19 ธ.ค. 2562 นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว เปิดเผยว่า จากมาตรการชิมช้อปใช้ทำให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายในช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรดมากขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประทศไทยกลับมาเติบโต 5% ในรอบ 3-4 ปี โดยเฉพาะรูปแบบซองที่ค่อนข้างมีอัตราการเติบโตทรงตัวมาหลายปีได้รับอานิสงส์ดังกล่าว คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยปี 2561 เติบโตที่ 3%
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2563 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียม เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคเริ่มนิยมกว่าในอดีต รวมถึงยังทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัททางหนึ่งด้วย โดยเฉพาะในรูปแบบชามที่กำลังเริ่มมีการขยายตัวและสร้างส่วนแบ่งขึ้นมาเป็น 2% จากตอนนี้ภาพรวมยังคงเป็นชนิดซองเป็นหลัก 80% และแบบถ้วยอีก 18%
“ต้องยอมรับว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลีได้เข้ามาสร้างตลาดชามให้เติบโตมากขึ้น เปรียบเสมือนการทะลายกำแพงราคา เข้ามาเป็นเหมือนการทะลายกำแพงราคา คนก็เริ่มคุ้นเคยกับราคาและสามารถจับจ่ายได้ เพราะเมื่อหลายปีก่อนเคยมีผู้ประกอบการทดลองทำในลักษณะดังกล่าว แต่ราคาในตอนนั้นคงยังไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดมากนัก บริษัทเองก็เคยทำพรีเมียมแบบซองมาก่อนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้คนไม่ได้กังวลเรื่องราคาเหมือนอดีต เห็นได้จากการที่ไวไวออกสินค้ารูปแบบชามาในราคา 25 บาท ก็มีผลตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีเยี่ยม สะท้อนให้เห็นว่ามีโอกาสทางธุรกิจ” นายยศสรัล กล่าว
ส่วนการเข้ามาในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดชามของไวไว นับเป็นแบรนด์ไทยแรกที่รุกตลาดดังกล่าว โดยเริ่มจากปลายปี 2561 ด้วยรสชาติต้มยำกุ้งน้ำข้น และในปี 2562 นี้กับความสำเร็จจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไวไวปรุงสำเร็จ ชนิดชาม ขนาด 70 กรัม เนื่องจากเกิดการรีวิวในช่องทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้เกิดการซื้อตามเพราะรู้สึกว่าการรีวิวเป็นของจริงมากว่าการใช้พรีเซ็นเตอร์ จึงเป็นโอกาสสำหรับการออกรสชาติใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวรสต้มยำ สูตรดั้งเดิม ขนาด 70 กรัม และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวรสหอยลายผัดฉ่า ขนาด 70 กรัม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อว่าหลังจากเข้ามารุกตลาดด้วยชนิดชามแล้ว เชื่อว่าจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์อีก 1% จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 23 – 24 % โดยผู้นำตลาดยังคงเป็นแบรนด์ มาม่า 50% ขณะที่แบรนด์ยำยำ 21-22% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นอีก4-5%
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |