21ม.ค.ชี้ชะตาอนค. ศาลนัดตัดสินคดียุบพรรค‘ธนาธร’ลั่นสร้างใหม่สู้ต่อ


เพิ่มเพื่อน    

 ศาลรัฐธรรมนูญดีเดย์ฟันอนาคตใหม่แล้ว กรณีกู้เงินพ่อฟ้าให้แก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน ส่วนล้มล้างการปกครองนัดวินิจฉัย 21 ม.ค. เวลา 11.30 น. “ธนาธร” ข้องใจเล่นตามกติกาทำไมกลายเป็นล้มล้าง ประกาศก้องยุบก็สร้างใหม่ได้ พร้อมเปิดแผนปีชวดเล่นการเมือง 2 ขาแน่ ทั้งในสภาและถนน “ช่อ” สำทับถูกยุบก็ย้ายไปพรรคใหม่ ไม่ต้องกลัว “ทอน” อ้างวิ่งไล่ลุงไม่ใช่เป็นโต้โผ แค่ถูกรับเชิญ “เด็ก พปชร.” ซัดหน้าไม่อายพิงหลังเยาวชน

    เมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ที่ 27/2562 ซึ่งมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ถึง 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และ 2.ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องกรณีนายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2, นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้อง 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
โดยในคดีแรก ศาลระบุผลการพิจารณาระบุว่า ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่ กกต.กล่าวอ้างว่าผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งบัญญัติว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” เมื่อผู้ร้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการอันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 
ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (13) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง   
สำหรับคดีที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญระบุผลพิจารณาว่า ในคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวน ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง 
ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 11.30 น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ข้องใจล้มล้างตรงไหน
     ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. กล่าวถึงคดีล้มล้างการปกครอง ที่พรรค อนค.ระบุเป็นคดีอิลลูมินาติที่นัดตัดสินคดีในวันที่ 21 ม.ค.2563 ว่า ถ้าพ่อแม่พี่น้องประชาชนติดตามพรรคมาตั้งแต่ก่อตั้ง จะเห็นได้ว่าเราต้องต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ให้สังคมดีกว่านี้ และสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐสภา ถ้าตั้งพรรคขึ้นมาผ่านกลไกรัฐสภากลายเป็นการล้มล้างแล้วต้องให้ทำอย่างไรที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้ 
    “เราทำทุกอย่างถูกต้อง เราเข้าสู่กลไกการเลือกตั้งตามกฎเกณฑ์ที่ กกต.ตั้งวางไว้ ถึงแม้เราจะเห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง เราก็เข้าสู่กฎกติกานั่น และเราก็ยอมรับผล เราเป็นฝ่ายค้านและต่อสู้ในสภา พยายามผลักดันตั้ง กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และรณรงค์อย่างสันติ ผมนึกไม่ออกว่าการทำงานภายใต้กลไกแบบนี้เป็นการล้มล้างการปกครองตรงไหน ในทางกลับกัน นี่คือการเคารพกฎกติกา” นายธนาธรกล่าว
    นายธนาธรยังกล่าวถึงคดียุบพรรคจากการกู้เงิน 191 ล้านบาท ว่าคงไม่มีความคิดเห็นอะไร เพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ปากกาและอำนาจอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่วิตก เพราะพรรคอนาคตใหม่คือการเดินทางและผู้คน คือจิตวิญญาณที่แน่วแน่ที่จะสร้างสรรค์ประชาธิปไตยในประเทศไทย และทำให้สังคมไทยมีความเสมอภาค ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ ดังนั้นยุบพรรคยุบได้ แต่จะยุบอุดมการณ์ หรือยุบความตั้งใจแน่วแน่อย่างนี้ไม่ได้ ยุบก็สร้างใหม่ ยุบก็สู้ต่อ ซึ่งหากโดนยุบพรรคเราก็ยังมี ส.ส.ในสภาอยู่ ยุบพรรคไม่ได้หมายความว่า ส.ส.ของเราจะหายไป
    เมื่อถามว่าได้เตรียมแผนพรรคสำรองไว้แล้วหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ให้รอดูดีกว่า
    ก่อนหน้านี้ ที่ร้านอาหารริมน้ำริเวอร์ไซด์ อ.เมืองฯ จ.นครนายก พรรคอนาคตใหม่จัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปี อนาคตใหม่นครนายก โดยนายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งถึงการทำงานของพรรคในปีหน้าว่าทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ยังกลัวการสืบทอดอำนาจของ คสช. ไม่กล้าลุกขึ้นทวงสิทธิเสรีภาพของตนเอง และนั่นคือความสำเร็จของพวกเขาที่ทำให้คนกลัวได้ แต่หากทุกคนลุกขึ้นส่งเสียง เอาประชาธิปไตยกลับคืนสู่สังคม นำนิติรัฐ นิติธรรม คืนสู่สังคม พวกเขาจะไม่มีวันสืบทอดอำนาจได้เลย และในปี 2563 เราต้องลุกขึ้นสู้อย่างจริงจัง
    “ทุกคนเชื่อหรือไม่ว่า วันนี้ความขัดแย้งในสังคมหมดไปแล้ว หรือกำลังถูกกดเอาไว้ มีคนพูดกับผมเยอะมาก ว่าเมื่อไรจะเอาคนลงถนนแล้ว พวกเขาจะยอมสนับสนุนเต็มที่ แต่อยากบอกว่า การนำคนลงถนนมันไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ แต่เราต้องส่งเสียงและชุมนุมอย่างสันติ เดินคู่กับการทำงานในสภาอย่างเต็มที่ หากประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง ทุกคนต้องสู้เพื่ออนาคตของตัวเราเองและลูกหลาน และหลายคนคงเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกเล่นงานมากขนาดไหน ดังนั้นจึงต้องอาศัยพลังของทุกคนลุกขึ้นสู้” นายธนาธรกล่าว
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. ยอมรับว่า เรื่องของการยุบพรรค ไปไหนประชาชนก็ถาม และสมาชิกพรรคก็ถาม ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจกับทุกคนว่าเรื่องการยุบพรรคไม่อยู่ในวิสัยที่จะตอบได้ เป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้สิ่งที่เราทำได้คือทำความเข้าใจกับประชาชน และต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกว่าไม่สามารถโอนย้ายสมาชิกไปพรรคใดได้แน่นอน ต้องขอความกรุณาสมาชิกพรรคว่า หากถูกยุบพรรคคงต้องไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ นอกจากนี้เรายังตอบประชาชนว่า จะต้องทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดย ส.ส.ไปอยู่พรรคใหม่ และสมาชิกไปสมัครสมาชิกพรรคใหม่ ทำให้เหมือนว่าพรรคอนาคตใหม่ยังคงอยู่
“ช่อ”ไม่ยี่หระยุบพรรค
         “จะทำให้ผู้มีอำนาจได้เห็นว่า การยุบพรรคไม่มีความหมายเพราะอนาคตใหม่ไม่ใช่แค่พรรคที่มีผลทางกฎหมาย แต่เราคือคนทุกคนที่รวมตัวกันด้วยอุดมการณ์ และเมื่อมีการยกฟ้องไป วันนี้ประชาชนรู้สึกเหมือนว่ามีใบสั่งทางการเมืองอย่างไรหรือไม่ วันนี้ประชาชนก็ได้รับทราบ ทั้งนี้เมื่อศาลไม่รับฟ้อง เราก็คงจะดำเนินการอะไรไม่ได้” น.ส.พรรณิการ์กล่าวตอบคำถามคิดอย่างไรที่ศาลไม่รับฟ้อง กกต.กรณีพิจารณาคดีนายธนาธรถือหุ้นสื่อ
    ขณะเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค อนค. หรือเจี๊ยบ นครปฐม ได้โพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆว่า เผยตัวตนเป็นแค่ศาลการเมือง ไม่แยแสเรื่องสถิตยุติธรรม ประชาชนควรวิพากษ์วิจารณ์ไปจนถึงขับไล่ได้ #ศาลเตี้ย
ส่วนที่สำนักงาน กกต. น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ กก.บห.พรรค อนค. พร้อมคณะ ได้เดินมาติดตามความคืบหน้าการยื่นคำขอคัดสำนวนการสอบสวนของ กกต.กรณีพรรคกู้เงินนายธนาธร 191.4 ล้านบาท หลังครบกำหนด 7  วันของการยื่นคำขอ โดย กกต.ได้มอบหมายให้นายโชคดี ด้วงแป้น ผู้อำนวยการฝ่ายมาตรการทางปกครอง สำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงาน กกต.มารับหนังสือ และชี้แจงอยู่ว่าได้รับทราบหนังสือคำขอแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก และเป็นเอกสารลับ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยจะพยายามเร่งรัด และจะแจ้งให้ผู้ร้องทราบ แต่ กกต.ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อศาลรับคำร้องก็น่าจะมีสำเนาส่งให้กับพรรค ซึ่งน่าจะเป็นสำเนาหรือเอกสารที่คล้ายกันกับที่ กกต.จะให้ 
    ที่หน้าสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดภูเก็ต นายธีรพงศ์ ทวีทรัพย์ หัวหน้าคณะทำงานจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ประสานงานพรรค อนค.จังหวัดภูเก็ต และสมาชิกพรรครวม 20 คน จัดกิจกรรมรวมพลคนรักความยุติธรรม ยืนถือป้ายผ้าข้อความตำหนิการทำงาน และอ่านแถลงการณ์ตำหนิการทำงาน พร้อมวางหรีดให้แก่ กกต. 
    สำหรับความเคลื่อนไหวของกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบข้อถามว่าฝ่ายความมั่นต้องจับตากิจกรรมครั้งนี้หรือไม่ ว่าไม่ต้อง ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่มี แต่ต้องไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และไม่มีการประเมินถึงเรื่องจำนวน แม้ศาลจะมีการรับคำร้องยุบพรรค คงต้องให้พรรค อนค.ประเมินเอง
    นายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลประชุม กมธ. ว่าที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะมาซักถามถึงกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งผู้ชี้แจงระบุว่าทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย โดย กมธ.ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ถูกร้องปรับความเข้าใจกัน เพราะหากจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ คนที่ลงทะเบียนไว้กว่า 8,000 คนจะเสียหาย จึงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรถอยคนละก้าว เพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น  
“ทอน”แถแค่ร่วมวิ่งไล่ลุง
     นายธนาธรกล่าวถึงการรีทวีตในทวิตเตอร์ส่วนตัวมีเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุงว่า เป็นการเชิญของจอห์น วิญญู และได้แท็กมา และเชิญในลักษณะของจดหมายลูกโซ่ จึงแท็กคนอื่นต่อและรับคำเชิญของจอห์นเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ขอย้ำอีกครั้งว่าตนเองและพรรคไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราได้รับเชิญจากผู้จัดกิจกรรมให้ไปเข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น
    ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายธนาธรได้บรรยายในหัวข้อก้าวต่อไป ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนอยู่เบื้องหลังงานวิ่งในวันที่ 12 ม.ค. แต่สิ่งที่นายธนาธรทำ ทั้งการทวีตเชิญชวนผู้คนไปร่วมกิจกรรม การพูดในหลายเวที เช่น เวทีชุมนุมที่สกายวอล์กหน้าหอศิลป์เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. และเวทีที่ จ.ยโสธร เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.62 โดยเชิญชวนคนอีสานให้ร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมนี้ แต่แสดงตนออกหน้าเชิญชวนอย่างเป็นทางการในหลายที่
    “อยากตั้งข้อสังเกตว่า ที่นายธนาธรไม่กล้ายอมรับออกหน้าด้วยตนเองว่าเป็นผู้จัดงาน เพราะกลัวว่าไม่มีคนมาเข้าร่วม เนื่องจากรู้ทันว่าเป็นกิจกรรมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนายธนาธรเอง รวมถึงไม่ต้องการรับผิดชอบหากมีข้อผิดพลาดในการจัดงานหรือไม่ ดังนั้นนายธนาธรจึงต้องอ้างเยาวชนมาเป็นตัวแทนจัดงาน” น.ส.ทิพานันกล่าว และว่า ผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงทบทวนในการออกหน้าหากเป็นตัวแทนแทนผู้อื่น เพราะหากเกิดความผิดพลาดในการจัดงาน ผู้จัดกิจกรรมตัวจริงอาจปัดความรับผิดชอบว่าไม่เกี่ยวข้องได้ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นแล้วจากกรณีจูบที่สภา
    เพจเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในหัวข้อ "ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีอิลลูมินาติยุบพรรคอนาคตใหม่ 21 มกราคม 2563" ว่า เราอยากฝากให้สังคมได้ระลึกไว้เสมอว่า กระบวนการ Lawfare หรือ “นิติสงคราม” นั้นไม่เคยเป็นผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย ดังที่จะเห็นการใช้กระบวนการเช่นนี้มาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งลดลง ซ้ำยังทำให้ความแตกแยกร้าวลึกลงไปอีก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"