"พีระพันธุ์" รายงานตัว "บิ๊กตู่" นั่งที่ปรึกษานายกฯ แบะท่าพร้อมเป็น "ปธ.แก้รัฐธรรมนูญ" ส่วน "วิษณุ" เชื่อ "สนธิญาณ" ไม่ใช่สายล่อฟ้า "ชลน่าน" บอก พท.รับได้ "เสี่ยตุ๋ย" ผู้นำแก้รธน. ห่วงแค่ ส.ว.หวงอำนาจไม่ร่วมมือ "สุทิน" ชิงขอโควตาฝ่ายค้านเป็นรอง ปธ.คนที่ 1 "พีระศักดิ์" ยัน ส.ว.ฟังเสียงประชาชนไม่ยึดติดตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19 ธ.ค. เวลา 15.20 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางมาสักการะศาลพระภูมิและศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเข้ารายงานตัวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า จากการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้รับผิดชอบงานในด้านกฎหมายและการดูแลเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่วนห้องทำงานอยู่บนตึกบัญชาการ แต่ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อย
ถามถึงกรณีมีชื่อเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และมีแนวโน้มนั่งเป็นประธาน กมธ. นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และจากการที่ได้พูดคุยกับนายกฯ ก็ไม่ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าว มีเพียงการพูดคุยเรื่องงานภายในทำเนียบรัฐบาล
"ผมได้เห็นชื่อตัวเองอยู่เหมือนกัน และไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร จนนาทีนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใครเลย แต่ถ้าได้รับเลือกก็ทำได้อยู่แล้ว มันไม่ต่างกับกรรมาธิการอื่นๆ เหมือนกันหมด เราอยู่ในสภามานานแล้ว ทำหน้าที่ประธานมาก็หลายคณะแล้ว” นายพีระพันธุ์กล่าว
ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่นายพีระพันธุ์ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีร่วมเป็น กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากให้มองในแง่ดีจะได้ประโยชน์ การทำงานจะมีประโยชน์ มีพลังขับเคลื่อน
ถามถึงที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่นเป็น กมธ. ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนไม่รู้จักนายสนธิญาณ แต่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาเป็นกมธ.ได้ การจะเป็นสายล่อฟ้าไม่เกี่ยวกับเป็นอะไร แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม เป็น ส.ส., ส.ว. หรือ ครม. ก็ล่อฟ้าได้หมด
"ครม.ไม่เคยรับรู้รายชื่อ กมธ.สัดส่วนของฝ่ายค้านและรัฐบาล จะรู้ก็เพียงไม่กี่คนในสัดส่วนของ ครม. ซึ่งคนที่เขาเสนออาจคิดว่าให้มีตัวแทนมาจากทุกมิติ" รองนายกฯ กล่าว
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลา 120 วันว่า 120 วันก็ใกล้เคียง แต่จะเสร็จหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นกรรมาธิการด้วย แต่ขอให้โอกาสเขาทำงานก่อนอาจจะเห็นอะไรดีขึ้น
"ในที่ประชุม กมธ.ชุดนี้คงไม่มีการโต้เถียงกันหรอก เพราะแต่ละคนก็เป็นผู้ใหญ่กันทุกคน มีประสบการณ์ และอยากให้บ้านเมืองได้ดีทั้งนั้น" นายเทวัญกล่าว
ซักว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่านายสนธิญาณเข้ามาจะเป็นสายล่อฟ้า รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่สายล่อฟ้า เพราะทุกคนก็มีโอกาสเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอยากแก้ไขบ้านเมืองให้ดีขึ้น อย่าไปคิดว่าพอดูชื่อแล้วจะดูน่ากลัว
รับได้'พีระพันธุ์'นั่งปธ.
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการตั้ง กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าถือเป็นเรื่องดีที่ทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาในทางปฏิบัติต้องแก้ไข ส่วนใครจะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งจากรายชื่อของคณะกรรมาธิการฯ พบหลายคนมีความรู้ความสามารถ เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวัง
"ตามกระแสข่าวที่ว่าจะเสนอรายชื่อนายพีระพันธุ์เข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นคนที่มีประสบการณ์ทั้งทางการเมืองและการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งมีความเป็นกลางทางการเมืองที่ทุกพรรครับได้ ที่สำคัญไม่ว่าใครที่จะเข้ามานั่งในเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ ต้องมีความเป็นกลาง สามารถนำความเห็นทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันทำงานได้ โดยสรุปหากไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ เชื่อว่าทางพรรคเพื่อไทยรับได้หากนายพีระพันธุ์เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ" นพ.ชลน่านกล่าว
รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทางพรรคฝ่ายค้านเห็นควรให้มีการเปิดทางในการแก้ไขมาตรา 256 ไว้ เพื่อจะได้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หมายถึงการเปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่กังวลว่าฝ่ายวุฒิสภาจะไม่เห็นด้วย
"การแก้ไม่ง่าย เพราะวุฒิสภาคงไม่ยอมวางอำนาจง่ายๆ เพราะไปกระทบกับสิทธิประโยชน์และอำนาจของวุฒิสภา ดังนั้นเขาย่อมหวงแหนอำนาจเป็นธรรมดา จึงต้องดูท่าทีของวุฒิสมาชิกว่าจะมีท่าทีอย่างไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าว
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวเช่นกันว่า ส่วนตัวมองนายพีระพันธุ์เป็นเพียงผู้ที่มีความเหมาะสมระดับพอใช้ แต่ไม่ใช่บุคคลที่เหมาะสมที่สุด ตนยอมรับในประสบการณ์ของนายพีระพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับจากสังคม แต่บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรเป็นบุคคลที่มีความเป็นกลาง แม้ใจไม่เป็นกลาง แต่ต้องมีวุฒิภาวะ เป็นบุคคลที่มีความหิริโอตตัปปะ
"ส่วนตัวมองว่าบุคคลที่เหมาะสมเป็นประธานกรรมาธิการฯ มากที่สุดคือนายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย รองลงมาคือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แต่หากจะลงมติสู้กัน ฝ่ายค้านคงสู้ฝั่งรัฐบาลไม่ได้แน่นอน เพราะเสียงข้างมากเป็นของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล แต่เพื่อให้แสดงถึงความใจกว้างของฝั่งรัฐบาล รวมถึงความจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรให้ตำแหน่งรองประธานกรรมาธิการฯ คนที่หนึ่ง ให้กับพรรคฝ่ายค้าน" นายสุทินกล่าว
ส.ส.พรรค พท.รายนี้ระบุว่า การพิจารณาเนื้อหาเพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น กลุ่มพรรคฝ่ายค้านเตรียมนำเสนอพิมพ์เขียวให้กรรมาธิการพิจารณา แต่จะมีรายละเอียดถึงเรื่ององค์คณะและระยะเวลาที่แก้ไขยังไม่ถึงขั้นลงรายละเอียด
ส่วนนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า รายชื่อ กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญที่สภาแต่งตั้งถือว่ารับได้ และมีความหลากหลายมากทางความคิด เป็นจุดดีของคณะกรรมาธิการ มีทุกสีทุกกลุ่มการเมือง ก็น่าจะเป็นคณะกรรมาธิการที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ผลที่ออกมาจะพิสูจน์ถึงความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาประเทศ ว่าสุดท้ายคณะกรรมาธิการฯ จะทำเพื่อประชาชนหรือไม่ ภายหลังครบกำหนดระยะเวลาในการศึกษาที่ขอไปจากสภา เชื่อว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแน่นอน เพราะไม่เชื่อว่าจะดึงเวลาออกไปให้นานกว่านี้ เนื่องจากประชาชนจับตามองอยู่" นายสมคิดกล่าว
รอง ปธ.วิปฝ่ายค้านกล่าวว่า หากจะดึงเวลาเนิ่นนานออกไปรัฐบาลก็ต้องตอบคำถามประชาชน พล.อ.ประยุทธ์จะนั่งทับผลการศึกษาหรือแสดงอารมณ์โมโหเกรี้ยวกราด ก็ให้เห็นหัวประชาชนที่รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้บ้าง อย่าเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่นักเลย
ส.ว.ไม่ขวางโดนรื้ออำนาจ
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการเสนอนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็น กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ โควตาพรรคว่า พรรคนี้มี ส.ส.น้อย และต้องทำงานทั้งในและนอกสภา หากเรานำ ส.ส.ไปทำหน้าที่อื่นทั้งหมด จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารพรรคและการทำงานในคณะกรรมาธิการสามัญคณะอื่นๆ เราจึงต้องหาคนที่มีความรู้และความสามารถจริงเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่านายสมชัยมีคุณสมบัติจริงๆ
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าวว่า ทิศทางการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ทั้ง 49 คน อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าเสียงของฝ่ายค้านน้อยกว่าของฝ่ายรัฐบาล จึงต้องดูว่ามีความตั้งใจจะทำงานให้กับประชาชนหรือไม่ ซึ่งคิดว่าประชาชนที่ติดตามการเมืองจะเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ไม่ดีทุกมาตรา แต่นั่นยังมีอีกหลายมาตราที่ต้องได้รับการแก้ไข ส่วนจะผ่านไปได้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถามถึงกรณีนายพีระพันธุ์อาจจะเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นประธาน กมธ. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว ถือว่าประกาศตัวชัดเจนแล้วว่าอยู่ฝั่งใด ย่อมต้องทำตามที่ผู้มีอำนาจสั่งการ
ส่วนนายสมชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวขอบคุณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่เสนอชื่อตนเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ในนามของพรรค และเห็นความตั้งใจของตนในการเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาอย่างพิกลพิการ ที่ร่างตามความปรารถนาของคนบางคน เพียงมุ่งหวังประโยชน์ในการครองอำนาจทางการเมือง มากกว่าจะให้เป็นรัฐธรรมนูญที่ดี เป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
“พรรคเสรีรวมไทยมีโควตาเพียง 1 ที่นั่ง แต่ท่านเสียสละยอมให้ผมใช้โควตาดังกล่าว ขอรับรองว่า 1 เสียงนี้จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างเต็มที่” นายสมชัยกล่าว
วันเดียวกัน นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. กล่าวกรณีสภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้ง กมธ.พื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จำนวน 49 คน ภายในกรอบเวลาพิจารณา 120 วันว่า การศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นกรอบเวลาการศึกษาแก้ไขที่มี 120 วันจะสูญเปล่า เพราะเท่าที่ดูรายชื่อกรรมาธิการจากสัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองนั้น ล้วนมีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับทั้งสิ้น
"หากมีการขับเคี่ยวกันในเนื้อหาสาระ จะต้องฟังเสียงของชาวบ้านเป็นหลัก ไม่ควรยึดประโยชน์เเค่เฉพาะความต้องการจากสัดส่วนของพรรคหนึ่งพรรคใดหรือคนใดคนหนึ่งมาเป็นตัวตั้ง เพื่อที่จะเอาชนะคะคานกันในกรรมาธิการ ไม่เช่นนั้นจะเข้าตำราคนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้ และรังเเต่จะเกิดความขัดเเย้ง ประเทศชาติก็จะไม่เดินหน้า" นายพีระศักดิ์กล่าว
ถามถึงกรณี ส.ส.วิจารณ์ที่มาและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ว่าควรถูกรื้อและแก้ไข ส.ว.ผู้นี้กล่าวว่า หากมีการแก้ไขเรื่องที่มาและอำนาจ ส.ว.จริงๆ เชื่อว่า ส.ว.แต่ละคนไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่งอยู่แล้ว และพร้อมทำตามความต้องการที่สะท้อนจากเสียงของประชาชน หากเห็นว่าเป็นช่องทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้
"ขอเเนะนำว่า การศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ล็อกกลอนเอาไว้อยู่หลายด่าน ต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้านมากที่สุดก็ควรเริ่มจากจุดนั้น หากเลือกหยิบกุญเเจไม่ถูกดอกตั้งเเต่ต้น จุดมุ่งหมายจะติดล็อกและสูญเปล่าตั้งเเต่ประตูบานเเรก" ส.ว.ผู้นี้กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |