กรอิสระหลายองค์กร และหลายเรื่อง โพสต์เฟซบุ๊กว่า อนค.จะไม่ถูกยุบพรรคเพราะคดีอิลลูมินาติ แต่คดีเงินกู้ 191 ล้านบาท เตรียมพรรคสำรองได้เลย จากโหรศรีฯ
    ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ได้โพสต์ข้อความกรณีสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันได้ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบ 4 ข้อหา ในวันที่ 27 ธ.ค. จากการเป็นแกนนำจัดกิจกรรมแฟลชม็อบบริเวณสกายวอล์กหน้าหอศิลป์ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่าจะมอบหมายทนายความไป สน.ปทุมวัน เลื่อนนัดตามหมายเรียก โดยขอเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบว่า ในวันพรุ่งนี้ติดภารกิจไม่สามารถไปตามหมายเรียกได้ เนื่องจากต้องไปร่วมงานปีใหม่ม้งที่จังหวัดตาก ซึ่งกำหนดนัดไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงต้องขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวออกไปก่อน ส่วนจะเป็นวันใดนั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อมีความชัดเจนแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมยืนหยัดเคียงข้างต่อสู้กันมา แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ #ไม่ถอยไม่ทน
      ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกมาเรียกร้องให้ยุติการคุกคามด้วยกระบวนการกฎหมายต่อสมาชิกพรรค อนค. นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวในประเทศไทยจากการชุมนุมประท้วงอย่างสงบที่ผ่านมา โดยระบุว่า ข้อหาเหล่านี้เป็นผลมาจากการที่ประชาชนชาวไทยหลายหมื่นคน ร่วมชุมนุมในตอนค่ำวันที่ 14 ธ.ค. หรือแฟลชม็อบที่กรุงเทพฯ รวมทั้งที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งการประท้วงอย่างสงบเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศที่จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพื่อยุบพรรค อนค.
        “ทางการไทยได้แจ้งข้อหาหลายคดีทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต่อแกนนำระดับสูงของพรรค อนค. รวมทั้งนายธนาธร โดยก่อนและหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางการได้เริ่มกระบวนการที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์นายธนาธรในฐานะรัฐสภา ซึ่งในวันที่มีการชุมนุมประท้วง ตำรวจแจ้งข้อหาต่อนายธนาธร ฐานที่ใช้เครื่องขยายเสียงในที่สาธารณะอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ และที่ผ่านมาทางการมักนำมาตรานี้มาใช้เพื่อแทรกแซงและขัดขวางการชุมนุมทั่วประเทศไทย นับแต่รัฐบาลทหารประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่ปี 2558”
        แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องทางการไทยให้ยุติการฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งเป็นการจำกัดจนเกินขอบเขตต่อสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบ และยุติการใช้มาตรา 116 หรือข้อหายุยงปลุกปั่น ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อปิดกั้นการแสดงความเห็นต่างอย่างสงบของนักเคลื่อนไหว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว และนักกฎหมาย โดยควรยกเลิกข้อบทเหล่านี้ หรือแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับพันธกรณีและพันธกิจด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย ทางการไทยต้องเคารพ คุ้มครอง ส่งเสริม และปฏิบัติให้เป็นผลอย่างเต็มที่ ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ และการสมาคม
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายธนาธรระบุว่า ทุกวันนี้ประชาชนกลัวการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่กล้าลุกทวงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ขอให้ประชาชนลุกขึ้นสู้เพื่อเอาประชาธิปไตยคืนสู่สังคม ว่านับวันยิ่งไม่เข้าใจนายธนาธรว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะวันนี้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งแล้ว ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย พรรค อนค.จะลงเลือกตั้งทำไม ที่สำคัญวันนี้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพปกติภายใต้รัฐธรรมนูญ ใช้ชีวิตปกติ แต่นายธนาธรพยายามยุยงปลุกปั่นให้ข้อมูลเท็จต่อพี่น้องประชาชน เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุด ไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ทำเพื่อตัวเอง ไม่เข้าใจว่านายธนาธรคิดอะไรอยู่ ในสมองมีแต่เรื่องสืบทอดอำนาจเผด็จการ หรือบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย 
         “ปัญหาคดีความต่างๆ ที่พรรคอนาคตใหม่เจอไม่เกี่ยวกับใคร ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่เกิดจากตัวนายธนาธรและพรรคพวกทำตัวเอง ซึ่งต้องต่อสู้แก้ต่างในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง อย่าพยายามเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับสิ่งนั้น” นายธนกรกล่าว และว่า ส่วนกรณีนายธนาธรระบุว่าการนำคนลงถนนมันไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ แต่จะชุมนุมอย่างสันติคู่กับการทำงานในสภานั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ขอชื่นชม และขอให้ประชาชนทั่วประเทศจำคำพูดของนายธนาธรไว้ หากผิดคำพูด เชื่อว่านายธนาธรจะต้องรับผลกรรมอย่างสาหัส 
    ขณะที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะ เข้าชี้แจงกรณีถูกร้องเรียนว่ามีการใช้อำนาจในการแทรกแซงการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวงานวิ่งไล่ลุงว่า เมื่อพิจารณาโครงสร้างของ กมธ.แล้ว จะพบว่ามีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน น.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นรองประธาน และนายรังสิมันต์ โรม เป็นโฆษก กมธ. จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ชุดนี้ดำเนินการสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะมีการเร่งรัดเรื่องร้องเรียนบรรจุวาระการประชุมอย่างรวดเร็ว และทำให้สังคมเกิดข้อกังขาว่ากมธ. มีผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.พรรณิการ์ได้รับข้อร้องเรียนเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลา 10.37 น. และในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 12 ธ.ค. กมธ.ได้ออกหนังสือ “ด่วนที่สุด” ที่ สผ 0018.10/1752 ลงวันที่ 12 ธ.ค. เชิญนายธนวัฒน์ วงค์ไชย ผู้แทนจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง เข้าร่วมประชุม จะเห็นได้ว่ามีความพยายามดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงมีคำถามว่ากับข้อร้องเรียนเรื่องอื่นๆ ใน กมธ.จะดำเนินการรวดเร็วเช่นนี้หรือไม่
    “หรือเพราะในกิจกรรมนี้ นายธนาธรได้แสดงออกชัดเจนว่าสนับสนุนกิจกรรม และสังคมก็ยังคงเคลือบแคลงว่านายธนาธรและพรรค อนค.อาจเป็นผู้จัดงานวิ่งนี้ขึ้นโดยใช้เยาวชนเป็นตัวแทนผู้จัด อีกทั้งเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หนึ่งในเยาวชนที่เป็นผู้นำจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงได้เข้าร่วมประชุมพิจารณาศึกษาและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกิจกรรมวิ่งไล่ลุงของ กมธ.ชุดดังกล่าว และนายทัตเทพก็เป็นสมาชิกพรรค อนค. ดังนั้น ประชาชนจึงเกิดความสงสัยว่าการเร่งดำเนินการของ กมธ.ชุดนี้อาจเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้องหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่” น.ส.ทิพานันกล่าว
    รองโฆษกพรรค พปชร.ระบุว่า เมื่อได้ดูคลิปวิดีโอเผยแพร่การประชุมของ กมธ. ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว พบว่า ผู้แทนผู้จัดดำเนินการยื่นหนังสือขออนุญาตต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2562 ระหว่างรอผลการพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ ผู้จัดกลับทำการเปิดรับลงทะเบียนสมัครไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. โดยได้ให้โอนเงินค่าสมัครรายละ 600 บาทเข้าบัญชีธนวัฒน์ วงค์ไชย ก่อนได้รับอนุญาต ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดผู้จัดงานจึงมีหน้าที่โดยตรงที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ลงทะเบียนสมัคร ไม่สามารถโยนว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐขัดขวาง
    “สังคมต้องตั้งสติกับกรณีที่เกิดขึ้น พิจารณาข้อเท็จจริง เพราะเมื่อฟังคำชี้แจงพร้อมเหตุผลจากตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อำนาจกลั่นแกล้งหรือขัดขวางสิทธิเสรีภาพในการจัดกิจกรรมตามที่พยายามบิดเบือนแต่อย่างใด” น.ส.ทิพานันระบุ และว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากหนังสือขออนุญาตที่นายธนวัฒน์เผยแพร่บนเฟซบุ๊กแฟนเพจระบุว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปบริจาคให้องค์กรสาธารณกุศลและมูลนิธิเพื่อผู้ด้อยโอกาสและขาดแคลนตามถิ่นทุรกันดารในด้านต่างๆ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานต่อไป ซึ่งไม่ชัดเจนว่าจะบริจาคให้สาธารณกุศลหน่วยงานใดเท่าใด และสัดส่วนที่จะกันไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายจัดงานต่อไปเป็นจำนวนเท่าใด รวมทั้งเวลาจัดงานที่ระบุไว้ว่า 05.30-07.30 น. ก็เกินกำหนดเวลาที่ตำรวจอนุญาตได้จนถึง 07.00 น.
วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดี 407 ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1229/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษคดีแขวง 3 เป็นโจทก์ ฟ้องนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กับพวกกลุ่มคนอยากเลือกตั้งรวม 44 คน เป็นจำเลย ฐานร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจำเลยทั้งหมดพร้อมทีมทนายความได้มารับฟัง 
โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 44 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย คือวันที่ 24 มี.ค.2561 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน โดยได้ชุมนุมทางการเมือง และปราศรัยเรียกร้องให้ยุบ คสช.ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาต 
    ภายหลังฟังคำพิพากษา น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ศาลพิพากษายกฟ้องผู้ชุมนุมทั้งหมด โดยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีพยานมายืนยันว่าแต่ละคนมาชุมนุมอยู่จุดไหนอย่างไร มีการเคลื่อนขบวนหรือไม่ มีการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไร ซึ่งพยานโจทก์ไม่มีใครยืนยัน ดังนั้น ศาลเลยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง แต่ในส่วนของ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ในฐานะที่เป็นผู้แจ้งการชุมนุมและเป็นผู้จัดการชุมนุม ศาลเห็นว่าเป็นผู้จัดมีหน้าที่ต้องดูแลการชุมนุมให้เรียบร้อย และเลิกการชุมนุมตามเวลา พิพากษาลงโทษปรับ น.ส.ชลธิชา 1,000 บาท 
    ด้าน น.ส.ชลธิชากล่าวว่า ยืนยันว่าการชุมนุมเราทำขบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย และเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการแจ้งล่วงหน้า หลังจากนี้อาจต้องขอคุยกับทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"