ชัยชนะที่แท้จริง


เพิ่มเพื่อน    

       เห็นมาจากเว็บไซต์ ผู้จัดการ เมื่อวันวาน...และรู้สึกว่า ออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด สะกิดใจ มิใช่น้อย เลยต้องขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันฟังใน ไทยโพสต์ ในช่วงจังหวะที่มันยังไม่ถึงกับมีข่าวใหญ่-ข่าวโต อะไรมากมาย หรือช่วงจังหวะใกล้ๆ ปีใหม่ ที่ไม่ว่าบรรดาผู้ผลิตข่าว หรือผู้บริโภคข่าว ต่างอยากหันไปสนุกสนาน ร่าเริง หันไปเฉลิมฉลองซะเป็นหลัก...

                                  ----------------------------------------------------

                คือเป็นเรื่องราวที่ว่ากันว่า...มีที่มาจากหน่วยงานวิจัยของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เรียกกันย่อๆ ว่า EIC เขาเกิดอยู่-เป็น, อยู่-ไม่-เป็น หรืออยู่-สุข, อยู่-ไม่-สุข กันในแบบไหน อย่างไร? ก็มิอาจทราบได้ เขาเลยไปนำเอา ผลสำรวจรายได้ครัวเรือนประจำปี พ.ศ.2562 จากจำนวน 40,000 ครัวเรือนทั่วประเทศไทย ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ เพิ่งออกมาเล่าแจ้งแถลงไขไปเมื่อไม่นานมานี้ มาลองเปรียบเทียบ เทียบเคียง อุปมา-อุปมัย กับข้อมูลสถิติรายได้ครัวเรือน ย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และโดยผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่า ตกใจ ซะยิ่งกว่าผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น อยู่พอสมควร...

                               -----------------------------------------------------

                หรือปรากฏว่า รายได้ ครัวเรือนโดยเฉลี่ย...ที่มันน่าจะสูงขึ้นๆ ตามภาวะอัตราเงินเฟ้อ หรือตามอัตราการเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจก็แล้วแต่ ไปๆ-มาๆ...มันกลับลดลงๆ โดยแม้ว่าจะมีความพยายามลด รายจ่าย ของแต่ละครัวเรือนลงไปตามสภาพ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะทำให้ตัวเลข หนี้สิน ครัวเรือน กลับสูงขึ้นๆ ยิ่งถ้าเอาสัดส่วนของหนี้สินมาเปรียบเทียบกับสัดส่วนของรายได้ ถึงขั้นต้องสรุปว่า...สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา หรือสูงสุดอย่างเป็นประวัติการณ์เอาเลยถึงขั้นนั้น ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่า...ภายใต้ภาวะความเป็นไปเช่นนี้ ย่อมทำให้ตัวเลข การออม มีแต่ลดลงๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...

                                -----------------------------------------------------

                โดยถ้าจะสรุปแบบคร่าวๆ...หรือแบบไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องตัวเลขให้มากมายเกินไปนัก EIC เขาบอกเอาไว้ว่า รายได้โดยเฉลี่ยของครัวเรือนไทยในยุคนี้ ลดลงถึง 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว เช่น พวกที่เป็นลูกจ้างลดลงไป 1.6 เปอร์เซ็นต์ พวกเกษตรกรลดไป 4.8 เปอร์เซ็นต์ พวกอยู่นอกภาคเกษตรลดไป 3.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเภทอื่นๆ อยู่ในอาการทรงๆ หรือไม่ถึงกับ ทรุด ลงไปซะทีเดียวนัก และอาจด้วยเหตุเพราะรายได้มันออกอาการสาละวัน...เตี้ยลงๆ ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง เลยทำให้ การใช้จ่าย หรือรายจ่าย มันเลยลดตามไปด้วย หรือลดลงประมาณ 0.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีอีกเช่นกัน...

                                  ------------------------------------------------------

                แต่แม้จะลดรายจ่าย เพื่อให้สัมพันธ์กับรายได้ เพียงใดก็ตามที...ตัวเลขหนี้สินครัวเรือนนั้น กลับกระเด้งขึ้นไปอีกประมาณ 2.6 เปอร์เซ็นต์ และทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ ที่เคยมีอยู่ที่ประมาณ 96.1 เปอร์เซ็นต์ จึงเพิ่มขึ้นไปเป็น 97.7 เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่มสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติการณ์ หรือในประวัติศาสตร์ครัวเรือนไทย พูดง่ายๆ ว่า...มีรายได้ 100 บาท ต้องเอาไปจ่ายหนี้ประมาณ 97.7 บาท ส่วนที่เหลือจะเอาไปซื้อกรวด ซื้อเกลือ หรือซื้อเชือก (เอาไว้ผูกคอตาย) ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของใคร-ของมันต้องไปว่ากันเอาเอง...

