25 ธ.ค. 62 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ว่า เห็นจากข่าวว่ามีการเลือกประธาน รองประธาน และตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา ถือเป็นกติกาธรรมดาของเขาที่ต้องเลือกคณะทำงาน แต่เนื้อหาต่างหากที่สำคัญ ต่อจากนี้จะเริ่มวิธีการว่าจะทำอย่างไร จะรับฟังความเห็นคนนอกหรือไม่ ซึ่งแล้วแต่วิธีการทำงานของเขา แต่ถือว่าเริ่มต้นด้วยดี ปกติแล้วการตั้งตำแหน่งต่างๆ ในกมธ.จะทำอย่างนี้  เมื่อมีหลายพรรคต้องแบ่งกระจายกันไป เป็นเรื่องธรรมดา

ส่วนกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มานั่งเป็นประธาน กมธ. จะทำให้ถูกครหาว่าเป็นสายตรงจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า จะมาอย่างไรก็ถูกครหาทั้งนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น ต่อให้กี่ชื่อก็หาจุดวิจารณ์ได้ทั้งนั้น ต่อให้เป็นฝ่ายค้านก็มีจุดได้ จะซูเอี๋ยกัน ขยิบตากัน มันไปได้หมดทุกอย่าง อย่าไปคิดอะไรมากเลย ธรรมดา ความจริงไม่มีใครคิดอยู่แล้ว มีแต่สื่อนี่แหละ มาถามให้ตนช่วยบอกจะได้มีเรื่อง นี่ตนเริ่มทำท่าไม่เข้าใจสื่อแล้ว

เมื่อถามว่า ข้อเสนอที่ออกจาก กมธ.จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถาม กมธ. แต่เมื่อเสร็จแล้ว เขาต้องรายงานสภาใหญ่ ซึ่งกำหนดไว้ภายใน 120 วัน เมื่อสภาเห็นชอบก็ดำเนินการตามนั้น ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรจะแก้บางมาตราหรือทั้งฉบับ อยู่ที่ กมธ. ตรงนี้ถือเป็นซีกหนึ่งของสังคมเท่านั้น ข้อสำคัญคือ กมธ.ทำให้ได้ใจคนหน่อยก็แล้วกัน

“เพราะการแก้จะสำเร็จหรือไม่นั้นมันเหมือนกับที่นายนิกร จำนง หนึ่งใน กมธ.บอกว่า ถ้าเปรียบแล้วเหมือนกับของที่อยู่ในตู้เซฟ ต้องใช้กุญแจอย่างน้อย 2 ดอก ซึ่งความจริงไม่ใช่ 2 ดอก แต่อย่างน้อย 2 ดอก มันมีหลายดอกเพราะมีหลายด่าน ดอกหนึ่งคือสภาผู้แทนราษฎร อีกดอกหนึ่งคือ สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 80 กว่าคน และยังมีดอกประชาชนอีก เพราะหากแก้บางเรื่องต้องไปถามประชาชน และอีกดอกคือศาลรัฐธรรมนูญ ทุกดอกถือว่าสำคัญหมด”

เมื่อถามว่า แสดงว่าคนที่ตั้งใจจะแก้รัฐธรรมนูญให้ได้คงยาก นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มีอะไรยากจนกระทั่งทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมีทางออก ถ้าออกไม่ได้ก็ถอยเข้ามาในทางที่เข้ามา.