จุดยืน อนค.-การเมืองบนท้องถนน
แบ็กอัพเขาไม่มีแล้ว
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการพิจารณารับคำร้องคดียุบพรรคอนาคตใหม่ไว้วินิจฉัย หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ในสำนวนคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ไปให้ศาลพิจารณาแล้ว จึงต้องรอดูต่อไปว่ากระบวนการวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญจะเริ่มต้นนับหนึ่งตั้งแต่เมื่อใด หลังจากก่อนหน้านี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศระหว่างการชุมนุมแบบแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า จะมีการเคลื่อนไหวการเมืองบนท้องถนนในช่วงเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป
“พลโทพงศกร รอดชมภู ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่” ให้ความเห็นถึงทิศทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ต่อจากนี้ โดยกล่าวว่า หากสุดท้ายพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค และมีการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่เราอยากได้ความยุติธรรมเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่เมื่อคุณต้องการความอยุติธรรม ก็เรื่องของคุณ แต่เราก็จะอยู่แบบไม่ทนแบบทุกวันนี้ จริงๆ ก็มีคนมาแสดงความยินดีกับผม ตอนที่ผมได้รับเลือกให้เป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผมก็บอกเขาว่า เป็นกรรมการบริหารพรรค ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว ธนาธร หัวหน้าพรรค เขาก็พูดตั้งแต่แรกและพูดอยู่เสมอว่าเขามาแบบนี้ เขาอาจเผชิญชะตากรรมต่างๆ แต่เขาทนไม่ได้ เขาจำเป็นต้องมาเปลี่ยนแปลงมาสู้เพื่อประชาชน แล้วแบบนี้ คนแบบนี้หรือจะชังชาติชังประชาชน เขารักประชาชนจะตาย
...คำร้องคดีนี้ของ กกต. หากดูภาพรวม โดยเฉพาะการที่ กกต.อ้างความผิดตามมาตรา 72 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง (ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย) ถ้าดูตามมาตราดังกล่าว จะเป็นความผิดได้ยาก เพราะการที่ กกต.จะเอาผิดกับพรรคอนาคตใหม่ โดยอ้างว่ามีแหล่งที่มาของเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก็ต้องพิสูจน์แหล่งที่มาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ซึ่งผู้ร้องคือฝ่าย กกต.ต้องพิสูจน์ แต่เมื่อ กกต.ไม่ใช้วิธีการพิสูจน์แล้วมาพยายามกล่าวหากัน ก็ไม่ว่าอะไร เราก็ไปดูว่าแหล่งที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่ นายธนาธรค้ายาเสพติดหรือค้ามนุษย์หรือไม่ หรือเขาทำธุรกิจโดยปกติทั่วไป ซึ่งทุกคนก็รู้ เพราะธนาธร ธุรกิจของเขาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นโอกาสที่จะบิดเบี้ยวไปหรือมีเงินนอกระบบมันยาก ผมเชื่อว่าการพิจารณาตัดสินคำร้องคดีนี้หากว่ากันตรงไปตรงมา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่มีความผิด คือตามกฎหมายเราไม่ผิดอยู่แล้ว แต่ถ้าไปทางอื่นก็เป็นไปได้
-อะไรที่ทำให้ฝ่ายผู้มีอำนาจหรือฝ่ายรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการยุบพรรคอนาคตใหม่ และเขี่ยธนาธรออกจากถนนการเมืองไป?
ก็เพราะพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคการเมืองที่มีจุดยืนหนักแน่น มันต่อรองยาก พอต่อรองยาก เขาก็เห็นเป็นศัตรู คุยด้วยไม่ได้ ที่เรียกกันว่าเกี๊ยเซียะไม่ได้ พอเกี๊ยเซียะไม่ได้ ก็เลยลำบาก แค่นั้นเอง เขาก็เห็นว่า พรรคนี้พูดยากแล้ว อย่าไปเอามันเลย เพราะพรรคยืนยันหนักแน่นในอุดมการณ์ ทำให้การเจรจาต่อรองเพื่อจะให้พรรคไปทำในสิ่งที่เราไม่สบายใจ เป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญ หากมีเลือกตั้งใหม่เร็วเท่าไหร่ อนาคตใหม่ ส.ส.จะได้มาเยอะ ก็เลยทำให้เขาจะไม่ได้เสียงพอที่จะไปตั้งรัฐบาลได้ ผมยังเชื่ออย่างนั้น ทางเขาก็รู้ เพราะเขารู้แล้วว่าจะตั้งตัวอย่างไร
เมื่อถามถึงหากจะมีการเจรจาพูดคุยเพื่อให้พรรคอนาคตใหม่ไม่โดนยุบ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนโดยให้พรรคเปลี่ยนแนวทางให้เบาๆ ลง แกนนำพรรคก็จะไม่คุย คำถามดังกล่าว พลโทพงศกร-รองหัวหน้าพรรค ยืนกราน ไม่ทำ จะยุบก็ยุบไป เราก็เดินของเราแบบนี้ แบบนี้แหละที่เรียกว่าเจรจายาก แต่เราไม่เคยไปก้าวล่วงสถาบัน ขอพูดให้ชัด เพราะว่าโดนใส่ร้ายอยู่ตลอดเวลา เราไม่เคยไปโจมตีคนอื่นก่อน แม้แต่รัฐบาลเองเราก็ไม่ได้ว่า แต่สิ่งที่เราทำคือการหยิบข้อมูลจริงมาเปิดเผย เราไม่เคยด่าไม่เคยว่าลอยๆ แต่เรานำข้อมูลมายันแล้วเราพูดด้วยความสุภาพเสมอในรัฐสภา เราพูดด้วยหลักฐานข้อมูล ไม่เคยใช้คำรุนแรง
-คนชอบพูดกันว่าชนชั้นนำไม่แฮปปี้กับธนาธร และแนวทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่มองยังไง?
เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคุณกำลังเอารัดเอาเปรียบประชาชน อย่างเรื่องง่ายๆ เลย เช่น “สุราพื้นบ้าน” ก็ไม่ให้ประชาชนเขาผลิต แล้วก็ผลิตไม่กี่ราย เพราะมีข้อจำกัดการผลิต ทำให้มีแค่ไม่กี่ราย ก็เลยเป็นกลุ่มทุนใหญ่ที่ทำ พรรคเราก็พูดแทนคนเล็กคนน้อย เพราะหากคนเหล่านี้ทำได้ ผู้ผลิตรายใหญ่ก็จะขาดทุน เจ้าใหญ่ก็เลยไม่ชอบ เพราะเจ้าใหญ่เขาจ่ายอยู่ อันนี้คือเราพูดถึงกลุ่มทุนใหญ่เป็นตัวหลัก แล้วก็พวกรัฐรวมศูนย์ ข้าราชการ เพราะเขาเอื้อกัน นี่คือปัญหาหลักของประเทศ
-มีใบสั่งอะไรให้พยายามกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่?
เป็นธรรมดา เพราะเขาเสียผลประโยชน์ ทุกประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน เวลาคุณพูดเรื่องผลประโยชน์ประชาชน คุณต้องต่อสู้กับพวกที่มีผลประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว
พลโทพงศกร กล่าวอีกว่า การพิจารณาเรื่องเงินกู้ดังกล่าว ตามหลักก็ต้องตั้งข้อสังเกตตั้งประเด็นไว้ก่อน เช่น ประเด็นว่า เงินกู้เป็นเงินบริจาคหรือไม่ ถ้าสงสัย ก็ควรทำส่งคำร้องเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนี้ก่อน โดยหากศาล รธน.วินิจฉัยว่าเป็นแบบนั้น ก็ค่อยว่าไปตามขั้น แต่เมื่อเขาเห็นว่าไม่ได้ ก็เลยมาเอาผิดตามมาตรา 72 โดยอ้างว่าสงสัยแหล่งที่มาของเงินไม่สุจริต ก็ไม่ว่ากัน แต่อันนี้ถ้าดูตามขั้นตอนของ กกต.มันไม่ควรรวดเร็วขนาดนี้ เพราะเอกสารที่พรรคส่งไปยังส่งไม่ครบ ทั้งที่พรรคก็แจงไปว่าสิ่งที่ กกต.เรียกมาให้ส่งไป พรรคก็ส่งไปครบหมดแล้ว เหลือแค่บางเรื่องที่เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี ก็ยังไม่ได้ส่ง แต่หากเรียกมา พรรคก็ส่งใหม่ก็ได้ ไม่ต้องรีบ จะได้เกิดความสมบูรณ์ มันเป็นสิ่งที่ กกต.เรียกขอมาเองไม่ใช่หรือ เมื่อ กกต.ขอเอกสารมา ก็ควรที่จะรอทางพรรคก่อน
-ในฐานะกรรมการบริหารพรรค จุดยืนของพรรคต่อการเมืองบนท้องถนน หลังธนาธรมีการเคลื่อนไหวที่ Skywalk เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา?
ไม่ใช่การเมืองบนท้องถนน เราไม่ได้จัดม็อบ แต่เป็นแฟลชม็อบที่เป็นการมาพบกัน มาพบกันแป๊บเดียวแล้วต่างคนต่างไป ไม่มีชุมนุม ไม่มีประชาสัมพันธ์ ไม่มีไมโครโฟน ไม่มีอะไร แต่มาเพื่อให้เห็นว่าเราพวกเดียวกัน จบ
“ง่ายๆ ก็คือ ใครที่ไม่ทน ใครที่เบื่อ อยากจะระบาย มาระบายตรงนี้ มายืนตรงนี้ให้เห็นว่าเราคือพวกเดียวกัน พวกที่ทนไม่ไหวกับความอยุติธรรมทั้งหลาย แล้วก็ จบ ไม่มีอะไรพิสดาร จะไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนม็อบแดง ม็อบเหลือง หรือ กปปส. ไม่มี ไม่ใช่แบบนั้น แล้วเราก็ไม่สามารถทำได้ด้วย เพราะเราไม่มีเครือข่าย ไม่มีหัวคะแนน เราไม่มี”
ถามถึงมีบางฝ่ายดักทางไว้ว่า หากอนาคตใหม่โดนยุบพรรค ก็จะมีการสร้างกระแสปลุกม็อบ สร้างความวุ่นวาย ทำการเมืองบนท้องถนน พลโทพงศกร-รองหัวหน้าพรรคอนค. แสดงท่าทีต่อข้อถามนี้ไว้ว่า เอาเป็นว่ามันจะวุ่นวายหรือไม่วุ่นวาย มันไม่เกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ มันเกี่ยวกับความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม เพราะทุกที่ในโลกนี้ ถ้าไม่มีความยุติธรรม มันไม่มีความสงบ อันนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นสัจธรรม ดังนั้นสัจธรรมนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่
“ถ้าคนเขาเห็นว่า ความยุติธรรมของเขา เขาไม่ได้รับความยุติธรรม เขาก็ไม่ทน เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าบอกว่าพรรคอนาคตใหม่ โดนยุบหรือโดนอะไร แล้วจะมาเดินมาจัดการม็อบแบบเดิม มันไม่ใช่แบบเดิม เราจะไม่ทำแบบนั้น แต่ว่าจุดจบหรือว่าการเดินจะต่างจากอดีต ไม่เหมือนเดิม แล้วทุกอย่างเวลามันเปลี่ยนแปลง มันจะมีความรวดเร็ว เพราะคนเข้าใจแล้วว่าการสู้ในระบบปกติทำไม่ได้ เขาก็จะว่ากันเอง ประชาชนจะว่ากันเอง ส่วนจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูกันไป อยู่ที่คนไทย เราไม่มีคำตอบ อยู่ที่คนไทยจะคิดกันเอง”