                                 ------------------------------------------------------

                โดยตัวเลขที่ถูกนำมาเทียบเคียง มาอุปมา-อุปมัย เอาไว้ในลักษณะที่ว่านี้...มันเลยออกจะเป็นอะไรที่น่า โตะโอะ-โตะจาย มิใช่น้อย เพราะไม่ว่าพรรครัฐบาล หรือพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นฝ่ายนอนมา ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่น ชนิดเฉือนพรรคฝ่ายค้าน อย่างเผาไทย ไปแบบหวุดๆ หวิดๆ แต่ชัยชนะที่ว่า...มันคงไม่อาจนำมาใช้เป็นคำตอบ ต่อการแก้ปัญหารายได้ รายจ่าย ปัญหาหนี้สิน ของบรรดาครัวเรือนไทยได้มากมายซักเท่าไหร่นัก หรือแม้แต่ชัยชนะ...อันมีที่มาจากบรรดา งูเห่า ไปจนถึงบรรดา ผึ้งแตกรัง ก็ตามที เพราะแม้ว่าชัยชนะทำนองนี้ จะทำให้รัฐบาลปลอดโปร่ง โล่งสบาย หัวพ้นน้ำเลยขึ้นไปกว่าระดับหัวนม ไม่ต้องปริ่มน้ำ สำลักน้ำ อีกต่อไป แต่โอกาสที่มันจะกลายเป็น ชัยชนะที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่สามารถหาคำตอบ ต่อปัญหาครัวเรือนไทยกันได้ถนัดๆ...

                                  ----------------------------------------------------

                ยิ่งถ้าหากมองถึงความเป็นไปในระดับโลกด้วยแล้ว...ยิ่งเป็นอะไรที่น่าตกอก ตกใจ และน่าหวาดเสียวยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะอย่างที่บรรดานักคิด นักวิชาการ นักสังเกตการณ์ต่างประเทศ และนักวิเคราะห์สังคมทั้งหลาย เขาได้เห็นถึงบางสิ่ง บางอย่าง ที่ออกจะคล้ายกันเอามากๆ จนอาจถือเป็น สัญญาณ ในรูปหนึ่ง รูปใด เอาเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ...ความเหมือนกัน คล้ายคลึงกัน ของการลุกฮือ การจุดไฟในนคร หรือ การประท้วง ในหลายต่อหลายประเทศ ที่อุบัติขึ้นมาแทบจะทุกซีกโลก และมักมีพื้นฐานมาจากปัญหา รายได้-รายจ่าย ของบรรดาผู้คนในแต่ละประเทศ ที่โคจรมาบรรจบครบรอบกับ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในระดับโลก แบบพอดิบ พอดี ยิ่งถ้าหากถูกเสริมเพิ่มเติมด้วย ความเหลื่อมล้ำ, ความขาดประสิทธิภาพ ไปจนถึง ความทุจริตประพฤติมิชอบ” หรือการคอร์รัปชันด้วยแล้ว โอกาสจะถูกจุดระเบิด จนเกิดประกายไฟไหม้ลามทุ่ง ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...

                                  ----------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าเพิ่งดีใจ หรือตกอก ตกใจ กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หันมาเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมรับมือ กับเรื่องที่มันออกจะ เอาเรื่อง หรือออกจะหนักหนา สาหัส มิใช่น้อย นั่นก็คือ...ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจครัวเรือนไทย เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่มันจะเป็นตัวชี้ขาด เป็นตัววัดตัดสิน ชัยชนะและความพ่ายแพ้ที่แท้จริง...

                                 -------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Carlyle... “It is in general more profitable to reckon up our defeats than to boast of our attainments. - โดยทั่วไปแล้ว...การคำนึงถึงความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นแก่เรา ให้ประโยชน์มากกว่าการโอ้อวดถึงความสำเร็จที่ได้รับ...”

                                ------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"