ช่อปูดส่งไม้ต่อบิ๊กแดงนั่งนายกฯ


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ลั่นอย่าเอาความไม่ชอบตัวบุคคลมาสร้างความขัดแย้ง บอกที่เสียงดังไม่ใช่หงุดหงิด เริ่มหันมาสงสารตัวเอง โอดโกรธคนอื่นตัวเองตายเปล่า "พท." จี้ฝ่ายรัฐบาลจริงใจแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมรับฟังเหตุผลอย่าใช้แค่เสียงข้างมาก "ช่อ" ย้ำจุดยืน อนค.รื้อ รธน.ใหม่ทั้งฉบับ สกัด "ประยุทธ์" สืบทอดอำนาจ ระบุคดีอิลลูมินาติรอฟังคำสั่งศาล "ไพศาล" ห่วง 12 ม.ค. มวลชนเผชิญหน้ากัน

    ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 23 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า การจัดทำงบปี 64 ต้องควบคู่กับการพิจารณา พ.ร.บ.งบ ปี 63 ที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ได้ใช้งบ ปี 63 ส่วนหนึ่งไปพลางก่อนตามกฎหมายที่ใช้ได้ โดยส่วนใหญ่ยังต้องรอหลังวันที่ 8 ม.ค.ไปแล้ว คาดต้นเดือน ก.พ. การพิจารณาแล้วเสร็จหรือเร็วกว่านั้น ทั้งนี้ การจัดทำงบ ปี 64 ส่วนราชการต้องมีการเสนอคำขอรับการจัดสรรงบมายังสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 24 ม.ค.63 และหากคำขอทำงบที่ไม่สอดคล้องกับแผนจะไม่ได้รับการพิจารณาสนับสนุน หรือถือว่ามีความสำคัญระดับต่ำ
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราทำอย่างไรถึงจะช่วยลดความขัดแย้งลงให้ได้ อย่าเอาความชอบ หรือไม่ชอบตัวบุคคล มาทำให้สิ่งต่างๆ ที่ต้องทำเกิดความเสียหาย ท่านไม่ชอบตน แต่ก็ต้องทำงานให้กับพื้นที่และประชาชนของตนเอง ท่านเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็น ส.ส. ต้องทำสิ่งที่ดีให้กับคนในพื้นที่ และต้องยึดมั่นในหลักการ ไม่เช่นนั้นก็ไปกันไม่ได้ทั้งหมด 
    "เราต้องแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวมให้ได้ มีการละอายต่อการกระทำความผิด ไม่เพิกเฉยหรือทนกับการทุจริต และการกล่าวหาต่างๆ ต้องมีหลักฐาน เราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบ วันนี้อย่าคิดว่าเราไปทำร้ายพวกท่าน แต่เรารักและต้องการจะช่วย เพื่อไม่ให้คนถูกดำเนินคดี เพราะวันข้างหน้าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ จะถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น" นายกฯ กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอร้องว่าอย่าหงุดหงิดกับตนเลย เพราะตนก็ไม่เคยหงุดหงิดกับพวกท่าน หงุดหงิดกับตัวเองเสียมากกว่า ระยะหลังโกรธใครไม่ได้ เพราะถ้าโกรธคนอื่นมากๆ ตนตายเปล่า และไม่มีใครสงสารอยู่แล้ว จึงต้องหันกลับมาสงสารตัวเองดีกว่า โดยการทำให้ตัวเองไม่หงุดหงิด บางครั้งเสียงดังบ้าง แต่ไม่ใช่หงุดหงิด 
    "ผมก็เป็นมนุษย์ สถานการณ์ไหนที่เขามีความสุขกัน ผมจะไปนั่งหน้างออยู่ได้อย่างไร บางคนก็บอกว่านายกฯ เปลี่ยนไป จะเปลี่ยนได้อย่างไร แต่เป็นเพราะสถานการณ์มันต่างกัน ไม่ใช่จะให้นายกฯ หน้ามู่ทู่อยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่ บางโอกาสต้องสดชื่นรื่นเริงกันบ้าง ว่ากันไปสถานการณ์ไหนเป็นจริงเป็นจังก็อีกเรื่อง เพราะเป็นคนละบทบาท คนละเวลา คนละหน้าที่ ต่างคนต่างช่วยกันรักษาใจให้กันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จี้ฝ่าย รบ.จริงใจแก้ รธน.
    ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาเพื่อแก้ไขการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ว่า การประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สภาฯ มีความเห็นตรงกันให้ตั้งขึ้นมา ถือว่าเป็นการประชุมนัดแรกที่มีความสำคัญมาก เพราะจะรู้ว่าในคณะกรรมาธิการแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่อย่างไร ใครจะเป็นประธาน ส่วนจะเดินหน้าราบรื่นหรือติดขัดอย่างไร เชื่อว่าการทำงานของคณะกรรมาธิการชุดนี้จะอยู่ในความสนใจของภาคประชาชนและภาคประชาสังคมอย่างแน่นอน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความต้องการของประชาชน
    "ต้องดูที่ความจริงใจการทำงานของคณะกรรมาธิการที่มาจากซีกรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เพราะหากไม่อยากจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ ก็แสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่ยื่นเรื่องการขอเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเข้าที่ประชุมสภาฯ โกหกประชาชน เพราะในการลงมติในขั้นรับหลักการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ ที่ปรากฏว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นพ้องต้องกันว่าต้องแก้เป็นการแสดงละครตบตาประชาชน" นายสมคิดกล่าว
    รองประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ที่น่าจับตาคือคณะกรรมาธิการที่มาจากสายของคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีคณะกรรมาธิการหลายคนที่แสดงเจตนาชัดเจนว่าเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่อยากให้มีการแก้ไข ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็คงต้องมานั่งร่วมประชุมกันเพื่อหาข้อสรุปว่ากรรมาธิการแต่ละท่านมีความคิดเห็นเช่นไร คนที่เห็นด้วย เห็นด้วยเพราะเหตุใด และหากไม่เห็นด้วยเพราะเหตุใด ในที่ประชุมก็อยากให้ใช้เหตุและผลมาคุยกัน ไม่อยากให้ใช้เสียงข้างมากทุกเรื่อง 
    "อยากให้เห็นว่าประชาชนมีความต้องการเช่นไร เพราะที่ผ่านมาในการหาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคมีนโยบายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ดังนั้นพรรคการเมืองควรที่จะนึกถึงสัญญาประชาคมที่เคยให้ไว้กับประชาชน อย่าโกหกประชาชน เพราะการแก้รัฐธรรมนูญคือความต้องการของประชาชน” รองประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว
    ที่โรงแรมพักพิงอิงโขง อ.เมือง จ.นครพนม น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เปิดเวทีบรรยายพิเศษเรื่อง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย กฎหมายรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร โดยมีประชาชนในพื้นที่ นักเรียนและนักศึกษาใน จ.นครพนม ให้ความสนใจมาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก 
    น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ประเทศจะดีกว่านี้หากมีนายกฯ คนใหม่ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เนื่องด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดไว้ ต่อให้ประชาชนเลือกใครก็ตามเข้าสภาฯ อย่างถล่มทลาย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็จะมีเสียงตุนอยู่แล้ว 250 เสียง จาก ส.ว. ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ให้มีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้  ฉะนั้นแล้วคนที่เป็นเจ้าของ ส.ว.ก็จะสามารถเป็นนายกฯ ต่อไปได้เรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นจากการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ 
    โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า ถ้าอยากจะให้การเลือกตั้งสะท้อนเสียงของประชาชนจริงๆ อยากให้นายกฯ มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ต้องเริ่มต้นจากการแก้รัฐธรรมนูญ หากถามว่าจะแก้ไขเรื่องใหญ่ๆ อย่างการแก้รัฐธรรมนูญจะทำได้อย่างไร รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ให้ต้องผ่านเสียงในสภาฯ เกินกึ่งหนึ่ง หมายความว่าต้องนับเสียงจาก ส.ว. ที่พล.อ.ประยุทธ์เลือกเข้ามาด้วยตัวเองอีกด้วย 
    "อย่างน้อยพรรคอนาคตใหม่ปักธงในสภาฯ ได้สำเร็จ ที่สามารถผลักดันให้เกิดคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ หากแต่ต้องดูว่าสัดส่วนในคณะกรรมาธิการชุดนี้มีพรรครัฐบาล 12 คน พรรคร่วมรัฐบาล 18 คน ฝ่ายค้าน 19 คน ตนอยากตั้งคำถามว่า พรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลคือกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ตกลงคณะกรรมาธิการนี้สามารถเป็นความหวังในการแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ แต่ในเมื่อได้ตั้งคณะกรรมาธิการมาแล้ว เราต้องช่วยกันผลักดันกันอย่างเต็มที่" โฆษกพรรค อนค.กล่าว
ห่วงมวลชนเผชิญหน้า
