ภาพ : เรือวางท่อส่งก๊าซกำลังทำงาน
ที่มา : https://www.gazprom.com/projects/nord-stream2/
อียูต้องการรัสเซียที่เข้มแข็งมากพอที่จะต้านสหรัฐและเป็นมิตรกับตน แม้อีกด้านอียูเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐ เป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท Gazprom ของรัสเซียกับบริษัทของเยอรมัน และอีกหลายประเทศ สร้างท่อส่งก๊าซจากรัสเซียที่ลอดทะเลบอลติกขึ้นฝั่งที่เมือง Greifswald ประเทศเยอรมนี รวมระยะทาง 1,200 กิโลเมตร สามารถส่งก๊าซจากรัสเซียสู่เยอรมนีปีละ 55,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อรวมกับ Nord Stream (อันเดิม) จะส่งก๊าซถึง 110,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า (2020) ทำให้เยอรมนีกลายเป็นศูนย์พลังงานแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันตก
การเชื่อมต่อตรงระหว่างรัสเซียกับเยอรมนีหมายถึงโอกาสที่จะถูกปิดกั้นระหว่างทางน้อยลงด้วย
มุมองสหรัฐ VS เยอรมนี :
ฝ่ายสหรัฐให้เหตุผลว่าหากเยอรมนีหรืออียูนำเข้าก๊าซจากรัสเซียเท่ากับผูกโยงพึ่งพาเศรษฐกิจการเมืองกับรัสเซียมากขึ้น
รัฐบาลรัสเซียชี้ว่าเหตุที่สหรัฐพยายามขวางก็เพราะหวังเป็นผู้ขายก๊าซแก่อียูเสียเอง จึงพยายามใช้อิทธิพลข่มขู่กดดัน อ้างสารพัดเหตุผลเพื่อไม่ซื้อก๊าซรัสเซีย เป็นเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐพูดแบบอ้อมๆ แอ้มๆ ปัญหาคือก๊าซที่ขนส่งข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากสหรัฐมีต้นทุนสูงกว่ามาก ความปลอดภัยต่ำกว่า ดังนั้นในแง่ราคาและความปลอดภัยก๊าซจากรัสเซียจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เป็นความจริงที่ยากจะโต้แย้ง
แม้ความจริงเป็นเช่นนั้น รัฐบาลสหรัฐไม่วายที่จะต่อต้านและรุนแรงมากขึ้น เมื่อวันอังคาร 17 ธันวาคม รัฐสภาผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรบริษัทเยอรมันที่เกี่ยวข้องกับการสร้างท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2
ไฮโค มาส (Heiko Maas) รมต.ต่างประเทศเยอรมนีชี้ว่าเรื่องจะซื้อก๊าซจากรัสเซียหรือไม่เป็นเรื่องของยุโรป ประเทศอื่นไม่มีสิทธิแทรกแซง ไม่กี่วันต่อมานายกฯ แมร์เคิลยืนยันว่ารัฐบาลเยอรมันจะไม่ยอมจำนนต่ออำนาจรัฐบาลสหรัฐ หลังรัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรบริษัทเยอรมัน ย้ำว่าเป็นเรื่องของอธิปไตย เยอรมนีจะไม่ละทิ้งนโยบายซื้อก๊าซจากรัสเซีย
รัฐบาลเยอรมันอธิบายว่าตนนำเข้าน้ำมันก๊าซธรรมชาติจากหลายประเทศ รัสเซียเป็นอีกแหล่ง เป็นไปตามหลักความมั่นคงทางพลังงาน ใช้พลังงานหลากหลาย นำเข้าพลังงานจากหลายแหล่ง
ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่ารัฐบาลสหรัฐดำเนินนโยบายปิดล้อมรัสเซีย อุตสาหกรรมน้ำมันก๊าซธรรมชาติเป็นรายได้หลักของรัสเซีย การสกัดกั้นท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 จึงเป็นเรื่องสำคัญ การปล่อยให้เยอรมันหรือยุโรปซื้อใช้ก๊าซรัสเซียเท่ากับบั่นทอนนโยบายปิดล้อม
ในขณะที่ฝ่ายยุโรปมีผลประโยชน์ของตนเองที่ต้องเก็บเกี่ยวทั้งจากสหรัฐกับรัสเซีย
ยุโรปเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐมายาวนาน ได้ผลประโยชน์มากมายจากการนี้ แต่ต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากรัสเซียด้วย ผลประโยชน์เศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ
ฝ่ายสหรัฐมองรัสเซียเป็นปรปักษ์สำคัญในฐานะเป็นมหาอำนาจทำนองเดียวกับจีน ที่มีโอกาสท้าทายอำนาจสหรัฐจึงต้องปิดล้อมให้มากที่สุด พยายามกดดันให้ยุโรปเลิกซื้อเลิกติดต่อค้าขายกับรัสเซีย ประเด็นที่ย้อนแย้งคือหากรัสเซียเป็นปรปักษ์ตัวร้ายต่อนาโต ทำไมสหรัฐยังคงค้าขายกับจีนทั้งที่จีนเป็นปรปักษ์สำคัญเช่นกัน และอาจท้าทายมากกว่ารัสเซียด้วย
การที่รัฐบาลทรัมป์บรรลุข้อลงเบื้องต้นกับจีนเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ระงับการขึ้นภาษีสินค้าจีนระลอกใหม่ ลดภาษีสินค้าจีนบางรายการ แลกกับจีนจะซื้อสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจากสหรัฐคือตัวอย่างรูปธรรมว่ารัฐบาลทรัมป์ยังต้องการค้าขายกับจีนต่อไป ไม่ว่าทรัมป์จะเคยพูดโจมตีจีนสารพัดเรื่อง
การพยายามกดดันให้ยุโรปเลิกค้าขาย เลิกซื้อก๊าซจากรัสเซียจึงเป็นประเด็นย้อนแย้ง แสดงความเป็น 2 มาตรฐานของรัฐบาลสหรัฐอีกครั้ง หรือว่าทุกประเทศต้องเสียสละที่จะไม่ติดต่อค้าขายกับรัสเซียและจีน เว้นแต่สหรัฐที่ยังทำได้
ความคิดของอภิมหาอำนาจกับระบบโลก :
หลักนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ (ไม่ว่าเป็นรัฐบาลจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครต) คือการทำลายคู่แข่ง รัฐบาลสหรัฐจะทำลายทุกประเทศที่คิดแข่งอิทธิพล หรือมีทีท่ากำลังเติบใหญ่จะเป็นมหาอำนาจในอนาคต เป็นเหตุผลสำคัญที่สหรัฐกลัวรัสเซียกับจีนเป็นอย่างมากในขณะนี้
เพื่อรักษาความเป็นมหาอำนาจ ได้ประโยชน์สูงสุดจากระบบโลก ฝ่ายยุทธศาสตร์จะคิดเสมอว่ามีใครกำลังบั่นทอนผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่ทั้งปัจจุบันและอนาคต แนวทางนี้นำสู่การเล่นงานผู้ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูแต่เนิ่นๆ ตัวอย่างที่ดีคือการก้าวขึ้นมาของจีน รัสเซียในยุคปูตินดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
แต่สำหรับประเทศในกลุ่มอียูอย่างเยอรมนี ไม่คิดว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามร้ายแรง อย่างน้อยที่สุดไม่ใช่ยุคสงครามเย็น และแท้จริงแล้วอียูไม่ต้องการทำให้เกิดสงครามเย็นรอบใหม่อีกครั้ง เพราะพวกเขาได้รับผลกระทบด้านลบมากมาย สุ่มเสี่ยงต่อสงคราม รวมทั้งสงครามนิวเคลียร์ การอยู่ด้วยกันฉันมิตร ทำมาค้าขาย ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกจะไม่ดีกว่าหรือ
ในอีกมุมหนึ่งตีความได้ว่าอียูต้องการระบบโลกพหุภาคีมากกว่าเอกภาคี ต้องการระบบโลกที่มีชาติมหาอำนาจหลายประเทศที่อยู่ร่วมกัน ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เชื่อว่าวิธีนี้โลกจะสงบสันติมากที่สุด ตรงข้ามกับลัทธิเอกภาคี (มีอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว) ที่สนับสนุนยุทธศาสตร์การเป็นเจ้าของสหรัฐ ดังนั้น อียูต้องการรัสเซียที่เข้มแข็งมากพอที่จะต้านสหรัฐและเป็นมิตรกับตน ทำนองเดียวกับการสัมพันธ์กับจีนที่กำลังก้าวขึ้นมา แม้อีกด้านอียูเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐ
โดยสรุปแล้ว การที่อียูมีแนวทางไม่สอดคล้องกับสหรัฐในเรื่องนี้ เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างพยายามรักษาผลประโยชน์ของตน นำสู่นโยบายที่ขัดแย้งกัน (หรือไม่ตรงกันเสียทีเดียว) ซึ่งเป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เว้นเสียแต่อียูเป็นรัฐอาณานิคมสหรัฐ อียูพยายามปลดแอกไม่พึ่งพาสหรัฐมากจนเกินควร
มองอนาคตทั้งแบบใกล้กับไกล :
การผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรบริษัทที่เกี่ยวข้องกับท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นอีกมาตรการที่เป็นรูปธรรม หากการก่อสร้างท่อก๊าซยังดำเนินต่อไป เกิดการซื้อขายก๊าซระหว่างรัสเซียกับเยอรมนีผ่านท่อเส้นนี้ เป็นไปได้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรรุนแรงกว่านี้
อันที่จริงแล้วกระแสการคว่ำบาตรมีเรื่อยมาทุกประเทศรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การยืนกรานของเยอรมนีเท่ากับประกาศชัดว่าจะไม่ยอมรัฐบาลสหรัฐในเรื่องนี้ ได้ประเมินแล้วว่าน่าจะโดนเล่นงานอย่างไร นำสู่คำถามว่าเยอรมนีจะตอบโต้หรือไม่อย่างไร มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีกับสหรัฐหรือไม่
ล่าสุด นายกฯ แมร์เคิลกล่าวว่า แล้วเยอรมนีจะไม่ตอบโต้สหรัฐที่คว่ำบาตรบริษัทของตนล่าสุด เรียกร้องให้เจรจาหารือ คำถามอีกข้อคือในอนาคตรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ รัฐบาลเยอรมันจะอดทนได้นานเพียงไร หากเยอรมนีตอบโต้ สหรัฐจะโต้กลับหรือไม่ โดยเฉพาะรัฐบาลทรัมป์ที่มักใช้วิธีเจรจาแข็งกร้าว ตอบโต้อีกฝ่ายเสมอ เป็นไปได้ว่าทรัมป์จะขึ้นภาษีสินค้าตัวอื่นๆ ที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของอียู เช่น รถยนต์ของเยอรมนี ทำให้ความขัดแย้งบานปลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายประเทศกังวล
เนื่องจากชาติสมาชิกอียูบางประเทศไม่เห็นด้วยกับท่อส่งก๊าซนี้ตั้งแต่ต้น (เช่น โปแลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโรมาเนีย) โอกาสที่จะมีข้อมติจากอียูเพื่อตอบโต้สหรัฐจึงเป็นเรื่องยาก อีกทั้งฝ่ายสหรัฐคงมุ่งเล่นงานเยอรมนีมากกว่า คู่ขัดแย้งน่าจะจำกัดวง แต่หากมองมุมกว้างแน่นอนว่าเป็นอีกครั้งที่รัฐบาลสหรัฐกระทำการขัดผลประโยชน์ชาติยุโรป พยายามนำชาติอียูให้พึ่งพาสหรัฐ เป็นวิถีครองความเป็นเจ้า.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |