นายกฯลุงตู่เจอชาวบ้านทำหน้า​เบื่อใส่​ ใจดีสู้เสือ​บอก'ไม่เป็นไร​ ผมเบื่อคุณไม่ได้'


เพิ่มเพื่อน    

 

26 ธ.ค.62 - เมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารผู้โดยสารภาคกลาง ชั้น 1 สถานีขนส่งหมอชิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานก่อนรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ปลอดภัย เมาไม่ขับ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม  นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ น.พ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ประธานคณะกรรมการจัดโครงการปีใหม่ เมาไม่ขับ ร่วมโครงการ ทั้งนี้ สถิติอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่เมื่อปี 2562 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิต 463 คนบัตรเจ็ด 3,892 คน สาเหตุหลักใหญ่เกิดจากการเมาแล้วขับขับรถเร็ว ง่วงแล้วขับ และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด การไม่สมหมวกกันน็อก การฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

นพ.แท้จริง กล่าวว่า มูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์และนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อขอเสนอให้พิจารณาแก้ไขบทลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับชนคนตาย จากจำคุกตั้งแต่ 3- 10 ปี เป็นจำคุกตั้งแต่ 12 -15 ปี แม้ผู้ก่อเหตุรับสารภาพและศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังต้องถูกจำคุกอย่างน้อย 5 ปีซึ่งตามกฏหมายไม่สามารถรอลงอาญาได้ อันจะส่งผลให้ผู้ที่เมาแล้วขับเกิดความเกรงกลัวมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากมีบทลงโทษที่รุนแรง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีฐานะเช่นไรก็จะได้รับโทษที่รุนแรงคือโทษจำคุกเสมอหน้ากัน นอกจากนี้แล้วในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ทางมูลนิธิฯ ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการกับสถานประกอบการ ร้านค้า ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มกินแล้วไปเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาสถานประกอบการร้านค้าไม่ได้รับบทลงโทษใดใดทั้งที่กฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

“ปีใหม่ 2563 นี้มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอเสนอให้กรณีที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเสียชีวิต ต้องมีการสอบสวนดำเนินคดีกับสถานประกอบการและร้านค้าด้วยนอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อเมาแล้วขับเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาเป็นต้นในการต่อสู้คดีกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากคนเมาแล้วขับรถและไม่ทราบว่าจะต่อสู้อย่างไร โดยทีมทนายอาสาที่มีประสบการณ์ในคดีอุบัติเหตุจราจรมานานโดยไม่คิดมูลค่ามูนิธิเมาไม่ขับคาดหวังจะสามารถนำความยุติธรรมและความเป็นธรรมกลับมาและไม่ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำสองอีกต่อไป โดยสามารถติดต่อขอคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-4439953  ID ไลน์  08144399530 ช่วยเหลือเหยื่อเมาแล้วขับ” น.พ.แท้จริงกล่าว โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรี ฟังรายงานจากนพ.แท้จริงเสร็จ ก็ได้กล่าวแซวว่า "ถ้าไม่แน่จริงคงไม่ชื่อนี้ ผมอยากจะเปลี่ยนชื่อเหมือนกันเป็นจริงใจ เข้าท่าไหม เพราะใจนายกฯ ไม่มีอะไร มีแต่อยากให้ทุกคนปลอดภัยและเดินไปข้างหน้า"