    น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า จุดยืนของพรรค อนค.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือ การแก้ใหม่ทั้งฉบับ โดยเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง หากพูดให้เข้าใจอย่างง่ายคือ ข้อตกลงร่วมกันที่จะอยู่กันอย่างไร รัฐธรรมนูญ 2560 นี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ปลอดรัฐประหาร นั่นเพราะอำนาจจากการรัฐประหารได้ย้ายเข้ามาสู่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว
    โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร ที่พรรคเสนอไม่ได้ต้องการไม่ให้มีทหารเกณฑ์ คือต้องเป็นทหารโดยสมัครใจ ไม่ใช่บังคับเกณฑ์ และนี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่ไม่ให้มีทหาร เพียงแต่ต้องการปฏิรูป โดยการยกระดับสวัสดิการของทหารเกณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
    "ขณะนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ถึงมือนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงต้องกดดันและติดตาม เพราะเกรงว่านายกฯ จะปัดตกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งเรายืนยันว่ากฎหมายนี้คือกฎหมายรักชาติ ไม่ใช่ชังชาติอย่างที่มีคนมาโจมตีพรรค อนค.ยกเลิกบังคับไม่ได้หมายความว่าไม่มีทหาร เราต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม นี่คือนโยบายรักชาติ ให้คนในชาติมีสวัสดิการที่ดีขึ้น เพราะชาติคือประชาชน เราต้องการให้ทหารชั้นผู้น้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีกองทัพที่เป็นมืออาชีพ เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เทียบเท่ากับนานาอารยประเทศ" โฆษกพรรค อนค.กล่าว
    ต่อมา น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึงการปราศรัยบนเวทีระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ตอนหนึ่งระบุว่า เขาเตรียม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เป็นนายกฯ คนต่อไปว่า ตนพูดถึงที่มีการพูดกันเฉยๆ เพราะหากดูจากบนเวทีจริงๆ ก็พูดกันว่ามันมีการคุยกันว่าเขาคุยกันไว้แล้วว่าจาก พล.อ.ประยุทธ์จะมีการส่งไม้ต่อให้แก่ พล.อ.อภิรัชต์ 
    "ความจริงก็พูดกันทั่วไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใหม่อะไร ในบริบทที่พูดนั้นคือการกล่าวถึงรัฐธรรมนูญ และเป็นการทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะบางคนอาจจะคิดว่าเปลี่ยนนายกฯ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงพูดว่าโดยระบบกฎหมายการเลือกตั้งที่อยู่ในระบบรัฐธรรมนูญนั้นมันเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.เป็นการอธิบายระบบการสืบทอดอำนาจของ คสช.ที่อาศัยรัฐธรรมนูญฉบับนี้" น.ส.พรรณิการณ์กล่าว
    ถามถึงเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่เปิดไต่สวนพยานคดีอิลลูมินาติของพรรค อนค. ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นตอนของการอ่านคำวินิจฉัย โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า จริงๆ ก็ถูกถามมาเยอะมากว่าเราจะเตรียมตัวอย่างไร เพราะถ้าดูกันจริงๆ ก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเปิดให้ไต่สวน เราจึงต้องเตรียมตัว เพราะต้องมีการเรียกพยานและหลักฐาน เมื่อไม่มีการไต่สวนจึงต้องรอคำตัดสินเท่านั้น ซึ่งเราก็คาดเดาไม่ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำศาล
    ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้เห็นข่าวเรื่องศาลรัฐธรรมนูญงดการไต่สวนเรื่องยุบพรรคอนาคตใหม่ แล้วประมาณสถานการณ์ทางการเมืองได้ดังนี้ 1.ช่วงระยะเวลาการยุบพรรคน่าจะเกิดขึ้นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2.ผลของเรื่องนี้คงเป็นดังที่คนกลุ่มหนึ่งเคยออกข่าวมาโดยลำดับแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบแน่นอน 3.ความเสี่ยงทางการเมืองในสภาฯ ของรัฐบาล เรื่องกฎหมายงบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงจบไปแล้ว เรือเหล็กน่าจะแล่นฉิวโลดไปจนครบเทอม 4.เสียงของรัฐบาลคงจะเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 280 และ 300 ดังที่เคยประมาณการไว้ในเร็วๆ นี้ และ 5.สถานการณ์ทางการเมืองข้ามพ้นเกมในสภาฯ ไปแล้ว ต้องจับตาเกมงานมวลชนที่กำลังระดมพลเผชิญหน้ากันในวันที่ 12 มกราคม 
    "น่าจับตาอย่างยิ่งพระเอกอาจปรากฏตัว แต่ในขณะเดียวกันอสูรสงครามของโลกก็จับจ้องมองอยู่อย่างตาไม่กะพริบ" นายไพศาลกล่าว
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตนพร้อมด้วยลุงกำนัน ส.ส.เพ็ชรชมพู ไปร่วมบรรยายอุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง ให้ความรู้ลัทธิชังชาติ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเคย จากพี่น้องชาวอุดร และจังหวัดใกล้เคียงจนเต็มห้องประชุม ที่โรงแรมประจักษ์ตราดีไซด์ อ.เมือง จ.อุดร 
    "ในครั้งนี้ถือโอกาสเตือนนายธนาธรว่า คุณได้เสรีภาพอย่างเต็มที่ในการแสดงออก ตามระบอบประชาธิปไตย แต่อย่าล้ำเส้น" นพ.วรงค์กล่าว.

   
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"