พรปีใหม่ 2563


เพิ่มเพื่อน    

โมกโข กัลยณิยา สาธุ...ถอดความจากบาลีเป็นไทยๆ ก็คือ เปล่งวาจางาม...ยังประโยชน์ให้สำเร็จ สั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายอันสุดแสนจะลึกซึ้ง สำหรับ พรปีใหม่ ที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ท่านได้ทรงอัญเชิญพุทธศาสนาสุภาษิตและคติธรรม มามอบให้แก่บรรดาปวงชนชาวไทยเนื่องในอภิลักขิตสมัย ปีพุทธศักราชใหม่ 2563...

                                                               -------------------------------------------------

                ส่วนใครจะนำไป ปฏิบัติ ได้-ไม่ได้...อันนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ สติ ของใคร-ของมัน ที่จะไปกลั่นกรองกันเอาเอง คือถ้าหากมันมีสติเป็นตัวกำกับลิ้น กำกับปาก กำกับกราม ก่อนที่จะพะงาบๆ อะไรต่อมิอะไรออกมาก็แล้วแต่ ไอ้ตัวที่เรียกว่า สติ นี่แหละ มันจะคอยเป็นตัวช่วยงับปาก ดึงลิ้น หรือเหนี่ยวกราม ไม่ให้เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ หรือวี้ดๆ แว้ดๆ กว่าจะมีอะไรหลุดออกจากปาก แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ก็จะถูกกลั่น ถูกกรอง ถูกสลักเสลาให้กลายเป็นอะไรที่วิจิตร บรรจง เป็น วาจางาม ที่จะค่อยๆ ลอดเลื้อยเข้าไปรูหู ของฝ่ายตรงข้าม จนอาจเกิดอาการมืออ่อน ตีนอ่อน ยอมศิโรราบ ไม่คิดจะเป็นอุปสรรค ขัดขวางใดๆ อีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงย่อม ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ดังพุทธภาษิตว่าไว้ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                                 --------------------------------------------------

                แต่ถ้าหาก สติ หาย...ห่อๆ เหี่ยวๆ หรือหดได้ ยืดได้ ในขณะที่มันหาย มันเหี่ยว หรือมันหด ขึ้นมาเมื่อไหร่ อันนี้นี่แหละ...โอกาสที่จะสลักเสลา ให้วิจิตร บรรจง ให้ฟังแล้วรื่นหู ชื่นหู ใครต่อใคร ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ แนวโน้มที่จะออกไปทาง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ออกไปทางมึงๆ-กูๆ วะๆ-เว้ยๆ ตายโหง-ตายห่า ไปจนถึงเหี้ย-ห่า-และสารพัดสัตว์ ฯลฯ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือแม้จะไม่วะๆ เว้ยๆ ไม่มึงๆ-กูๆ แต่แค่... เธออย่ามาต่อปากต่อคำกับฉัน...อยากนินทาก็ออกไปข้างนอกโน่น อะไรทำนองนี้ ก็น่าจะ ลำบาก อยู่พอสมควรเหมือนกัน หรือแม้ไม่เปล่งวาจา แต่ทำท่าว่าอาจยก โพเดียม ทุ่มหัวใครต่อใครได้ทุกเมื่อ อันนี้...ก็ยิ่ง อันตราย ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                                                     ----------------------------------------------

                คือถ้าเป็นประเภทที่จัดอยู่ในระดับ เปล่งวาจางาม อย่างเช่น ป๋าเปรม เป็นต้น...แม้จะเป็นอดีตทหาร แถมสังกัด เหล่าม้า หรือเหล่าที่ออกจะรวดเร็ว-รุนแรง-พร้อมบรรลุเป้าหมายแบบเฉียบขาด เฉียบพลัน ซะอีกต่างหาก แต่ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า โอกาสที่จะได้ยินคำว่าวะๆ เว้ยๆ ไอ้ห่ง-ไอ้ห่า อะไรต่อมิอะไรจากปาก ป๋าเปรม แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย แม้จะทุ่มทุน ทุ่มเท เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าต่อภาระหน้าที่ การงาน เพื่อชาติ-เพื่อแผ่นดิน ไม่น้อยไปกว่านายทหาร หรืออดีตทหารรายใดก็ตาม หรือแม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วง ไม่ว่าจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล จากกองทัพสื่อมวลชนที่เพียรพยายามทิ่มไมโครโฟนเข้าแถวๆ กระโดงคาง ไปจนถึงสภาวะแวดล้อมความเป็นไปของโลก ที่ระดมเข้าใส่ค่าเงินบาทชนิดเจียนอยู่-เจียนไป เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                                          -----------------------------------------------

                แต่ก็อาจด้วย สติ ที่ติดปาก ติดลิ้น ติดกราม โดยไม่เคยหด ไม่เคยหาย ไม่เคยห่อเหี่ยวมาโดยตลอด...แม้จะเจอกับคำถามประเภท เซียงกง ขนาดไหน สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของ ป๋า หลังจากที่ค่อยๆ ใช้สายตาลูบไล้ โลมเลีย ไปยัง นักข่าว ที่พยายามบีบมะนาวใส่หัวแม่เท้าของตัวเอง เพื่อให้ เปรี้ยวตีน กันขนาดไหนก็ตาม โดยไล่ตั้งแต่หัว ลงไปจรดถึงปลายเท้า และจากปลายเท้า ขึ้นมาถึงกลางกบาล จากนั้น...ก็มีแต่เพียงคำพูดสั้นๆ นุ่มๆ เบาๆ ประมาณว่า กลับบ้าน...ไปเถิดลูก แต่กลับก่อให้เกิดความรู้สึกหนาวว์ว์ว์ยะเยือกก์ก์ก์ ชนิดถ้าอยู่ใกล้ๆ ป่าช้า มีสิทธิ์ได้ฟังเสียงสุนัขหอนตามกันไปทิวแถว โดยไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องวะๆ เว้ยๆ ไอ้ห่ง-ไอ้ห่า อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                          ---------------------------------------------

                อันนี้...ก็เลย โมกโข กัลยณิยา สาธุ มาได้ถึง 8 ปีเต็มๆ หรือเกิดการ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนตราบกระทั่ง ผม...พอแล้ว!!! นั่นเอง หรือพูดง่ายๆ ว่า...มันคงไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นทหาร-ไม่เป็นทหาร อะไรกันมากมาย แต่อยู่ที่สิ่งที่เรียกว่า สติ นั่นแหละว่าใครจะมีมาก-มีน้อย หรือมีมั่ง-ไม่มีมั่ง คือแม้ว่ามีแต่บางครั้ง บางครา อาจหดๆหายๆ กว่า สติ จะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ก็เล่นเอาโฆษ่ง โฆษก ต้องออกมาแก้ตัวแบบชนิดลิ้นแทบพันกัน อะไรต่อมิอะไรในลักษณะเช่นนี้...มันก็เลยอาจทำให้ออกไปทาง ดีทุกอย่าง...แต่เสียอย่างเดียว หรือเสียที่ไม่ดี ไม่งาม ไม่ โมกโข กัลยณิยา สาธุ เอาซะเลย...

                                                                          ---------------------------------------------------

                ก็เอาเป็นว่า...การ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ สำหรับคนใหญ่ คนโต คนที่มีอำนาจ วาสนานั้น มันคงไม่ได้หมายถึงแค่ความสำเร็จส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงความสำเร็จของ ชาติบ้านเมือง ควบคู่ไปด้วย ดังนั้น...ถ้าหากต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันยังประโยชน์ไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าในแง่ส่วนตัว หรือในแง่ชาติบ้านเมืองก็แล้วแต่ การหันมาเรียนรู้ถึงการประคับประคอง สติ ให้ตั้งมั่นอยู่ภายในกาย วาจา ใจ เอาไว้ให้เยอะๆ ชนิดไม่หด ไม่หาย ไม่ห่อๆ เหี่ยวๆ ไม่ว่าในจังหวะใด ในสถานการณ์ใดๆ โดยเด็ดขาด จะโดยการทำ อานาปานสติ การกำหนดลมหายใจเข้าๆ-ออกๆ ยุบหนอ-พองหนอ กำลังจะอ้าปากแล้วหนอ กำลังจะพูดแล้วหนอ กำลังเปรี้ยวแล้วหนอ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่จะว่ากันไปตามวาสนาของใครก็ของมัน ถือเป็นการนำเอา พร ของพระสังฆราชฯ มาประทานพรเอาไว้ ณ ที่นี้ ก็แล้วกัน...

                                                                              ------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit proverb... Four things come not back: The spoken word, the speed arrow, time past; the neglected opportunity. – สี่สิ่งนี้ไปแล้วไม่กลับ...หนึ่งคำพูดที่ออกจากปาก สองลูกศรที่ยิงแล้ว สามเวลาที่ผ่านไป และสี่...โอกาสที่ล่วงเลย...

                                                                              ----------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"