...ก็มีคนมาถามว่าแล้วจะมีคนนำไหม ก็ไม่นำ ก็อาจมีนิดหน่อยแบบว่าชวน แต่ว่าจะไม่นำ เพราะตราบใดที่คนไทยยังรอคนนำ คุณก็จะไม่ได้รับความยุติธรรม แต่คุณต้องคิดเองว่าเราไม่ทนอีกแล้ว เช่น เดินอยู่บนถนน แล้วเห็นคนโดนรังแกอยู่ข้างถนน เราต้องรู้จักเข้าไปช่วยเลย เราต้องรู้จักเรียกตำรวจมาจับ แต่หากคิดว่าธุระไม่ใช่ แสดงว่าคุณยังไม่ใช่ คุณยังไม่เปลี่ยน คุณต้องเปลี่ยนที่ตัวคุณก่อน ไม่ใช่เห็นผู้หญิงผู้ชายตีกัน แล้วบอกว่าเป็นเรื่องของผัวเมียอย่ายุ่ง ไม่ได้ แต่ต้องบอกว่านี่คือการทำร้ายร่างกาย ต้องเรียกตำรวจมาจับ ต้องดูจนกว่าจะจบ
...สิ่งนี้คือความคิดแบบคนมีอารยะ ทุกคนต้องมีความคิดเป็นผู้นำของตัวเอง เป็นผู้ไม่ยอมต่อการเสียเสรีภาพ เป็นผู้ไม่ยอมที่เห็นคนอื่นถูกรังแก ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ คุณต้องอยากเข้าไปช่วย โดยต้องคิดด้วยตัวคุณเอง แค่นี้พอแล้ว และมันจะเกิดเอง แต่จะเกิดอะไรไม่รู้ ตะวันตกผ่านจุดนี้มาแล้ว จากเดิมที่เอาแต่ฟังคำสั่ง เปลี่ยนมาเป็นการคิดได้เองแล้วรู้จักรักสิทธิเสรีภาพของตัวเอง มันจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง
...ถ้าบอกว่าต้องมีคนมานำ ตัวผู้นำใหม่ก็เป็นเผด็จการจะไปปกครองคุณอยู่ดี จริงไหม แต่ถ้าทุกคนคิดว่ามันไม่ได้ มันเป็นสิทธิของผม ผมต้องทำ มันเป็นสิทธิเสรีภาพของผม ผมไม่ยอม นั่นแหละ มันจะไม่มีผู้นำ จะมีแต่กลุ่มก้อนที่รักษาสิทธิเสรีภาพของตัวเอง นั่นแหละมันคือความสำเร็จ มันลึกไปกว่านั้น คือเขาจะไม่ทนกับสิ่งที่เขาเห็นอยู่กับตา ไม่ต้องไปถึงเรื่องการเมือง เอาแค่เรื่องข้างถนน เขาก็ไม่ทน ต้องสร้างบรรยากาศความคิดนี้ก่อน มันถึงจะไปได้แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนนำหรือไม่มีคนนำ ไม่มีประโยชน์ เพราะบางทีคนนำเขาเป็นเผด็จการเอง เอาคนมาเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว อันนี้ในต่างประเทศเขามี ต้องระวัง
ต่อข้อถามที่ว่า มีบางคนออกมาบอกว่า หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวชุมนุมแบบฮ่องกงโมเดล พลโทพงศกร ระบุว่า เราไม่รู้ เป็นได้ทั้งนั้น แต่ของฮ่องกงคนเขาไปไกลกว่าเรา คนเขากลัวว่าจะถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เขาเลยออกมาสู้ อันนี้ก็เป็นไปได้ แต่ผมยังเชื่อว่าคนไทยยังต้องเรียนรู้สักพัก เรียนรู้ที่จะไม่ตามผู้นำ แต่ว่ามีเพื่อนได้ คนละแบบ
ส่วนที่แวดวงการเมือง มองข้ามช็อตไปแล้วพรรคมีโอกาสจะโดนยุบ ทั้งที่ศาล รธน.ยังไม่ทันรับคำร้องไว้วินิจฉัย พลโทพงศกร วิเคราะห์ว่าเขาก็พยายามสร้างกระแสนี้ ว่าจะไม่รอด จะได้ดึงคนของพรรคออกไป ดึงคนแยกคนออกไปเป็นส่วนๆ ให้เยอะที่สุด เพื่อให้ไปช่วยแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล ถ้าไปช่วยได้ ก็จะได้ทำให้ไม่ต้องยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลไม่ได้คิดอะไร นอกจากอยากได้เสียงคนมาเพื่อจะสืบทอดอำนาจ ไม่ได้คิดอะไรพิสดารไปกว่านั้น ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ไม่มี พอสร้างกระแสได้ คนหวั่นไหว ก็จะมีการเข้ามาเจรจาเพื่อดึงคนของพรรคอนาคตใหม่ออกไป แค่นั้นเอง เพราะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดจะได้ไม่ต้องยุบสภาฯ แต่ถ้ายังไม่ได้เต็มที่นัก ก็อาจจำเป็นต้องยุบสภาฯ อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับคนในพรรค บางส่วนก็เป็นห่วงว่าพรรคจะโดนยุบหรือไม่อย่างไร เราก็อธิบายว่า จะยุบได้อย่างไร แต่หากจะยุบจริง ก็ค่อยดูตอนนั้น
สำหรับเรื่องการเตรียมการรองรับทางการเมือง หากอนาคตใหม่โดนยุบพรรคด้วยการตั้งพรรคสำรอง พลโทพงศกร-ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค อนค.ตั้งแต่แรก ระบุว่า เขามีอยู่แล้ว พรรคสำรองคือ หากเราไปกันเป็นกลุ่มก้อน ไปพร้อมกันหมด มีคนต้อนรับเยอะแยะไม่ต้องห่วง มีทั้ง 2 แบบ คือไปอยู่กับพรรคอื่นกับพรรคการเมืองที่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่มีชื่อพรรคอยู่แล้ว เราก็ไปได้ ได้ทั้งนั้น เรื่องนี้มันก็มีได้ ไม่มีปัญหา แต่ว่าเรายังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เพราะดูแล้วโอกาสที่จะโดนยุบมันยากมากในทางกฎหมาย นอกจากจะทำลายล้างกระบวนการยุติธรรมจริงๆ
