เมื่อวานนี้ผมพยายามทำความเข้าใจกับคำว่า proxy crisis จึงได้นำเอาข่าวที่ไทยโพสต์ตีพิมพ์อ้างคำพูดของผู้บัญชาการทหารบกมาอ่านอีกรอบ

                ประโยคตรงที่เกี่ยวกับความหมายของคำนี้น่าจะอยู่ที่

                “….Proxy crisis คือ วิกฤตการณ์ ที่มีคนบางคนอยู่เบื้องหลังไม่ออกมาสู้ โดยไม่สามารถต่อสู้กับภาครัฐได้โดยตรง ก็ต้องมีการสร้างตัวแทนขึ้นมา ซึ่งอยากให้ลองไปหาอ่านกันเองว่า Proxy war หรือ Proxy crisis คืออะไร และสอดคล้องกับสถานการณ์เมืองไทยในขณะนี้"

                ดังนั้น จึงตีความได้ว่าท่านพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์หมายความว่ามีคนที่ต้องการจะต่อสู้กับรัฐบาล แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง ก็จึงจัดให้มี “ตัวแทน” ออกมาทำหน้าที่แทน

                หากตีความต่ออีกก็คงเข้าใจว่า คนที่เป็น proxy นั้นต้องการจะสร้าง “วิกฤติ” แทนคนที่ไม่กล้าออกมาทำเอง

                ถ้าอย่างนี้ก็ต้องแปลว่าท่านทราบว่าใครคือ “คนอยู่เบื้องหลัง” อันนำไปสู่คำที่ท่านใช้คือ deception

                คำว่า Deception แปลว่า “กลลวง” หรือ “อำพราง”

                แต่ถ้าคนที่รู้ทันว่าเป็นกลลวง ก็แปลว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นทำการ “อำพราง” ไม่สำเร็จ

                ไปๆ มาๆ งาน  proxy ก็ไม่สำเร็จ เพราะฝ่ายรัฐบาลรู้ทัน

                จึงไม่ควรจะเกิด crisis หรือ “วิกฤติ” แต่อย่างไร

                และหากจะวิเคราะห์ตามแนวของทหารหรือความมั่นคง ก็ต้องบอกว่าเมื่อท่าน “ทิ้งระเบิด” ลงมากลางวงนักข่าวอย่างนี้แล้วก็เกิด collateral damage หรือ “ความเสียหายข้างเคียง” ขึ้นมาทันที หลังจากที่ท่านบอกว่าคนที่จะไป “วิ่งไล่ลุง” ควรมาวิ่งแข่งอย่างสร้างสรรค์กับทหารจะดีกว่า

                พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศโต้ พล.อ.อภิรัชต์ ว่า

                การออกมาพูดแบบนี้เป็นวิธีการที่แสดงออกว่ารัฐบาลรู้สึกไม่สบายใจที่จะมีการวิ่งไล่ เพราะว่าการมีประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมกิจกรรม จะทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ซึ่งระหว่าง ผบ.ทบ.และรัฐบาล จะส่งสัญญาณกันเอง แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พยายามจะโยงคือ พวกที่ออกมาวิ่งไล่ไม่ใช่ประชาชนบริสุทธิ์ และเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อลดความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหว

                "ผมจึงบอก ส.ส.ในพรรคอนาคตใหม่ว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนี้ เพราะให้การเคลื่อนไหวเป็นพลังบริสุทธิ์และขลังมากขึ้น พวกนักศึกษาถือเป็นพลังบริสุทธิ์ สมัย 14 ตุลาคม 2516 เรามีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พอช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมี ก็เที่ยวไปว่านักศึกษาว่าไม่ค่อยตื่นตัวทางการเมือง พอตอนนี้นักศึกษามาตื่นตัวทางการเมืองก็กลับมากลัว สรุปแล้วจะเอาอย่างไรกันแน่"

                พล.ท.พงศกรกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้เป็นการรวมตัวของนักศึกษากันเอง เป็นความคิดของเด็กที่บริสุทธิ์ อย่าเอาเรื่องของการเมืองไปแปดเปื้อนเด็ก จึงขอให้เข้าใจเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ปกติไม่มีใครไปสั่งใครได้หรอก ลูกเรายังสั่งไม่ค่อยได้เลย เพราะฉะนั้นเด็กที่เป็นพลังบริสุทธิ์นี้เขาคิดเห็นอย่างไรก็แสดงออกแบบนั้น ปล่อยให้เด็กไปตามธรรมชาติจะดีกว่า

                นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือเป็นแอคชั่นมันส์ๆ เรียกเรตติ้งปรกติของ ผบ.ทบ. จนคนสงสัยว่า ระหว่างภารกิจสนับสนุนรัฐบาลสืบทอดอำนาจกับงานในหน้าที่ ผบ.ทบ.พัฒนากองทัพ ท่านแบ่งสัดส่วนการทำงานอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์อย่าพูดในลักษณะตีหัวเข้าบ้าน ตีกินทางการเมือง ถ้ามีข้อมูลอยู่จริง บอกชื่อมาเลยว่าใครอยู่เบื้องหลัง

                คำถามของผมจึงมีว่า ท่าน ผบ.ทบ.มองว่ากิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” เป็น crisis หรือไม่

                ถ้าเป็น, เป็น proxy crisis หรือไม่

                และถ้าเป็น, ผู้จัดกิจกรรม “เดินเชียร์ลุง” เข้าข่าย crisis ประเภทใด และมีความเป็น proxy หรือไม่เพียงใด

                ถ้ามี proxy crisis แทนที่จะให้กลายเป็น proxy war จะมีทางพูดจาแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวางในสังคมเพื่อพยายามหาทางให้ปรับเป็น proxy peace และ proxy reconciliation ได้หรือไม่.