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า สำหรับมาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยนั้นไม่ใช่แค่เทศกาลปีใหม่ แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง โดยการผสมผสานบูรณาการจากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รวมถึงในเรื่องการจราจรและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตนเห็นยังมีความขัดแย้งบ้างเช่น เมาแล้วบอกไม่เมา ขนาดเป่าแล้วเดินไม่ตรงก็ยังบอกไม่เมา เจ้าหน้าที่ก็โดนเล่นงาน แต่ตอยนี้ดีที่มีกล้องจำนวนมาก อย่างไรก็ตามขออย่าขัดแย้ง แต่ต้องช่วยกันป้องปราม ที่สำคัญคือต้องแก้ที่ต้นทาง ขณะที่วันนี้มีการสูญเสีย 30 ต่อ 1 แสนคน ซึ่งตามปฏิญญามอสโกต้องลดลงให้เหลือ 20 คน แต่สำหรับตนไม่ว่าจะ 10 คน 20 คน หรือจำนวนเท่าไหร่ก็รู้สึกเสียใจทั้งสิ้น ที่เห็นคนพิการนั่งรถเข็น อีกทั้งการสูญเสียก็มีทั้งผู้ขับขี่มอไซค์ รถส่วนตัวและรถโดยสาร ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่ควรสูญเสียต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ต่อให้มีเครื่องมือมากมายหรือมีมาตรการใดออกมาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ หากไม่เริ่มแก้ที่จิตสำนึกทุกคน โดยยึด 3 อย่าง คือ รักตัวเอง รักครอบครัวและรักคนอื่นที่ขับรถบนท้องถนน ต้องไม่ดื่มแล้วขับโดยเฉพาะพลขับ เพราะไม่ได้ตายคนเดียว จะพาคนอื่นตายด้วย จึงต้องรับผิดชอบคนอื่นด้วย ทำไมเราไม่ทำให้เทศกาลหรือวันหยุดต่างๆเป็นเทศกาลแห่งความสุข ขณะเดรยวกันประเทศเราถนนหนทางดีกว่าหลายประเทศ เมื่อถนนดีรถเยอะขึ้นมีบิ๊กไบค์อะไรต่างๆ มีคนเจ็บคนตาย ดังนั้นทุกคนต้องมีสติ ไม่เช่นนั้นพระก็ช่วยไม่ได้ ถ้าขับ เกิน 80 พระไม่อยู่หลวงพ่อคูณก็กระโดดแล้วบอก"กูก็ไม่อยู่หรอก" อย่างไรก็ตามปัญหาทุกปัญหาเกี่ยวพันยึดโยงกันทั้งหมด ซึ่งปัญหาประเทศชาติมีมากมากย รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง แต่ทุกอย่างต้องแก้ด้วยความร่วมมือพวกเราทุกคน ตนคาดหวังว่าปีใหม่นี้ต้องลดอุบัติเหตุและความสูญเสียให้ได้มากที่สุดเป็น 0 เปอร์เซ็นจะได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้เริ่มติดตามผลแล้ว ขอให้ลดให้ได้มากที่สุดหรือไม่ให้เกิดขึ้นเลย

นายกฯ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ตนก้าวพลาดที่กระทรวงกลาโหม เพราะใจตนคิดเร็วมาถึงที่นี่ จึงก้าวพลาดทำให้เจ็บขา ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร จึงได้แต่โทษตัวเองคิดเร็วไปทำให้ไม่มีสติ ดังนั้นทุกคนต้องคิดแบบมีสติ นึกถึงหน้าลูกและภรรยาด้วยบางอย่างมันรวดเร็วไม่ทันระวัง ขณะเดียวกันต้องถอดบทเรียนที่ผ่านมา พร้อมนำแบบอย่างที่ดีของต่างประเทศมาปรับใช้ ซึ่งเวลาไปต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป ตนไม่เห็นมีการปาดซ้ายแซงขวามากนัก แต่ก็ไม่ได้โทษมอเตอร์ไซค์ โทษใครไม่ได้ ตนรักทุกคนอยู่แล้วเพราะทุกคนคือครอบครัวคนไทย วันนี้ต้องสร้างครอบครัวของเราให้ได้ คือครอบครัวประเทศไทย ซึ่งเวลามีคนอวยพรปีใหม่ให้ตนและครอบครัว ก็จะบอกว่าวันนี้ครอบครัวตนใหญ่ขึ้น เป็นครอบครัวครม.และคนทั้งประเทศ ถ้าทุกคนรู้สึกว่าเราคือครอบครัวเดียวปัญหาจะแก้ได้หมด ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตนไม่ได้เดินทางไปไหน แต่จะคอยติดตามผล พร้อมสวดมนต์ให้ทุกคนปลอดภัยให้ประเทศมั่นคงและมั่งคั่งเพราะนี่คือประเทศของเรา

นายกฯ กล่าวด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับสั่งถึงความห่วงใยมาถึงประชาชนชาวไทย ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยรักษาความปลอดภัยในทุกเทศกาล โดยต้องลดการบาดเจ็บสูญเสียให้ได้ ขอให้ทุกคนน้อมรับไว้ใส่เกล้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปี 63 ขอของขวัญปีใหม่คนไทยทุกคนให้มีสติ ขับรถปลอดภัย ไม่ดื่มสุรา ไม่คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ถ้าทำได้ ปีใหม่จะเป็นเทศกาลแห่งความสุขอย่างแท้จริง และหวังว่าปีหน้าเราจะมีความสุขมากกว่าปีนี้ ซึ่งความสุขอยู่ที่ใจและอยู่ที่ความพอเพียง ซึ่งน่าจะภาคภูมิใจมากกว่าคนรวยที่ทุจริต นอกจากนี้เน้นย้ำเรื่องการขับรถเร็วและขับอย่างคึกคะนอง ขณะที่รถทัวร์โดยสารตนอยากฝากให้ช่วยคิดว่า รถมีความสูงเกินไปไม่เหมาะเดินทางไกลหรือไม่ ควรปรับให้ปลอดภัยขึ้น

"ผมไม่พูดอะไรให้เสียหาย แต่เราทุกคนต้องปรับตัว ทั้งรัฐ เอกชนและประชน เพราะวันนี้โลกไม่เหมือนเดิม ขอให้เทศปีใหม่นี้เป็นเทศแห่งความสุขและความปลอดภัยบนท้องถนน และมีความสุขกันที่บ้าน วันนี้ทุกอย่างต้องสร้างความเข้าใจเราจะขัดแย้งกันไม่ได้อย่างแท้จริง นอกจากยี้ได้ย้ำฝ่ายความมั่นคงและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ รวมถึงกำลังทหารกว่าหมื่นคนที่ดูแลชายแดน เขาอยู่มาเป็นปีๆ ไม่ได้กลับบ้าน ถือเป็นการเสียสละ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา มีการสูญเสียมากกว่านี้ รวมถึงเรื่องอธิปไตยอะไรต่างๆ เพราะนี่คือครอบครัวคนไทย ใครตายแม้แต่คนเดียวผมเสียใจ เพราะทุกคนเป็นคนไทย"พล.อ.ประยุทธ์​ ระบุ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทักทาย รวมทั้งเยี่ยมบูธต่างๆที่มาให้บริการประชาชน ก่อนเดินไปดูการทดลองการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ บริเวณชานชาลา 1-3 โดยได้ทำการตรวจวัด นายจงกลรัตน์ ฉ่ำมณี พนักงานขับรถดีเด่นของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งจากการทดสอบก็ผ่านเกณฑ์ จากนั้นพล.ประยุทธ์ ได้ทดลองเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยตนเอง  นายกฯ กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ยังไงก็ชัวร์ ชัวร์ว่าไม่เมาเหล้า หลายคนบอกผมเมาหมัด ระวังเถอะ ระวัง” จากนั้นนายกฯ ได้เป่า และพบว่าปริมาณแอลกอฮล์เป็นศูนย์ แต่จริงๆ ผมว่าน่าจะติดลบด้วยซ้ำไป เพราะไม่ได้ทานเหล้า

ต่อมานายกฯ ได้เครื่องป้องกันการหลับใน ซึ่งจะสั่นเมื่อผู้ขับขี่หลับและสัปหงก ก่อนที่จะขึ้นไปรถบขส. เพื่อตรวจความเรียบร้อย และเดินขึ้นมาบนชั้น 3 ของผู้โดยสารเป็นชั้นพักคอยของผู้โดยสารเพื่อเดินทางต่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้เดินทักทายพร้อมแจกชุดยาสำหรับเดินทาง รวมทั้งลูกอมให้กับผู้โดยสาร นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า อีสานบ้านเฮา ตนก็เป็นคนอีสาน แต่เว้าไม่ค่อยได้ ลืมเกือบหมดแล้ว แต่กินปลาร้าเป็น กินข้าวเหนียวแล้วต้องจับหู ก่อนจะอวยพรขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัย และมีความสุขตลอดไป พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้รักประเทศชาติ รักประเทศไทย และระวังกระเป๋าอย่าให้ถูกมิจฉาขโมย

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งระหว่างเดินทักทายประชาชนแสดงออกผ่านสีหน้าว่าไม่พอใจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นของที่ระลึกให้ ซึ่งประชาชนรายนั้นก็รับของไว้ และนายกฯ ถามว่า “เบื่อนายกฯ ใช่ไหม” ซึ่งประชาชนคนดังกล่าวพยักหน้ารับ จากนั้น นายกฯ กล่าวว่า “เบื่อใช่ไหม โอเค ไม่เป็นไร คุณเบื่อผมอย่างไร ผมก็เบื่อคุณไม่ได้ เพราะคุณเป็นคนไทย จำไว้ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เบื่อ"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"