....ก็มีเหมือนกันที่มีข่าวลือว่าแล้วกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะลาออกก่อนศาลตัดสินหรือไม่ เพื่อให้ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับถัดๆ ไปขยับขึ้นมา ในพรรคเราก็คุยกัน ก็มี ส.ส.ยกเรื่องนี้มาคุยกันในพรรค รวมถึงเรื่องพรรคสำรอง แต่ก็มีเสียงทักท้วงบอกว่าแล้วรู้ได้ยังไงว่าพรรคจะถูกยุบ เพราะดูแล้วเงื่อนไขมันไม่เข้าเลย ถ้าเข้ามันก็เป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่ตรงนั้นต้องรอดูอีกที หากดูแล้วว่ามันเข้าไปสู่การพิจารณาอย่างรวดเร็ว มีการลุกลี้ลุกลนผิดสังเกต ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เรายังไม่คิด เพราะหากไปคิดเรื่องพรรคสำรองก็แสดงว่าคิดว่าจะโดนยุบ แต่ในแง่ข้อกฎหมายดูแล้วมันไม่มี แล้วจะให้กรรมการบริหารพรรคไปลาออกจาก ส.ส.ทำไม เพราะหากลาออกแล้วคนใหม่เข้ามาแทน พูดง่ายๆ ก็คือ ก็ยังไม่เขี้ยวพอจะไปสู้กับเขา
-แต่กระแสพรรคไม่รอดโดนยุบคนพูดกันมาก?
แต่ก็ไม่เป็นไร สิ่งแวดล้อมวันนี้มันเปลี่ยนแล้ว ไม่เหมือนเดิม ชัดเจนว่า แบ็กอัพคุณไม่มีแล้ว พูดตรงไปตรงมา คนที่จะหนุนคุณข้างหลังไม่มีแล้ว มีแต่เครือข่ายของคนเก่าเท่านั้นเองที่ยังค้างอยู่ พวกคนเก่าที่เชื่อมโยงอยู่กับฝ่าย คสช.
-แบ็กอัพคือ?
แบ็กอัพคือ ก็คงไม่ต้องอะไร ก็ให้รู้ว่าผู้ใหญ่ไม่อยู่กันแล้ว
พลโทพงศกร กล่าวหลังเราถามถึงว่า หากพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ พรรคที่จะไปอยู่ใหม่ จุดยืน อุดมการณ์จะยังเหมือนอนาคตใหม่หรือไม่ โดยยืนยันว่าก็จะยังเหมือนเดิม เพราะเราหล่อหลอมมาด้วยกัน เพราะหากเป็นอย่างอื่นคุณจะไม่สามารถยืนได้ อย่าง ส.ส.เขต หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้าคุณเปลี่ยนอุดมการณ์ ก็คือคุณไม่มีจุดยืน เช่น หากคุณเป็น ส.ส.เขตแล้วเกิดไปเปลี่ยนอุดมการณ์ ไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น ผมถามว่าพรรคการเมืองอื่นที่รับคุณไป เขาจะให้น้ำหนักคุณหรือไม่ จะเห็นคุณมีน้ำยาหรือไม่ ก็ไม่มี (เน้นเสียงหนักแน่น)
...เพราะหนึ่งคุณไม่ใช่ฐานเสียงเก่าที่มีหัวคะแนนแบบเขา แต่คุณมาได้ด้วยคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ หากคุณไปอยู่แบบนั้น ก็กลายเป็น Nobody เลย คนไม่มีความหมาย คุณก็อยู่ได้แค่ช่วงนี้ก่อนยุบสภาฯ เท่านั้น พอมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น คุณก็หมดความหมาย แล้วยิ่งมาทำแบบนี้ เสียงในพื้นที่ยิ่งหมดเลย
-หากพรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นหากอนาคตใหม่โดนยุบ จะมีการปรับแนวทางทำการเมืองของพรรคให้ซอฟต์ลงเพื่อให้อยู่ได้ จะได้อยู่เป็น?
ไม่มีประโยชน์ แบบนั้นก็สู้อยู่พรรคอื่นดีกว่า ถ้าจะทำแบบนั้น เพราะหากทำ คุณก็จะหมดความหมาย คนก็จะไม่สนับสนุน เขาก็จะไปเลือกพรรคอื่นดีกว่า แล้วยิ่งหากไม่มีหัวคะแนนด้วย ก็ยิ่งตายเลย คุณไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน ไม่มีเงิน คุณจะไปทำซอฟต์แบบเขาไม่ได้ จะต้องมีจุดยืนหนักแน่น แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าเราเอง อนาคตใหม่ ก็ไม่เคยทำอะไรที่ก้าวร้าว และหากต้องมีพรรคใหม่ ก็ต้องไม่ก้าวร้าวเหมือนกัน ต้องว่ากันด้วยเหตุด้วยผล ข้อเท็จจริง
...จะบอกว่าต้อง soft หรือไม่ soft ลง ผมว่าปกติเราก็ soft อยู่แล้ว เราก็มีการกำชับกัน เราไม่พูดด่าใครเลย เพียงแต่ว่าวิธีการที่เราทำหนักแน่นและมั่นคง ไม่เอียงไปในทางที่คุณต้องการให้เราไป เขาถึงบอกว่าเราหัวแข็ง ซึ่งเราต้องหัวแข็ง เพราะหากไม่หัวแข็งแล้วจะเป็นตัวแทนประชาชนได้ยังไง เขาถึงไม่สบายใจ
-หากสุดท้ายไปถึงขั้นนั้น ต้องไปอยู่พรรคการเมืองตั้งใหม่โดยไม่มีธนาธร ไม่มีปิยบุตร พลังของพรรคใหม่นั้นจะลดลงไปจากเดิมหรือไม่?
ก็ให้คนรุ่นใหม่เขาบริหารไป แต่เราก็อาจให้คำปรึกษาได้ แล้วธนาธรเขาก็จะยิ่งชอบใหญ่ คราวนี้จะลงพื้นที่ใหญ่เลย ยิ่งหนักขึ้นไปกว่าเดิมอีก แล้วนโยบายที่พรรคเคยหาเสียงไว้ ถึงตอนนี้เราเข้ามา เราทำจริงหมด ขณะที่บางพรรคการเมืองเข้ามาแล้วก็มาทำแบบครึ่งๆ กลางๆ บางพรรคการเมืองเคยบอกจะให้เงินกี่บาท แต่จริงๆ ไม่ได้สักบาท หรือให้แค่ 4-5 บาท มันกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง แต่ของเรา เราทำตามที่เคยพูดไว้ทุกคำ ทุกนโยบายเราทำหมดเท่าที่เราทำได้ ดังนั้นประชาชนก็จะรู้ว่าพรรคเราพึ่งพาได้
ถามถึงกระแสข่าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะมารับไม้ต่อจากธนาธร ในการนำทัพพรรคใหม่หากอนาคตใหม่โดนยุบ พลโทพงศกร ออกตัวว่า อันนี้ไม่ทราบ แต่เขาก็เหมาะ เขาเป็นคนรุ่นใหม่ เขาเป็นคนที่ไม่ทนกับเรื่องเก่าๆ แต่เราไม่ได้บอกว่าเก่าไม่ดี แต่หมายถึงการฮั้วกัน แล้วก็มาเอารัดเอาเปรียบประชาชน ซึ่งเราคงทนไม่ได้ โดยที่ยังมีทางออกดีๆ อีกเยอะที่จะอยู่ร่วมกันได้ ทั้งคนเก่าและคนใหม่
เราไม่ได้บอกว่าพวกอนุรักษ์ไม่ดี คุณอนุรักษ์ได้ แต่เราก็เอาของใหม่ไปใส่ อย่างเกาหลีใต้ ในเรื่อง ”แดจังกึม” เขาอนุรักษ์เรื่องอาหารการกิน เรื่องวัฒนธรรม แต่ทำด้วยระบบใหม่เพื่อให้เข้ากับตลาด โดยของเก่าก็อยู่ได้ ของใหม่ก็ได้เงิน ต้องคิดแบบนั้น ไม่ใช่ว่าของใหม่มา แล้วจะมาทำลายทิ้งให้หมด แล้วตัวเองก็ไม่มีปัญญาไปโฆษณาให้คนเขาซื้อ คุณก็แห้งตายไป แล้วจะมีประโยชน์อะไร
ศาล รธน.ไม่ควรรับคำร้อง
ต้องรอ 5 ตุลาการชุดใหม่ตัดสิน
พลโทพงศกร บอกว่า มติของ กกต.ที่เอาผิดให้ยุบพรรคครั้งนี้ คนในพรรคอนาคตใหม่ไม่มีใครแปลกใจเลย เพราะว่าทั้ง กกต.และองค์กรอิสระได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งเข้ามาโดย คสช.ทั้งนั้น นี่คือความจริง แต่แน่นอนว่าอาจมีบางส่วนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาโดย คสช. แต่ว่ามันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับ คสช.ในส่วนที่คุณได้รับการแต่งตั้ง จึงแปลว่าการขัดกันด้วยผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าง คสช.กับนายกฯ ปัจจุบัน กับพรรคการเมืองปัจจุบันที่สนับสนุนนายกฯ กับองค์กรอิสระต่างๆ มันมีอยู่
ผมจึงอยากเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภารีบพิจารณา เรื่องการให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบรายชื่อว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่จำนวน 5 คนที่อยู่ในวาระการพิจารณาของวุฒิสภา นำมาพิจารณาได้แล้วเพราะกระบวนการสรรหาคัดเลือกเริ่มมาตั้งแต่กลางปี จนถึงตอนนี้ปลายปีแล้ว เพราะเหตุใดจนถึงขณะนี้การพิจารณาต่างๆ คุณสมบัติของผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนานขนาดนั้นเชียวหรือ เขาไม่ใช่นักโทษ ไม่ใช่คนที่ไปประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เขาเป็นคนมีชื่อเสียงทางสังคม แล้วการคัดเลือกตามกฎหมาย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากสายต่างๆ ก็มีการตั้งมาตรฐานและคุณสมบัติไว้สูง แต่เหตุใด ส.ว.ถึงตรวจสอบคุณสมบัตินานขนาดนี้ ในเมื่อมีรายชื่อส่งมาห้าคน หากพิจารณาตรวจสอบแค่วันละคนหรือสัปดาห์ละหนึ่งคน ห้าสัปดาห์ก็เสร็จแล้ว แล้วทำไม ส.ว.ใช้เวลานานขนาดนี้ มีเจตนาหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
-เป็นเพราะเขาต้องการให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ให้เสร็จเสียก่อน?
เพราะคุณมีผลประโยชน์ทับซ้อนไง เรายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เรายังเชื่อมั่น ศาลฎีกา ศาลปกครอง ที่ว่าส่งตุลาการมาทำหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับคสช. เราจึงจะมีความมั่นใจในความยุติธรรม เมื่อท่านต้องการให้เกิดความยุติธรรม ก็ควรให้ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของทั้งสองศาล ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
“เพราะเมื่อมีความยุติธรรม มันก็จะมีความสงบเรียบร้อย แต่ถ้าคุณไม่เชื่อในความยุติธรรม มันก็เกิดความไม่สงบ ไม่เกิดความปรองดอง อย่างที่คุณพยายามพูด”
-สมัย คสช.และ สนช.ก็เคยมีการคำสั่งมาตรา 44 และเขียนในกฎหมายประกอบ รธน.เพื่อต่ออายุให้ตุลาการศาล รธน.ปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อ?
ประเด็นอยู่ตรงนั้นเลย แล้วยังมีพวกองค์กรอิสระว่าเป็นคนของใครอีก ซึ่งเราก็ไม่อยากพูดถึงตรงนั้น แต่อยากให้รู้ว่าสุดท้ายผลประโยชน์ทับซ้อนมันมีอยู่
-มติ กกต.ออกมาวันพุธให้ยุบอนาคตใหม่ ถัดจากนั้นอีกสองวัน กกต.ก็ส่งคำร้องให้ศาลรธน. มองว่ามีความต้องการให้ยุบพรรคอนาคตใหม่โดยเร็วหรือไม่?
ก็เป็นความต้องการ ก็เป็นอย่างข่าวลือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ไม่รู้ใครลือใคร เช่นข่าวลือว่าต้องการให้เสร็จภายในปีนี้ให้ได้ อันนี้ก็จะต่อไปอีก ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าคุณกำลังคิดว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ควรจะมีพรรคอนาคตใหม่ ถ้ามองแบบนี้แสดงว่าคุณตั้งใจยุบสภาแล้ว ต้องการจะรีบยุบพรรคเพื่อจะได้ยุบสภา แล้วจะได้เลือกตั้งใหม่หรือเปล่า จริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นคุณจะรีบเร่งไปทำไม การต้องการให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ผมก็ไม่รู้เหตุผล มันก็มีความเป็นไปได้ คือหากลาออกแล้วกลับเข้ามาอีก ก็เฉยๆ ใช่ไหม ซึ่งอนาคตใหม่จะอยู่หรือไปก็ไม่มีอะไรเพราะเสียง ส.ส.เราไม่ได้มีมาก แต่ถ้าให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้วคนคาดหวังว่า หลังเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่จะมาด้วยเสียง ส.ส.ที่มากกว่าเดิม นั่นแหละคุณถึงกลัว เพราะเลือกตั้งคราวหน้าอนาคตใหม่จะมามากกว่าเดิมเกินร้อยแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงต้องการกำจัดก่อน แล้วคุณจะรีบยุบสภาเพราะกำลังจะมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ คุณจะทำตัวแบบป๋าเปรม (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) ก็คือยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ อันนี้ก็เป็นประเด็น เพราะเห็นว่าจะเดินตามรอยพลเอกเปรม
พลโทพงศกร ย้ำว่า การพิจารณาคดีคำร้องดังกล่าวต่อจากนี้ในชั้นศาล รธน. เราเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ แต่บุคลากรที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุดและผู้ทรงคุณวุฒิ ควรได้รับการเลือกแต่งตั้งเข้าไปโดยสง่างามและยุติธรรม โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับ คสช.ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้าไม่มีเราก็สบายใจกันทุกฝ่าย โดยไม่ว่าผลออกมาอย่างไร จะผิดหรือถูกก็ว่าไปตามนั้นเลย เรายินดี แต่ขอให้เป็นบุคลากรที่เราไม่รู้สึกกินแหนงแคลงใจว่ามีความเกี่ยวข้องกับ คสช.โดยตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีเราก็สบายใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก ก็จบ
ถามถึงว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาล รธน.ควรให้โอกาสพรรคอนาคตใหม่สู้คดีหรือไม่ เช่นการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนแล้วเรียกฝ่ายผู้ถูกร้องไปชี้แจง เพราะก็มีข่าวบางกระแสบอกว่าศาล รธน.อาจพิจารณาแค่ข้อกฎหมายแล้ววินิจฉัยเลยแบบกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ พลโทพงศกร ตั้งคำถามกลับมาว่า หมายถึงจะไม่ถามอะไรเลยแล้วรีบเร่งเลยหรือ? ผมมองว่าไม่ต้องพิจารณา ควรต้องเปลี่ยนตัวองค์คณะตุลาการศาล รธน.ก่อน ถูกต้องที่สุด ยุติธรรมที่สุด เพราะหากองค์คณะเป็นที่เคลือบแคลงเสียแล้ว คนก็ไม่มั่นใจ
...ถึงแม้ว่าตัดสินดีอย่างไรก็ตาม มันมีทุกฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็ว่าผิด ฝ่ายหนึ่งก็ว่าถูก มันก็จะเกิดความเคลือบแคลงทั้งสองฝ่าย สู้เปลี่ยนองค์คณะเลยดีกว่า ดีที่สุด แล้ววุฒิสภาก็รีบพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ห้าคน เพราะถึงตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เราอยากได้องค์คณะใหม่ ความยุติธรรมถึงจะเกิด เอาง่ายๆ เลย ก็อยากดูว่าจะกล้าหรือไม่
-ก็คือศาล รธน. โดยเฉพาะเสียงข้างมากห้าคนที่กำลังจะหมดวาระ ไม่ควรมีส่วนร่วมในการพิจารณาคำร้องคดียุบพรรคอนาคตใหม่?
ก็รับแล้วเก็บไว้ก็ได้ แล้วจะมีข้อเสนอก็ได้ แต่ไม่ควรออกมาวินิจฉัย ควรรอให้ตุลาการศาล รธน. 5 คนชุดใหม่เข้ามาจะดีกว่า มันจะดีกับทุกฝ่าย ดีต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่งด้วย
ส่องสำนวนยุบพรรค อนค.
เหตุล้มล้างการปกครอง
นอกเหนือจากคดียุบอนาคตใหม่จากเรื่องเงินกู้ 191 ล้านบาทแล้ว ในชั้นศาล รธน.ปัจจุบันก็ยังมีคำร้องยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่โดยณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยอ้างเหตุผลว่ากรรมการบริหารพรรคและพรรคอนาคตใหม่มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง
เรื่องดังกล่าว พลโทพงศกร-รองหัวหน้าพรรค อนค. มองว่า ก็จะตามมาเรื่อยๆ ถ้าอันนี้ (คดีเงินกู้) ไม่ได้ คำร้องคดีนี้ก็จะตามมา ก็เป็นธรรมดาของทางการเมืองที่พยายามจะไม่ให้มีพรรคนี้อยู่ เพราะพรรคนี้เป็นพรรคการเมืองที่มีความแตกต่างจากพรรคอื่นๆ เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะมาต่อรองทางการเมืองได้ง่ายนัก
“พูดง่ายๆ มีจุดยืนหนักแน่น การเจรจาต่อรองอะไรมันยาก ดังนั้นสู้ทำลายทิ้งไปให้หมดเรื่องเสียจะดีกว่า แต่อย่าลืมนะว่าท่านกำลังทำลายความหวังของเยาวชน ทำลายความหวังของการเมืองใหม่ ทำลายความหวังของการที่เราจะมีการเมืองที่มีประสิทธิภาพสูง”
...อนาคตใหม่ไม่ได้ยกยอตัวเอง แต่เราพยายามแสดงการเมืองใหม่ให้เห็นว่า การทำการเมืองให้ประชาชน เราสามารถทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้วาทศิลป์มากเกินไป ไม่จำเป็นต้องพูดจาโจมตีกันมากนัก แต่เราพูดด้วยเหตุผลและข้อมูล มันจะได้เหมือนต่างประเทศเขา เพราะพรรคอนาคตใหม่นำเสนอสิ่งที่ประเทศในยุโรปทำ เป็นสิ่งใหม่ ซึ่งหากยอมรับสิ่งนี้มันก็จะเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับประเทศ และตอนนี้ทราบว่าหลายพรรคการเมืองก็ปรับตัวและต้องการจะทำแบบพรรคอนาคตใหม่เพราะเห็นว่าดี หลายพรรคก็พยายามทำอยู่ แม้แต่พรรคอย่างเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ขออนุญาตเอ่ยนาม ก็ยังเคยพยายามจะมาคุยกับเราด้วยซ้ำไปว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งเป็นข้อดี แต่หากท่านพยายามจะทำลายทิ้งเสีย มันก็จะกลับไปเหมือนเดิม กลับไปเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน เสร็จแล้ว ก็จะอยู่กันด้วยการโจมตีด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะคนไม่เห็นตัวอย่าง ไม่เห็นความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลเองก็ไปทำได้
อย่างประชาธิปัตย์ที่อยู่รัฐบาล ก็เปลี่ยนแนววิธีการดำเนินการในการพูดในสภา มันเป็นข้อดี ทำไมคุณไม่รักษาไว้ เพราะคุณกลัวคนรุ่นใหม่หรือ แต่รู้ได้อย่างไรว่าทำลายพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว คนรุ่นใหม่เขาจะเปลี่ยนความคิด เพราะความคิดนี้มันปักธงไปแล้ว คนเข้าใจแล้วว่าสิ่งดีคืออะไร เขาคิดไปแล้ว เขารู้ไปแล้ว คุณจะทำลายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อคุณ เพียงแต่ว่าในอนาคตเขาจะหมดความหวังกับการเมืองไทย แล้วเขาจะตีตัวออกห่าง แล้วเขาจะดำเนินชีวิตของเขาเอง การเมืองแบบเก่าอาจมีความสุขที่จะได้อยู่กับงบประมาณ มีความสุขกับการอภิปรายในสภาเล็กๆ น้อยๆ แต่การขับเคลื่อนของประเทศมันจะสูญหายไป มันไม่เกิดการขับเคลื่อน ซึ่งมันน่าเสียดาย
ถามถึงสำนวนคำร้องคดียุบพรรคด้วยข้ออ้างมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง พลโทพงศกร มองว่า คำร้องดังกล่าวประเด็นที่ยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ก็พอๆ กับคดีเงินกู้ คือในแง่กฎหมายมันไม่ได้ แต่พอที่ไปใช้ความเชื่อเพราะศาลรัฐธรรมนูญก็ใช้ความเชื่อได้ อันนี้คือปัญหา เขาอาจจะเชื่อก็ได้ เราก็ไม่รู้ ถ้าเขาดูพวกคลิปใต้ดินเขาอาจจะเชื่อ
ส่วนกรณีที่ผู้ร้องมีการให้เหตุผลยื่นยุบพรรคอนาคตให ม่เพราะพรรคใช้ถ้อยคำในข้อบังคับของพรรคว่า "ยึดหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ" สะท้อนว่า "ไม่ยอมรับในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ประเด็นดังกล่าว พลโทพงศกร ให้ความเห็นว่า ก็ในข้อบังคับบอกว่าจะทำตามรัฐธรรมนูญ แล้วรัฐธรรมนูญเขียนไว้ไหมว่าจะคุ้มครองสถาบัน มีใช่ไหม แล้วทำไมเขาจะต้องไปเขียนให้ยาวๆ ทำไมจะต้องไปโหนสถาบัน เขาก็บอกแล้วว่าทำตามรัฐธรรมนูญ ก็รัฐธรรมนูญมีอยู่แล้ว ใช่ไหม แต่ที่มาพูดกันทุกวันนี้ถามจริงๆ ว่ารักสถาบันจริงหรือไม่ ถ้ารักสถาบันต้องเทิดทูน อย่าดึงมาใช้ ศัพท์เก่าเขาเรียก อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน คำนี้มีมานานแล้ว คุณอย่าทำสิ
-ในคำร้องเรื่องนี้มีการอ้างเรื่องในอดีตเขียนไว้ในเอกสาร เช่นคลิปการเสวนาของปิยบุตร แสงกนกกุล สมัยเป็นนักวิชาการ หรือกรณีธนาธรเคยมีส่วนร่วมในการทำหนังสือฟ้าเดียวกัน?
แล้วนิตยสารฟ้าเดียวกันโดนจับหรือไม่ ก็ยังพิมพ์ขายอยู่ แล้วเป็นอย่างไร แปลกไหม เขามีมานานแล้ว แต่ปัญหาก็คือมาบอกว่าเขาล้มล้าง อ้างอะไรต่างๆ แล้วโดนจับไหม ก็ไม่โดน ก็ยังขายอยู่เป็นปกติ เป็นเรื่องปกติของการให้ความคิดของเขา แบบนี้หากไม่มาพูดในทางเดียวกับคุณ คือเขาไปพูดในภาษาอื่น แล้วคุณบอกว่าเขามีอะไรกับสถาบัน แสดงว่าเขามีปัญหา ปัญหาตรงไหน ปัญหาตรงที่ว่าการที่ไม่ใช่พวกคุณ กลายเป็นพวกล้มล้าง อะไรที่ไม่ใช่พวกคุณกลายเป็นพวกล้มล้าง แปลว่าพวกคุณเป็นพวก เทิดทูนสถาบันอยู่พวกเดียวหรือ คนอื่นไม่รักใช่ไหม มีแต่พวกคุณใช่ไหมที่รัก แล้วจริงๆ สถาบันทุกคนก็เทิดทูนทั้งนั้น แต่คุณนำมาใช้ทางการเมืองอันนี้อันตราย
ข้องใจโยง อนค.กับลัทธิชังชาติ
พลโทพงศกร-ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ ยังให้ความเห็นถึงกรณีบางกลุ่มเช่นฝ่าย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านลัทธิชังชาติ และมีการระบุพฤติการณ์ของกลุ่มลัทธิชังชาติออกมา เช่น กลุ่มที่มีแนวคิดแบบปฏิกษัตริย์นิยม ที่มีการมองกันว่าพุ่งเป้ามาที่ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ และเริ่มเดินสายพบกับประชาชนหลายเวที โดย พลโทพงศกร-อดีตรองเลขาธิการ สมช. ตั้งประเด็นขึ้นมาว่าต้องถามก่อนว่า "ชาติ" คืออะไร ซึ่งชาติเขามีนิยามไว้ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้คือ 1.ต้องมีอาณาเขต 2.มีอำนาจอธิปไตยคือไม่เป็นเมืองขึ้นของใครเขา 3.มีรัฐบาล และ 4.มีประชาชน
ดังนั้นชาติคือประชาชน ประชาชนคือชาติ ดังนั้นถ้าพรรคอนาคตใหม่แสดงความรังเกียจประชาชน รังเกียจความเป็นอธิปไตย คือพยายามจะไปเป็นเมืองขึ้นเขา หรือบอกว่าอาณาเขตเราไม่ดี ให้คนอื่นไปดีกว่า แบบนี้คือ "ชังชาติ" ก็ต้องมาบอกว่าองค์ประกอบทั้งหมด มีเรื่องไหนที่คุณบอกว่ามีการชัง เช่น ชังประชาชนหรือ หากชังประชาชน ประชาชนเขาไม่เลือกมาอยู่แล้ว หรือชังรัฐบาลหรือ หากชังรัฐบาล ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ ไม่มีอำนาจอธิปไตย ต่างชาติก็เข้ามายึด ถ้าจะบอกว่าชังชาติก็ต้องมาดูสี่องค์ประกอบนี้ก่อน
...พรรค อนค.เราไม่มี เรามีแต่จะสร้างชาติให้เข้มแข็ง จะทำอย่างไรให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ทำให้ประชาชนมีสวัสดิการที่สามารถอยู่รอดได้ เราทำเพื่อประชาชนทั้งนั้น ก็แสดงว่าเรารักประชาชน เราอยากให้มีกองทัพที่เข้มแข็ง มีทหารที่แข็งแรง ดังนั้นเมื่อเรารักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้ เราจึงรักชาติ จริงไหม ก็ครบหมดทุกองค์ประกอบของชาติ ก็ต้องถามกลับไปว่าแล้วเขานิยามชาติว่าอะไร คือใคร หรือเป็นเพราะตัวเขาที่พอคนไปว่าตัวเขา ก็มาบอกว่ามาต่อว่าชาติ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวต่อต้านลัทธิชังชาติดังกล่าว สุดท้ายคงไม่นำมาสู่ความขัดแย้งอะไร เพราะต้องดูจากกระแสตอบรับฝ่ายเขา มีแค่ไหน เอาแค่นั้นพอ.
ใครที่ไม่ทน ใครที่เบื่อ อยากจะระบาย มาระบายตรงนี้ มายืนตรงนี้ให้เห็นว่าเราคือพวกเดียวกัน พวกที่ทนไม่ไหวกับความอยุติธรรมทั้งหลาย แล้วก็จบ ไม่มีอะไรพิสดาร จะไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนม็อบแดง ม็อบเหลือง หรือ กปปส. ไม่ใช่แบบนั้น...มันจะวุ่นวายหรือไม่วุ่นวาย มันไม่เกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ มันเกี่ยวกับความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม เพราะทุกที่ในโลกนี้ ถ้าไม่มีความยุติธรรมมันไม่มีความสงบ...แต่ว่าจุดจบหรือว่าการเดินจะต่างจากอดีต ไม่เหมือนเดิม ทุกอย่างเวลามันเปลี่ยนแปลง มันจะมีความรวดเร็วเพราะคนเข้าใจแล้วว่าการสู้ในระบบปกติทำไม่ได้ เขาก็จะว่ากันเอง
เราอยากได้องค์คณะใหม่ ความยุติธรรมถึงจะเกิด...ก็รับแล้วเก็บไว้ก็ได้ จะมีข้อเสนอก็ได้ แต่ไม่ควรวินิจฉัย ควรรอให้ตุลาการศาล รธน. 5 คนชุดใหม่เข้ามาจะดีกว่า มันจะดีกับทุกฝ่าย ดีต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |