นายกฯ เล็งจัดกิจกรรม "วิ่งเพื่อแผ่นดิน" ทุกเดือนทุกพื้นที่ "บิ๊กแดง" แฉ "วิ่งไล่ลุง" มีนัยแอบแฝง มีผู้อยู่เบื้องหลัง สร้าง Proxy crisis ต่อสู้กับรัฐ วอนเคารพกติกา "นายพลส้มหวาน" โต้ผบ.ทบ.เชื่อมโยง อนค.หวังลดความน่าเชื่อถือ อ้างบอก ส.ส.ไม่ให้ร่วมวิ่งไล่ลุง ขณะที่ พท.ซัดบิ๊กแดงจุดไฟความขัดแย้งเสียเอง "วัฒนา" ประกาศหนุนม็อบอย่างเปิดเผยให้มารับเงินบริจาคได้ที่พรรค "สนธิ" ฟันธง "ธนาธร" ปลุกม็อบไม่ขึ้น เตือนกำลังเดินเข้ากับดักหลุมพราง "บิ๊กป้อม" ลั่นตนเองยังอยู่จะไม่มีปัญหาการคุมเสียงพรรคร่วม ยกเครื่อง พปชร.จัด "สุริยะ-สมศักดิ์-ไพบูลย์" เสริม กก.บห. แต่ยังไม่เปลี่ยนเก้าอี้เลขาฯ
เมื่อวันศุกร์ เพจเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” ได้เผยแพร่รายการ “Government Weekly EP.19” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับ 2 นักกีฬาทีมชาติไทย “น้องกัน” นายกันตภณ หวังเจริญ นักแบดมินตันทีมชาติไทย และ “น้องน้ำตาล” น.ส.วิชาสิรี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งทีมชาติไทย
โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับนักกีฬาทีมชาติไทยทั้งสองคนที่ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักจนประสบความสำเร็จ นับเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนไทย จากนั้นนายกฯ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกับเยาวชนทั้งสอง และได้ทดลองเล่นฮอกกี้ พร้อมกล่าวว่า “ไม้ก็หนักเหมือนกัน บางครั้งเห็นในต่างประเทศเอาไม้มาตีกันด้วย แต่เราจะเล่นแบบนั้นไม่ได้ เพราะนักกีฬาต้องรู้แพ้รู้ชนะเหมือนกัน อย่าเกเรกัน”
เมื่อถามว่านายกฯ มีแนวทางพัฒนากีฬาอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลยังพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เช่น วิ่งเทรล “วิ่งเพื่อแผ่นดิน” ซึ่งจัดไปแล้วที่ จ.กาญจนบุรี ช่วยส่งเสริมรายได้ ทำให้คนรู้จักประวัติศาสตร์ชาติไทยมากขึ้น และจะสั่งจัดขึ้นทุกเดือนในทุกพื้นที่
ที่โรงเรียนเสนาธิการทหาร พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงการเป็นประธานประชุมหน่วยขึ้นตรง (นขต.) วาระพิเศษ โดยมีผู้บังคับหน่วยระดับกองพันขึ้นไป ตั้งแต่ผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกทั่วประเทศว่า เป็นการประชุมตามวงรอบ ไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องพิเศษ เป็นการประชุมระดับผู้บังคับการ ผู้บังคับกองพัน และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก โดยจะเน้นย้ำว่าในขณะที่ประชาชนเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ทหารมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลความสงบเรียบร้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต้องทำงานร่วมกันในเทศกาลวันหยุดยาว ทั้งนี้ ขออวยพรให้ประชาชนมีความสุขในช่วงปีใหม่ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่คนไทยทุกคนมีความสุข เนื่องจากเป็นปีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
เมื่อถามว่า ในปีหน้าจะมีการชุมนุมจะดูแลอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า มันยังไม่เกิดขึ้น แต่ประเทศไทยผ่านวิกฤติมาหลายอย่าง แต่วิกฤติซึ่งตามภาษาอังกฤษเรียกว่า crisis (วิกฤติ) ในปัจจุบันนี้มองว่ามันเป็น Proxy (ตัวแทน) คือขณะเป็น Proxy crisis แค่ยังไม่ใช่ Proxy War (สงครามตัวแทน) หากพูดภาษาไทยตรงๆ ก็คือไม่ใช่สงคราม ซึ่งจะไปมองกันว่าเป็นการห้ำหั่นกัน แต่ Proxy crisis คือ วิกฤตการณ์ ที่มีคนบางคนอยู่เบื้องหลังไม่ออกมาสู้ โดยไม่สามารถต่อสู้กับภาครัฐได้โดยตรงก็ต้องมีการสร้างตัวแทนขึ้นมา ซึ่งอยากให้ลองไปหาอ่านกันเองว่า Proxy war หรือ Proxy crisis คืออะไร และสอดคล้องกับสถานการณ์เมืองไทยในขณะนี้
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวต่อว่า ที่สำคัญคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือฝ่ายใดก็ตาม รวมถึงฝ่ายการเมือง เราต้องเคารพกฎหมาย ถ้าตนทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับหลักการตัดสินในทุกๆ อย่าง ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องมีกฎหมายของตัวเอง เพื่อให้สอดคล้องวิธีขนบธรรมเนียมประเพณี ในเมื่อเรามีองค์กรกลาง องค์กรอิสระ ศาล ตุลาการ ก็ต้องเคารพ ถ้าวันนี้คนไทยไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้สถานการณ์ของประเทศแม้แต่ต่างชาติก็มองเราไม่ดี ว่าทำไมเรามีเลือกตั้ง และทุกอย่างเดินไปตามกลไก แต่สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ เนื่องจากเราไม่ยอมรับในเรื่องของกฎหมาย
มีคนอยู่เบื้องหลังวิ่งไล่ลุง
"คนที่อยู่เบื้องหลังมีอยู่หลายอย่าง ทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มี Proxy การเมืองเองก็มี Proxy ผมพูดแบบหลักวิชาการไม่ได้เจาะจงถึงสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง รวมถึงกล่าวถึงชื่อใคร แต่พูดให้ไปคิดกัน ส่วน Proxy เป็นการต่อสู้ทางความคิดในสังคมไทยหรือไม่นั้น ให้ลองไปดูว่าเป็น deception (การหลอกลวง) หรือไม่" ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า มีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า มาวิ่งอย่างนี้ดีกว่า เพราะในภูมิประเทศเพื่อแข่งขันกันหลายอย่าง แต่มีบางกลุ่มบางพวกวิ่งแบบมีนัยแอบแฝง ซึ่งหากวิ่งในเชิงสร้างสรรค์มาแข่งกันเหมือนกับต่างประเทศ แข่งกันระหว่างทหารข้าราชการพลเรือน ถือเป็นการทดสอบการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์
ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์ ว่าการออกมาพูดแบบนี้เป็นวิธีการที่แสดงออกว่ารัฐบาลรู้สึกไม่สบายใจที่จะมีการวิ่งไล่ เพราะว่าการมีประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมกิจกรรม จะทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ซึ่งระหว่าง ผบ.ทบ.และรัฐบาล จะส่งสัญญาณกันเอง แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พยายามจะโยงคือ พวกที่ออกมาวิ่งไล่ไม่ใช่ประชาชนบริสุทธิ์ และเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อลดความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหว
"ผมจึงบอก ส.ส.ในพรรคอนาคตใหม่ ว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนี้ เพราะให้การเคลื่อนไหวเป็นพลังบริสุทธิ์และขลังมากขึ้น พวกนักศึกษาถือเป็นพลังบริสุทธิ์ สมัย 14 ตุลาคม 2516 เรามีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พอช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมี ก็เที่ยวไปว่านักศึกษาว่าไม่ค่อยตื่นตัวทางการเมือง พอตอนนี้นักศึกษามาตื่นตัวทางการเมืองก็กลับมากลัว สรุปแล้วจะเอาอย่างไรกันแน่"
พล.ท.พงศกรกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้เป็นการรวมตัวของนักศึกษากันเอง เป็นความคิดของเด็กที่บริสุทธิ์ อย่าเอาเรื่องของการเมืองไปแปดเปื้อนเด็ก จึงขอให้เข้าใจเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ปกติไม่มีใครไปสั่งใครได้หรอก ลูกเรายังสั่งไม่ค่อยได้เลย เพราะฉะนั้นเด็กที่เป็นพลังบริสุทธิ์นี้เขาคิดเห็นอย่างไรก็แสดงออกแบบนั้น ปล่อยให้เด็กไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือเป็นแอคชั่นมันส์ๆ เรียกเรตติ้งปรกติของ ผบ.ทบ. จนคนสงสัยว่า ระหว่างภารกิจสนับสนุนรัฐบาลสืบทอดอำนาจกับงานในหน้าที่ผบ.ทบ.พัฒนากองทัพ ท่านแบ่งสัดส่วนการทำงานอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์อย่าพูดในลักษณะตีหัวเข้าบ้าน ตีกินทางการเมือง ถ้ามีข้อมูลอยู่จริง บอกชื่อมาเลยว่าใครอยู่เบื้องหลังสร้างสงครามต่อสู้รัฐ อย่ากล่าวหาคนอื่นโดยไม่รับผิดชอบ ทหารมืออาชีพต้องกลับเข้ากรมกอง อย่านำองค์กรทหารมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง จุดไฟความขัดแย้งขึ้นเสียเอง
"พล.อ.อภิรัชต์มาแล้วก็ไป องค์กรทหารต้องเป็นทหารมืออาชีพ รักชอบรัฐบาลไหน ก็ต้องระมัดระวัง ประเทศบอบช้ำ เพราะคนไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเองมามากแล้ว" นายอนุสรณ์ กล่าว
ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.อภิรัชต์แฉว่าวิ่งไล่ลุงมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้นเป็นแค่ Hate Speech หรือมุกฝืดๆ แบบเดิมๆ ที่รัฐบาลทหารทุกยุคนิยมใช้เพื่อดิสเครดิตคนคิดต่างจากรัฐบาลตั้งแต่ยุคสงครามเย็น อันที่จริงใครจะอยู่เบื้องหลังงานวิ่งไล่ลุงยังไม่สำคัญเท่า ผบ.ทบ.วางตัวทางการเมืองได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ ผบ.ทบ.ที่เอากองทัพมารับใช้พรรคการเมืองบางพรรค เพื่อส่งสัญญาณว่ามีทหารหนุนหลัง ทั้งยังส่งกำลังทหารไปคอยข่มขวัญและกดดันทีมงานของพรรคฝ่ายค้านทั่วประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการทำสงคราม Proxy War หรือ Proxy Crisis ตามทฤษฎีของ ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่
"เสี่ยไก่"บริจาคหนุนม็อบ
"ในส่วนของงานวิ่งไล่ลุงนั้น ต่อให้มีคนสนับสนุนเบื้องหลังอย่างที่ ผบ.ทบ.พูดจริงๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และไม่ทำอะไรที่กระทบสิทธิผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่อง ผิดต่างจากกรณี ผบ.ทบ. ซึ่งไม่มีสิทธิ์นำกองทัพมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้พรรคการเมืองใด เพราะผิดกฎหมาย และขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน การแสดงออกของประชาชนให้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปมองว่าเป็นภัยความมั่นคง เพราะนี่เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในชีวิตประจำวัน ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะชุมนุมเพื่อแสดงออกทางเมืองได้ตลอดเวลา อย่าไปใช้วิชามารเพื่อสกัดกั้นแบบโอเวอร์แอคชั่น เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังจะกลายเป็นการช่วยเรียกแขก ทำให้ม็อบยิ่งโตขึ้นด้วย ทั้งนี้ การสกัดม็อบ ที่ได้ผลชะงัดที่สุด และง่ายที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วรีบลาออกไปทันที รับรองว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นทุกด้าน" น.ส.สุณิสากล่าว
นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กองทัพและผู้นำไม่เคยรู้ถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เพราะการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 34 และ 44 การที่จะมีผู้สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือแสดงออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นการสนับสนุนกิจกรรมที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนั้น นอกจากผู้มาร่วมวิ่งจะได้กำลังแล้วยังเป็นการแสดงออกทางการเมืองให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป เพราะยิ่งอยู่นานบ้านเมืองยิ่งแย่ลง แบบนี้คือความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่สมควรได้รับการสนับสนุนและชมเชย
"ผมจึงขอแสดงตัวสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวอย่างเปิดเผย โดยจะขอบริจาคสมทบเป็นค่าใช้จ่าย ขอให้ผู้จัดงานช่วยประสานมายังผมได้ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อรับเงินที่ผมจะขอบริจาค เอากันแบบเปิดเผย จะได้ไม่ต้องมากล่าวหาว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอีก ฝากบอกลุงด้วยนะแดง" นายวัฒนากล่าว
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ไลฟ์สดถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ประกาศจะลงถนน โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวช่วงหนึ่งว่า คุณธนาธร ถ้าคุณจะสู้ คุณต้องผ่านอย่างพวกผมมาก่อน หรือคุณต้องผ่านอย่างจตุพร พรหมพันธุ์ หรืออย่างณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต้องเจอทุกอย่าง ทั้งคดีความ ปักหลักนอนเวทีพื้นหญ้า ชุมนุมกันเป็นปี ผมโดนลูกปืนมา 200 นัด คุณยังไม่เคยผ่านขั้นนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถามตัวคุณเองพร้อมจะสู้ไหม พร้อมจะควักหมื่นล้านมาสู้ไหม คุณก็ไม่พร้อม
การต่อสู้ครั้งนี้ผมไม่ดูถูก ถ้าคุณสู้ในระบบที่พวกเขาอยู่ในระบบ คุณมาสู้ในถนนก็ไม่ได้สู้จริง สู้แบบฉาบฉวย แบบดิจิทัลแฟลชม็อบ ก็กลับบ้านเลิก พอคดีเริ่มมาถึงแต่ละคดีๆ ไปเรื่อยๆ พอมีคดีอาญา คุณหรือคุณช่อ อ.ปิยบุตร เริ่มถูกศาลสั่งจำคุก เพราะผู้พิพากษาเขาก็ต้องว่าตามกฎหมาย คุณธนาธรครับ นรกอยู่ข้างหน้า เชื่อผม ผมผ่านมาหมดแล้ว ผมผ่านมาถึงจุดที่พวกเขาเชื่อว่าผมเป็นตัวอันตรายทำให้พวกเขาไม่สามารถกุมอำนาจได้ เขาถึงลงขันกันเพื่อยิงผม 200 นัด คุณยังไม่ถึงตรงนั้น
คุณยังมีครอบครัวธุรกิจอีกเยอะ คิดให้ละเอียด คิดให้ดีๆ มันมีวิธีทางสู้ มันมีวิธีเอาอุดมการณ์สู้ คุณได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่คุณคิด ที่อยากเปลี่ยนประเทศ มันป็นความฝันของหลายๆ คน แต่วิธีการคุณมันดูทำเพื่อตัวคุณเอง นั่นคือภาพที่คนอื่นเขามองคุณอยู่ในขณะนี้ ผมไม่ปฏิเสธพันธมิตรหลายคนก็เข้าร่วมกับคุณ กปปส.หลายคนก็เข้าร่วมกับคุณ แต่คุณสู้แบบนี้เหมือนคุณเอาหัวชนกำแพง เชื่อเถอะไม่ได้ผล
"ธนาธร"ติดกับดักหลุมพราง
"ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศอย่างมั่นคง ไม่มีใครล้มเขาได้ แสดงว่าเขาได้เตรียมการอะไรไว้บางอย่างแล้ว คนที่มีอำนาจรัฐกับคนที่ไม่มีอำนาจรัฐ คำตอบมันมีอยู่ในตัว ผมจึงเชื่อว่ามันจุดไม่ติด ถ้าจะสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็ต้องสู้ด้วยเลือด คำถามคือกล้าพอไหม ผม, จตุพร, ณัฐวุฒิ ผ่านมาแล้ว คุณเป็นคนที่มีอนาคต เลิกมีอัตตาในตัวคุณเองหน่อย ใช้เหตุใช้ผล ถ้าถูกปลดจากหัวหน้าพรรค ก็ใช้ ส.ส.ทั้งหมดที่คุณมีผลักดันพรรคในทิศทางที่ยืนบนอุดมการณ์ของตัวเอง มันมีหลายเรื่องที่คุณทำได้ วันนี้คุณกำลังเดินเข้ากับดักหลุมพรางที่เขาวางเอาไว้แล้ว จุดนั้นคุณจะต้องตายด้วยปากของคุณ และตายด้วยวิธีการของคุณ" นายสนธิระบุ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานเลี้ยงของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่รู้ว่าเรียกว่าชื่นมื่นหรือไม่ แต่ก็ดีมาตลอด ไปคิดอะไรกันมากไม่มีอะไรหรอก ไม่มีทะเลาะกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีปัญหาเรื่องเสียงในสภาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีหรอก เมื่อถามว่าจะทำให้เสียงในการอภิปรายราบรื่นดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต อย่าถามเรื่องอนาคต ใครจะไปรู้
เมื่อถามว่า น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ขับออกจากพรรค มาร่วมงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ชัดเจนแล้วว่าย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการรายงานหรือไม่ว่า ส.ส.อีก 3 คนจะมาอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สื่อไปหามาให้หน่อยซิ สื่อพูดก็ไปหามาให้
“ผมยังอยู่ ไม่เป็นปัญหา” พล.อ.ประวิตรกล่าวเมื่อถามถึงการควบคุมเสียงพรรคร่วมที่มีถึง 18 พรรค
เมื่อถามถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค พปชร.จะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหาร (กก.บห.) โดยเฉพาะเลขาธิการพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า แล้วแต่สมาชิกพรรค แต่ถ้าเขาทำงานได้ก็โอเค ไม่มีอะไรที่ผ่านมาไม่มีการจะเปลี่ยนอะไรเลย และตนก็ไม่จำเป็นต้องให้แนวทางอะไร เพราะเป็นเรื่องของสมาชิก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล มีคดีค้างอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คดีของเขาเป็นเรื่องของศาล ต้องรอให้สิ้นสุดกระบวนการก่อน ส่วนเรื่องการทำงานในฐานะวิปรัฐบาล ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะเขาทำงานดีอยู่แล้ว จะเปลี่ยนให้ป่วนทำไม และไม่จำเป็นต้องเพิ่มใครเข้ามา แค่นี้ก็แข็งอยู่แล้ว
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงการร่วมรับประทานอาหารค่ำระหว่าง ส.ส.และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยดี เชื่อว่าการทำงานระหว่างนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลจะดีขึ้น เพราะได้มีการพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้มีการพูดคุย เพราะบางครั้ง ส.ส.แต่ละคนทำงานอยู่ในสภา ต่างคนก็ต่างทำงาน ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน
พปชร.เสริมทัพ กก.บห.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ช่วงบ่าย นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค พปชร. และนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนและสมาชิกพรรค เดินทางมาเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง ต่อมาเวลา 16.15 น. นายสมคิดให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่สามัญ พปชร. ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ว่า ไม่ต้องจับตาอะไร เพราะไม่เกี่ยวกับตน เมื่อถามถึงกระแสข่าวเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคและเพิ่มกรรมการบริหารพรรค นายสมคิดกล่าวปฏิเสธอย่างอารมณ์ดีว่า “ไม่รู้ ผมทำงานอย่างเดียว พวกคุณเชื่อไหม”
ต่อมานายอุตตมให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวเปลี่ยนเลขาธิการพรรค พปชร. ว่าข่าวก็คือข่าว ไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่ต้น เมื่อถามอีกว่ามีข่าวว่าจะมีการเลื่อยเก้าอี้เลขาธิการพรรค นายอุตตม กล่าวว่า ไม่มีหรอก ความเห็นเราตรงกัน และในทางการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ซึ่งที่ประชุมที่ 21 ธ.ค.ไม่มีการเลื่อยขาเก้าอี้ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกอย่างราบเรียบ เมื่อถามย้ำว่าเก้าอี้นายสนธิรัตน์ยังแข็งแรงใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า ที่บอกว่าแข็งมันไม่ได้เรียกว่าเก้าอี้ มันเรียกว่าโซฟา เป็นโซฟานั่งด้วยกัน ไม่ใช่เก้าอี้ส่วนตัว
ขณะที่นายสนธิรัตน์กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคว่า ไม่มี เรื่องนั้นจบไปนานแล้ว เมื่อถามว่าที่บอกว่าจบไปนานแล้วคือเลขาธิการพรรคยังเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “พรุ่งนี้ลองไปตามดูสิครับ เจอกันพรุ่งนี้”
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญในวันที่ 21 ธ.ค. เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยแน่นอนว่า พล.อ.ประวิตร เข้าร่วมประชุมด้วย ขณะที่วาระการประชุมที่สำคัญๆ อาทิ การพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรค กก.บห. โดยเพิ่มเติมตำแหน่งใน กก.บห. และพิจารณาแต่งตั้ง กก.บห.เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมี กก.บห. 23 คน โดยมีรายงานข่าวว่าจะแต่งตั้งเพิ่ม รวมแล้วทั้งหมดประมาณ 30 คน ขณะที่ข้อบังคับพรรคกำหนดมี กก.บห.ได้ถึง 45 คน ขณะที่รายชื่อ กก.บห.ที่จะแต่งตั้งเพิ่มเติม อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา, นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส, นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง, นายวันชัย ปัญญาศิริ ส.ส.สงขลา, นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และนางประภาพร อัศวเหม สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น ซึ่งรายชื่อทั้งหมดอยู่ที่นายสนธิรัตน์แล้ว โดยจะรอที่ประชุมใหญ่พิจารณาอีกครั้ง
ขณะที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค ถึงเวลานี้น่าจะยังไม่มีการขยับเปลี่ยนตัว หลังมีกระแสข่าวจะเปลี่ยนจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท เมื่อ พล.อ.ประวิตรออกมายืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ปรับเปลี่ยน และมีการส่งสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลยังไม่อยากให้มีการเปลี่ยนตัวกลางคันท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน หลังนายสนธิรัตน์เข้าพบนายกฯและ พล.อ.ประวิตร
จี้อนค.ขอโทษ4งูเห่า
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ปล่อยให้มีการนำตุ๊กตาสัตว์ติดรายชื่อ 4 ส.ส.ที่พรรคมีวาระการประชุมเพื่อขับไล่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในวันดังกล่าวตุ๊กตาสัตว์ที่ติดรายชื่อ 4 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ถูกนำออกมาวางก่อนการประชุมพรรค น่าแปลกใจที่พรรคอนาคตใหม่ปล่อยให้มีการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชน ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นภายในตึกอาคารไทยซัมมิทที่ใช้เป็นที่ทำการพรรคและการประชุมพรรคได้อย่างไร ทั้งที่พรรคอนาคตใหม่อ้างตัวว่ายึดมั่นในหลักประชาธิปไตย นิติรัฐ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเท่าเทียม แต่เหตุใดพรรคกลับเพิกเฉย ละเว้นความรับผิดชอบต่อการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับ ส.ส.ทั้ง 4 ท่านที่ถูกกระทำ ดังนั้น พรรค อนค.ควรตรวจสอบและลงโทษผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงออกมาขอโทษ ส.ส.ทั้ง 4 ท่าน
น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ซึ่งถูกพรรคอนาคตใหม่ขับออกจากพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการหาสังกัดใหม่ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ และรับปากว่าจะไปอยู่พรรคไหน ตนเป็น ส.ส.เขต จึงต้องปรึกษาทีมงานที่ลงพื้นที่ก่อน มีติดต่อมาหลายพรรค ซึ่งอยู่ระหว่างที่เรากำลังศึกษาแต่ละพรรคไปด้วย เราไม่ได้โฟกัสว่าจะไปอยู่พรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก เราเน้นว่าหากไปอยู่แล้ว เราสามารถทำงานได้ ซึ่งมีทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน การที่เราจะไปร่วมกับพรรคไหน ก็ต้องคำนึงถึง ส.ส.ที่อยู่ในพรรคนั้นด้วยว่าไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรบ้าง จึงไม่ง่ายที่จะตัดสินใจ แต่ระยะเวลา 30 วันก็ไม่น้อยไป ไม่มากไป ยังมีเวลาตัดสินใจอยู่
"การเลือกพรรคการเมืองนั้น ก่อนที่เราจะเข้ามามันเป็นเรื่องพรรคการเมือง แต่พอเรามาทำงานแล้วมันกลายเป็นเรื่องของบ้านเมือง เราก็ต้องดูว่าทำตรงไหนแล้วได้ประโยชน์ที่สุด ต้องพิจารณาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วย วันเสาร์และวันอาทิตย์นี้จะเข้าไปคุยกับทีมงานและประชาชนในพื้นที่ แล้วจะตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน คาดว่าจะมีความชัดเจนก่อนปีใหม่ จะได้โล่งอก เพื่อจะได้รู้แล้วเริ่มต้นปีใหม่จะเดินงานอย่างไร"
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ หรือไม่ น.ส.กวินนาถกล่าวว่า ตนได้คุยกับนายจารึก และ พ.ต.ท.ฐนภัทร ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหน ส่วน น.ส.ศรีนวล ก็ชัดเจนแล้วว่าจะไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ส่วนกระแสของประชาชนในพื้นที่ไม่มีอะไร แต่ก็ยอมรับว่าจะมีคนโอเคกับเราหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะก็มีคนไม่พอใจเรา
ที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ที่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเป็นประธาน ได้มีการประชุมกันนัดแรก โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หลังจากที่ตนได้แถลงกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ ว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 4 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม 2.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ 4.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศนั้น หลังจากประมวลภาพแล้วได้ข้อสรุปว่า เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเพิ่ม คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ทั้งนี้ ครม.ชุดนี้สำคัญผิด ไปบอกว่าเพิ่งเป็น ครม.ได้ 6 เดือน แต่แท้จริงเป็นมา 5 ปีกว่า โดยใช้อำนาจของ คสช.ตามมาตรา 44 ทำให้ไม่มีใครสามารถยื่นญัตติอภิปรายพวกคุณได้
"ฟอร์ด"ยื่นตั้งพรรคเสื้อแดง
"คณะกรรมการกิจการพิเศษมองว่าไม่สามารถปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศได้อีกต่อไป เรามีหลักฐานเชื่อได้ว่ารัฐบาลบริหารราชการส่อไปในทางทุจริต ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านหากมีหลักฐาน จะเสนอชื่อบุคคลที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเพิ่มเติม ทางคณะกรรมการก็ไม่ขัดข้องเพราะถือเป็นสิทธิ์” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จำนวน 49 คนว่า รัฐบาลจริงใจแค่ไหนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สังเกตได้จากรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ เต็มไปด้วยคนไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญมากกว่าคนที่อยากแก้ ตั้งใจส่งคนมาป่วน มากกว่าส่งคนมาทำงานที่จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประชาชนอยากเห็นการตั้งใจศึกษาหาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าการซื้อเวลาไปเรื่อยๆ โดยยังคงดำรงเป้าหมายเดิมของรัฐบาล คือจะอย่างไรก็ตามต้องไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้น บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ควรเป็นบุคคลที่มองเห็นปัญหาจากการใช้รัฐธรรมนูญ มีความเป็นกลางทางการเมือง มีชุดความคิดที่มีมาตรฐาน มีวุฒิภาวะ เคารพและฟังเสียงประชาชน
ที่สำนักงาน กกต. นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินทางขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการจดจัดตั้งพรรคการเมืองต่อ กกต. โดยระบุว่า มีความต้องการที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองของคนเสื้อแดง โดยได้เตรียมไว้ 2 ชื่อคือ พรรคเส้นทางสีแดง และพรรคประชาชนอยากเลือกตั้ง ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคจำนวน 15 คน มายื่นขอจัดตั้งพรรคเส้นทางสีแดง จากนั้นจะไปหาสมาชิกให้ได้ครบ 500 คน ภายใน 180 วัน ตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด
นายอนุรักษ์กล่าวว่า เหตุที่จัดตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ เพราะว่าตนได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลไม่น่าจะอยู่รอดถึงสิ้นปี 2563 โดยกลางปีหน้าก็น่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งคนเสื้อแดงพูดถึงเรื่องของการจัดการตั้งพรรคการเมืองมาตลอด แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ ตนจึงขอเป็นตัวแทนที่จะเป็นผู้เริ่มก่อตั้งพรรคของคนเสื้อแดงอย่างแท้จริง ถือว่าเป็นตัวแทนของคนไทยทุกสีเสื้อที่รักประชาธิปไตย ตนและเพื่อนๆ ที่ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง เราทำมาตลอด 9 ปี ไม่มีครั้งไหนที่ไม่ประสบความสำเร็จ นี่คือจุดแข็งของเรา และคิดว่าถ้าถึงเวลาเลือกตั้งเราจะประสบความสำเร็จ ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคสำรองของใคร เราทำเพื่อคนไทยทุกสีเสื้อ
อย่างไรก็ตาม นายอนุรักษ์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคจำนวน 15 คนว่ามีใครบ้าง โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดง โดยระบุเพียงว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยกัน เช่น กลุ่มรณรงค์อยากเลือกตั้ง, กลุ่มนักปั่นจักรยานเส้นทางสีแดง และกลุ่มรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |